ตอนที่ 78 ความเร็วของเมิ่งชวน
‘ถึงตาข้าแล้ว’ เมิ่งชวนเดินขึ้นไปที่ทางเข้าอุโมงค์ในทันที ลมหนาวพัดมาพรัอมกับหิมะที่ตกลงมาบนใบหน้าของเขา ความเย็นที่สัมผัสบนใบหน้านั้นทำให้เขาตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
นี่เป็นการสอบเข้าเขาหยวนชูเลยนะ!
หลังจากผ่านการฝึกฝนมาหลายปี ในตอนนี้เขากำลังจะเข้าสู่เขาหยวนชูและกลายเป็นเทพอสูร! พ่อของเขากำลังมองจากไกลๆ และคนในตระกูลของเขาก็ต่างรอฟังข่าวดี และการทดสอบนี้เป็นจุดเด่นของเขา ดังนั้นเขาต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้อยู่แล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองที่ครอบครัวของเขา พ่อของเขา เมิ่งต้าเจียงกำลังมองอยู่ พวกเขาสบตากันก่อนที่เมิ่งชวนจะหันกลับไปมองที่อุโมงค์ตรงข้างหน้า
‘พุ่งเข้าไป ด้วยความเร็วสูงสุดของข้า!’
พลังปราณของเมิ่งชวนปะทุขึ้นเป็นสิบห้าเท่าจากปกติ หลังจากการฝึกฝนมานานนับหลายปี เส้นลมปราณของเขานั้นสามารถทนทานต่อพลังที่รุนแรงเช่นนั้นได้ เขาเคลื่อนพลังปราณตามวิชาลับของอัสนีห้าโลกา และเมื่อรวมเข้ากับกายาเทพอสูรของเขาแล้ว มันก็ทำให้เขาพุ่งไปได้อย่างรวดเร็ว เขาเปลี่ยนกลายเป็นเส้นสายฟ้าและพุ่งผ่านอุโมงค์นั้นไป
ในทุกๆวันเขาจะฝึกท่าชักกระบี่แปดพันครั้ง และๆทุกครั้งเขาก็จะพุ่งไปด้านหน้าและชักกระบี่ออกมาในตอนที่ลูกศรถูกยิงออกมาพอดี! หากเขาอยากจะฟันลูกศรให้เร็วกว่านั้น เขาก็ต้องชักกระบี่ให้เร็วขึ้นและพุ่งเข้าใส่ให้ไวขึ้น
และมันทำให้เขาต้องพุ่งตัวด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อแปดพันครั้งทุกวัน! และเขาก็ฝึกวิชาการเคลื่อนไหวของเขากับห่าลูกศรหลายชั่วโมงทุกๆวัน
ยิ่งไปกว่านั้น เมิ่งชวนเริ่มการฝึกฝนนี้ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้าถึงระดับก่อกำเนิดเสียอีก ซึ่งเป็นระดับที่สำคัญมากแก่การสร้างรากฐานเทพอสูร! ในขณะที่คนเรากำลังเติบโต การฝึกฝนในช่วงนั้นจะให้ผลดีที่สุด และเช่นเดียวกัน หากเราฝึกฝนทุกวันการเปลี่ยนจากคนผอมแห้งไปเป็นคนกล้ามโตได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
และการฝึกฝนในระดับก่อกำเนิดนั้นสำคัญมากกว่าการฝึกฝนของมนุษย์ในช่วงวัยรุ่นอีก
การที่เขามีร่างเทพอัสนีนั้นหมายความว่าเขาเก่งในด้านความเร็ว และผลที่ได้นั้นก็ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของเขา
เมิ่งชวนฝึกฝนจนถึงขีดสุดทุกวัน เพื่อทำให้ร่างเทพอสูรของเขานั้นเติบโตในช่วง “วัยรุ่น” ได้ดี กระดูกและกล้ามเนื้อของเขานั้นถูกเสริมให้ช่วยเพิ่มความเร็วอันน่าเหลือเชื่อนั่นไปอีก แม้ว่าคนอื่นจะมีร่างเทพอสูรเหมือนกันและมีรากฐานเทพอสูรที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ยังคงด้อยกว่าเมิ่งชวนในเรื่องของความเร็วหากพวกเขาไม่ได้ฝึกฝนอย่างหนักแบบนั้นกัน
หากคนๆนั้นไม่ได้ผลักดันเส้นลมปราณของเขาไปจนถึงขีดสุดทุกๆวันและทำเช่นนั้นต่อเนื่องกันเป็นปี เขาก็คงจะไม่สามารถรับมือกับการปะทุพลังปราณสิบห้าเท่าจากปกติได้หรอก ทุกอย่างนี้เป็นผลมาจากการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน ยิ่งไปกว่านั้น คนๆนั้นต้องเลือกเส้นทางให้ถูกสายด้วย
อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
เมิ่งชวนมีเพียงเป้าหมายเดียว ความเร็วมหาศาล
ตูม!
เมื่อเขาพุ่งเข้าไปในทางที่คดเคี้ยวนั้น ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อของเขานั้นก็สามารถทำให้ทุกคนรับรู้ได้ด้วยตาเปล่า มันเร็วกว่าอัจฉริยะคนอื่นๆที่ลองมาแล้วก่อนหน้านี้
เมื่อเมิ่งต้าเจียงเห็นดังนั้น ดวงตาของเขาก็รื่นน้ำตาไปด้วยความตื่นเต้น นั่นแหละลูกของเขา! ลูกของเขาที่เร็วกว่าคนอื่นๆทั้งหมด!
“ความเร็วขนาดนี้!”
“เร็วเกินไปแล้ว!”
คนอื่นๆต่างตกตะลึง
ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะที่มองอยู่จากข้างสนาม หรือจะเป็นกระทั่งฉู่หยง หยานเฟิง หยานชื่อถง ซงฉะและคนอื่นๆต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็น
มันเร็วเกินไป! ไม่จำเป็นต้องนับหยดน้ำด้วยซ้ำ นี่เป็นสิ่งที่รับรู้ได้ด้วยตาเปล่า ความเร็วของเขานั้นเร็วกว่าคนอื่นๆในระดับเดียวกันมากเลย!
เร็วกว่านี้! เร็วกว่านี้! ไปให้เร็วกว่านี้! เมิ่งชวนพุ่งผ่านอุโมงค์คดเคี้ยวนี้ มีบางส่วนที่เป็นเส้นตรงและบางส่วนที่คดเคี้ยว มันทำให้ทั้งอุโมงค์ดูราวกับงูเลื้อย
เมื่อผ่านไปครึ่งทาง เมิ่งชวนได้ใช้วิชากระบี่ของเขาเพื่อควบคุมร่างกายและพลังปราณ เขาในตอนนี้เหมือนกับลำแสงกระบี่ที่ตัดผ่านอากาศ ชายเคราแพะได้แต่หรี่ตาจ้องมองกาน้ำรั่วอย่างใจจดใจจ่อ หยดน้ำนั้นหยดไวมาก แต่เมื่อเทียบกับความเร็วของเมิ่งชวนแล้ว หยดน้ำเหล่านั้นมันดูช้ามากๆ
“โห?” หญิงสาวชุดสีฟ้าที่เป็นคนดูแลส่วนนี้เลิกคิ้วขึ้นและมองไปที่เด็กหนุ่มที่พึ่งเปลี่ยนตัวเองเป็นสายฟ้า “เขาเร็วขนาดนั้นเลยรึ?”
ตูม!
เมิ่งชวนออกมาจากอุโมงค์ในทันที
ชายเคราแพะที่กำลังใจจดใจจ่อกับกาน้ำรั่วเมื่อได้เห็นเมิ่งชวนออกมาก็ตะโกนขึ้นมาว่า “7 หยดน้ำ!”
เหล่าอัจฉริยะต่างตกตะลึง แม้ว่าพวกเขาต่างภาคภูมิใจและมีความมั่นใจในตัวเอง แต่พวกเขาก็ยังคงรู้สึกกดดันเมื่อได้เห็นความเร็วอันน่ากลัวนั้น
‘เขาเร็วขนาดนั้นเลยรึ?’ ดวงตาของฉู่หยงหรี่ลงเล็กน้อย เขามีรากฐานเทพอสูรที่ทรงพลัง แต่ต้องใช้ถึง 12 หยดน้ำกว่าจะผ่านอุโมงค์ไปได้ แต่เมิ่งชวนกลับใช้เพียงแค่ 7 หยด ‘นี่เขาเร็วกว่าข้าถึง 7 ส่วนเลยรึ?’
มันยังพอรับได้หากเขาเร็วกว่าแค่ 1 ส่วน แต่นี่ตั้ง 7 ส่วน
‘นี่คือความเร็วของเมิ่งชวนสินะ ข้าฝึกฝนวิชากระบี่คู่หยินหยางไฟน้ำแข็ง แต่ข้าก็ยังโดนเมิ่งชวนนำไปอยู่ดี’ เหยียนจินใจเย็นมาก เขาเป็นคนที่คุ้นเคยกับเมิ่งชวนมากที่สุดแล้วในหมู่อัจฉริยะเหล่านี้ และในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ที่อาคารรับรองรัฐอู๋ พวกเขาได้ประลองกันหลายครั้ง มันทำให้เขารู้ดีว่าความเร็วของเมิ่งชวนนั้นน่าสะพรึงมากขนาดไหน
หากเมิ่งชวนนั้นเหนือกว่าเขาโดยสิ้นเชิง เขาก็มั่นใจได้มากว่าเมิ่งชวนนั้นก็เหนือกว่าอัจฉริยะคนอื่นๆเช่นกัน
‘ตราบใดที่ข้าสามารถทุบเขาได้ มันก็จะพ่ายแพ้เป็นแน่ แต่ความเร็วของหมอนั่นมันมากเกินไป’ ชี่หยวนถงหน้าถอดสีนิดหน่อย เมิ่งชวนนั้นทำให้เขากดดัน
…
“พี่เมิ่ง ยินดีด้วย ลูกของท่านสุดยอดจริงๆ ความเร็วของเขานั้นมากที่สุดในหมู่มนุษย์เลยสินะ?”
“พี่เมิ่ง ด้วยความเร็วเช่นนี้ ข้าเชื่อว่าเขาจะได้เข้าสู่เขาหยวนชูอย่างแน่นอน” หลายคนรอบๆเมิ่งต้าเจียงแสดงความยินดีกับเขา เมื่อเมิ่งต้าเจียงมาอยู่ในกลุ่มคนเช่นนี้เขาก็อยากจะตะโกนอวดลูกชายอย่าง “ดูนั่นสิ นั่นล่ะลูกชายข้า” บ้าง แต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจเขาเท่าไหร่นัก แต่เพราะคราวนี้การทดสอบรอบที่สอง เมิ่งชวนทำคะแนนไปจนทุกคนต้องตกใจก็เลยทำให้เขาสามารถอวดได้
ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญมาก ตราบใดที่คนๆนั้นเร็วพอ การโจมตีก็จะไม่อ่อนแอเกินไป แต่เพื่อให้มั่นใจว่ากระบี่ของเขานั้นจะเคลื่อนที่ได้เร็วที่สุด กระบี่นั้นต้องไม่หนักจนเกินไป กระบี่ของเมิ่งชวนเป็นกระบี่สองคม และตัวใบมีดนั้นก็บางมาก มันหนักเพียง 5 จินเท่านั้น สำหรับคนที่ฝึกวิชากระบี่ไวนั้น อาวุธของพวกเขานั้นจะต้องเบา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้เปรียบเมื่อใช้วิชากระบี่เบาด้วยกระบี่ที่หนาและหนัก
กระบี่ที่เขาถือนันเบา และมันทำให้เขาสามารถผลักดันตัวเองด้วยความเร็วที่มากขึ้นได้
“ฮ่าๆ ตอนนี้ยังเป็นแค่รอบคัดเลือก ก็ยากที่จะบอกได้ว่าเขาจะได้เข้าสู่เขาหยวนชูหรือว่าเขาจะได้ที่เท่าไหร่กันอยู่ดี”เมิ่งต้าเจียงหัวเราะ
“ข้าได้ยินมาว่าสามอันดับแรกในการจัดอันดับครั้งสุดท้ายจะได้รับรางวัลมากมายจากเขาหยวนชู เมิ่งชวนอาจจะติดอยู่ในสามอันดับนั้นก็ได้” คนอื่นๆเริ่มพูดคุยกับเขา พยายามที่จะตีสนิทด้วย คนในที่นี้หลายๆคนต่างรู้ว่าโอกาสที่ลูกๆของพวกเขาจะสอบติดนั้นต่ำ แต่ว่ามันก็ดูเหมือนว่าเมิ่งชวนนั้นน่าจะติดแน่นอนอยู่แล้ว มันทำให้พวกเขาต่างอยากที่จะตีสนิทกับพ่อของเมิ่งชวน เมิ่งต้าเจียง เอาไว้
นี่เป็นเหตุว่าเส้นสายระหว่างตระกูลเทพอสูรนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ยิ่งตระกูลใหญ่ เส้นสายก็จะมีมากตามไป
“ช่างเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริงๆ”
“ความเร็วของเขานั้นเทียบได้กับเทพอสูรระดับแดนอมตะเลยทีเดียว”
“การที่มนุษย์มีความเร็วเทียบเท่ากับเทพอสูรระดับแดนอมตะได้นี่ ช่างน่าชื่นชมจริงๆ”
เทพอสูรหลายคนเองก็ประหลาดใจเช่นกัน พวกเขาตาลุกวาว ในตอนนี้พวกเขาได้เจอกับเหล่าต้นกล้าที่ดี ชี่หยวนถงในรอบแรก และในตอนนี้ พวกเขาก็ได้เจอเมิ่งชวนในรอบที่สองนี้
เทพอสูรระดับยาเมฆานั้นเป็นเทพอสูรที่พึ่งกำเนิดใหม่ ส่วนเทพอสูรระดับแดนอมตะนั้นอยู่ในระดับที่สอง เที่ยบได้กับราชาอสูรระดับสองนั่นเอง
“ถ้าข้าจำไม่ผิด คนที่เร็วที่สุดในการสอบเข้าเขาหยวนชูเมื่อปีก่อนสามารถพุ่งผ่านอุโมงค์ได้ใน 9 หยดน้ำ” เทพอสูรชุดดำกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “และเขานั้นก็เป็นอัจฉริยะที่ฝึกฝนร่างเทพอัสนีเหมือนกัน แต่ดูท่าแล้ว ความเร็วของเมิ่งชวนเร็วกว่าเด็กคนนั้นกว่าสามส่วนได้ แม้จะมีร่างเทพอัสนีเหมือนกัน แต่กว่าเขากลับไวกว่าถึงสามส่วน!”
“เมื่อปีก่อนข้าก็อยู่ที่นี่” ขุนนางเมฆาใต้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนั้นเมื่อปีก่อนมีรากฐานของร่างเทพอสูรที่ไม่ด้อยไปกว่าของเมิ่งชวนเลย แต่ว่า ร่างเทพอัสนีของเขานั้นแตกต่างจากเมิ่งชวนอยู่หน่อย เมิ่งชวนนั้นเหมาะแก่การระเบิดความเร็วขึ้นมามากกว่า และเห็นได้ชัดว่าเขานั้นได้ผ่านการฝึกฝนที่หนักหนาและมีประสิทธิภาพมากกว่า”
“นั่นสินะ” เทพอสูรคนอื่นๆก็เห็นด้วย
“นอกจากนี้การปะทุพลังปราณของเขานั้นรุนแรงมาก รุนแรงยิ่งกว่าอัจฉริยะคนอื่นๆเสียอีก แต่ว่าเส้นลมปราณของเขากลับทนมันได้” ขุนนางเมฆาใต้กล่าวต่อ ด้วยความที่เป็นเทพอสูรระดับขุนนาง มันทำให้เขาสามารถเห็นพลังที่เมิ่งชวนปลดปล่อยได้อย่างชัดเจน “เขาสามารถเพิ่มพูนศักยภาพของตนเองได้ดีเลย ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของเขานั้นก็สูงกว่าคนอื่นๆ เขานั้นได้ถึงจุดสูงสุดของพลังกระบี่ไปแล้ว และอยู่ห่างจากสำนึกกระบี่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น และด้วยเหตุเหล่านี้ มันทำให้เขาสามารถเร็วกว่าคนที่เร็วที่สุดของปีที่แล้วได้ถึงสามส่วน”
“เมฆาใต้ เจ้ากำลังชื่นชมเด็กนั่นเพราะว่าเขามาจากรัฐอู๋ใช่ไหมเล่า?” ขุนนางทะเลตะวันตกแซว
“ข้าพูดเกินจริงไปรึ?” ขุนนางเมฆาใต้ชำเลืองมองเทพอสูรที่อยู่ใกล้ๆ “ข้าพูดความจริง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”เทพอสูรอีกคนหัวเราะ