ตอนที่ 77 กาน้ำรั่ววัดเวลา
‘อย่างที่คาดเอาไว้ เด็กคนนี้สามารถทำลายได้ถึง 299 ชั้น’ ชายที่ดูกระเซอะกระเซิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความพึงพอใจเมื่อได้เห็น หลังจากที่ชี่หยวนถงโจมตีออกไป เขาก็ได้ตัดสินใจในทันทีและเพิ่มจำนวนกำแพงแสงขึ้นอีก 100 ชั้น! มันเป็นไปอย่างที่เขาคาดเอาไว้ ชี่หยวนถงพลาดแค่ชั้นสุดท้ายเพียงเท่านั้น ความสามารถในการควบคุมสิ่งที่ทรงพลังนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเทพอสูร
ชายคนนั้นสะบัดแขนเสื้อและกำแพงแสงชั้นสุดท้ายก็หายไปเช่นกัน เขาหันหลังเดินกลับไปที่นั่ง ในขณะเดียวกันเขาก็ยิ้มและพูดว่า”ชี่หยวนถงนี่ก็ไม่เลวเหมือนกันนี่นา?”
เทพอสูรชุดดำที่อยู่ข้างๆก็ยิ้มและพูดว่า “ร่างเทพอสูรของชี่หยวนถงเทียบได้กับฉู่หยง หยานเฟิงและตงเฟิงเลยทีเดียว ระดับวิชาของเขาเองก็ใกล้เคียงกับพวกนั้นที่อยู่ในระดับ “พลัง” เช่นเดียวกัน แต่ทว่า พลังที่เขาปล่อยออกมานั้นแข็งแกร่งกว่ามาก แม้จะมีร่างเทพอสูรแบบเดียวกัน แต่เขากลับสามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้เป็นสองเท่าของพวกนั้น เด็กคนนี้เหมาะแก่การเป็นสายพละกำลังเสียจริง”
“ใช่ อสูรมักมีร่างกายที่ทรงพลัง แต่ถึงอย่างนั้น ชี่หยวนถงก็คงจะสามารถบดขยี้อสูรระดับเดียวกันกับเขาได้อย่างง่ายดาย”
“เด็กคนนี้สามารถทรงพลังได้อย่างมหาศาลหากเดินตามสายพละกำลังไปจนสุด”
เหล่าเทพอสูรต่างกล่าวชม
แม้ว่าทุกปีจะมีคนหลายร้อยเข้าร่วมการทดสอบ แต่มีเพียงยี่สิบคนเท่านั้นที่ผ่าน และมีน้อยกว่านั้นอีกที่ทำให้ดวงตาของเหล่าเทพอสูรระดับราชาและขุนนางลุกวาวขึ้นมาได้
และพวกเขาก็ได้เจอกับชี่หยวนถงในการคัดเลือกรอบแรก
…
ชี่หยวนถงเดินไปต่อท้ายแถวอย่างใจเย็น คนอื่นๆมองไปที่ชี่หยวนถงในขณะที่คิดอะไรในใจ
‘ยอดเยี่ยม แม้ว่าการโจมตีของฉู่หยงและหยานเฟิงจะทรงพลังและมีพลังมากกว่าของข้าถึงสองเท่า แต่วิชากระบี่ของข้าไวกว่านี้มาก มันทำให้ข้าพอมั่นใจที่จะต่อสู้กับพวกเขาตรงๆ! แต่ว่าชี่หยวนถงนั้นต่างออกไป พละกำลังของเขามากกว่าของข้าถึงสี่เท่า ความต่างนี้มันมากเกินไป คงต้องใช้พลังแห่งวิญญาณเท่านั้นข้าถึงจะเอาชนะเขาได้’
ด้วยการใช้ “พลังแห่งวิญญาณ” ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และทำให้การโจมตีของเขาเทียบได้กับของชี่หยวนถง ความเร็วของเขาเองก็เหนือกว่าของชี่หยวนถงมากเช่นกัน เมื่อเขาใช้”พลังแห่งวิญญาณ”กับราชาอสูรระดับสอง บึงพิษ เขาสามารทิ้งห่างได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาเดียวของพลังแห่งวิญญาณก็คือมันหมดไวเกินไป
จากอัจฉริยะ 311 คน มี 12 คนที่สามารถทำลายกำแพงแสงได้เกินร้อย ข้าทำได้ 79 ชั้น และอยู่ในอันดับที่ 23 ส่วนเหยียนจินอยู่อันดับ 7
อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
อัจฉริยะคนอื่นๆมีแผนของตัวเอง พวกเขารู้ระดับของตนเองดี
ในบรรดาอัจฉริยะ คนที่แข็งแกร่งก็จะแกร่งกว่านั้น คนที่แกร่งมาแต่เด็กนั้นก็จะแกร่งกว่าคนอื่นๆไปเกือบสองเท่า ตระกูลเทพอสูรยอมที่จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะสร้างให้รากฐานเทพอสูรของพวกเขานั้นแข็งแกร่ง! และสิ่งนี้มันจะทำให้พวกเขานั้นแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าคนอื่นๆถึงสี่เท่า
อัจฉริยะธรรมดาที่สอบไม่ผ่านก็จะไม่สามารถเข้าสู่เขาหยวนชูได้ ส่วนเหล่าอัจฉริยะที่สุดยอดอยู่แล้วก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีกหลังจากที่ได้เข้าสู่เขาหยวนชูและได้รับการฝึกอย่างดี
ระยะห่างของความแข็งแกร่งก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือเรื่องปกติของเหล่าจอมยุทธที่แข็งแกร่ง พวกเขาจะรับทุกโอกาสที่จะได้แข็งแกร่งขึ้น! และในที่สุด พวกเขาก็จะมีโอกาสได้เป็นเทพอสูรระดับขุนนางหรือไม่ก็ราชาเลยด้วยซ้ำ แต่หากพวกเขานั้นอ่อนแอตั้งแต่ยังเด็ก… ความแตกต่างของพลังก็จะห่างกันเป็นฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
เมิ่งชวนนั้นเลือกความเร็ว เขาคว้าทุกโอกาสเพื่อทำให้ตัวเองเร็วขึ้น! เขาเร็วมากจนแม้แต่เหยียนจินที่แข็งแกร่งใกล้เคียงกับเขานั้นก็ยังต้องปวดหัวเมื่อสู้ด้วยเลย
…
รอบคัดเลือกรอบแรกของเขาหยวนชูจบลงแล้ว เพื่อนและญาติๆที่ดูจากไกลๆต่างก็ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป แต่ว่ายังมีการทดสอบอื่นๆอยู่อีก
ผู้หญิงชุดสีฟ้าที่นั่งอยู่ข้างๆราชาตงเหอก็ลุกขึ้นมา
เธอก้าวออกไปและมองดูเหล่าอัจฉริยะและพูดออกมา “การทดสอบในรอบแรกนั้นเกี่ยวกับพละกำลัง มีทั้งหมด17คนที่ไม่ผ่านการทดสอบ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทดสอบต่อไปแล้ว ออกไปนั่งมองข้างๆก็พอ”
ทีนทีที่เธอพูดจบ ผู้ดูแลก็เดินออกมาและพาอัจฉริยะเหล่านั้นกลับไปหาเพื่อนและญาติๆ
“ข้าเป็นนักเกาทัณฑ์ ข้านั้นไม่ค่อยแข็งแกร่งเมื่ออยู่ในระยะใกล้ แต่ลูกศรของข้านั้นเร็วมาก ข้า…” เด็กหนุ่มคนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ
‘โห?’
หญิงสาวที่ชุดสีฟ้าขมวดคิ้วและหันมอง เด็กหนุ่มคนนั้นก็หยุดพูดทันที เขาลอยขึ้นไปและถูกโยนลงที่ที่เพื่อนและครอบครัวของเขาอยู่ อัจฉริยะคนอื่นๆที่ถูกคัดออกไม่กล้าเปล่งเสียงออกมา อย่างไรก็ตาม จะบอกว่าไม่เศร้าใจก็ไม่ใช่ เพราะพวกเขาถูกคัดออกทั้งๆที่ยังไม่ผ่านรอบคัดเลือกด้วยซ้ำ
“เขาหยวนชูมีเหตุผลสำหรับกฎเหล่านี้” หญิงสาวที่สวมชุดสีฟ้ากล่าวอย่างใจเย็น “มีปัจจัยหลายๆอย่างในการสังหารศัตรู แต่หากการโจมตีนั้นอ่อนแอเกินไปจนเจ้าไม่สามารถสังหารอสูรได้แม้มันจะอยู่ตรงหน้าเจ้านิ่งๆก็ตาม แล้วมันมีเหตุผลอะไรกันล่ะที่เขาหยวนชูจะรับเจ้าเข้ามา? ทำลายกำแพงแสงให้ได้อย่างต่ำ20ชั้นนั้นก็เลยเป็นเงื่อนไขต่ำสุดที่เขาหยวนชูยอมรับได้”
แม่ว่านักเกาฑัณฑ์ที่สังหารอสูรได้เก่งที่สุดจะยิงลูกศรที่ไวมากๆออกมาได้ แต่ลูกศรนั้นก็เบากว่าหอกและค้อนมาก ทำให้ปกติแล้วมันมีพลังน้อยกว่า แต่ในรอบคัดเลือกรอบแรกนี้มีนักเกาฑัณฑ์เพียงสองคนที่ถูกคัดออก ส่วนคนอื่นๆนั้นผ่านตามข้อกำหนด ในหมู่พวกเขา คนที่แข็งแกร่งที่สุดมีชื่อว่าซงฉะจากแคว้นหวงเหลียง ลูกศรของเขาสามารถทะลุผ่านไปได้ถึง 65 ชั้น ความอันตรายของเขานั้นไม่น้อยไปกว่าชี่หยวนถงเลยทีเดียว
“คราวนี้ การทดสอบรอบที่สองจะเริ่มขึ้นแล้ว นั่นคือความเร็ว!” หญิงสาวที่สวมชุดสีฟ้าจ้องมองไปที่เหล่าอัจฉริยะ “หลังจากที่เจ้าได้เป็นเทพอสูร พวกเจ้าจะได้เจอกับการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมากมาย หากเจ้าอ่อนแอ สิ่งที่เจ้าพึ่งได้ก็มีแต่ความเร็วเพื่อที่จะหนี แต่หากเจ้าแข็งแกร่ง เจ้าก็จะใช้ความเร็วเพื่อสังหารอสูรได้ ความเร็วนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งของเทพอสูร หากเจ้าช้าเกินไปแม้ว่าเจ้าจะทรงพลังมากแค่ไหนก็ตาม เจ้าจะตายทันทีหากเจ้าหนีไม่ทัน และเมื่อเจ้าตาย ทุกอย่างก็ไร้ค่า”
“ความเร็วนั้นแทบจะเทียบได้กับชีวิตของเจ้าเลย”
ฟุบ!
หญิงสาวชุดสีฟ้าสะบัดมือ
อากาศตรงหน้าเกิดบิดเบี้ยวขึ้นในขณะที่พลงแห่งฟ้าดินมารวมกัน มันก่อตัวเป็นอุโมงค์สีน้ำเงินดูเหมือนงูขนาดยักษ์
“เส้นทางในอุโมงค์นี้ยาวกว่า 150 จั้ง” หญิงสาวชุดสีฟ้าชี้ไปที่กาน้ำทองแดงขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกล “นั่นคือกาน้ำรั่วทองแดง มันจะวัดเวลาผ่านการหยดของน้ำ พวกเจ้าจะต้องผ่านทั้งเส้นทางนี้ภายในยี่สิบหยดน้ำ ยิ่งใช้เวลาน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี ผู้ใดที่เกินยี่สิบหยดน้ำจะถูกคัดออก! จำเอาไว้ เอาอาวุธของพวกเจ้าติดตัวไปด้วยและห้ามใช้วิชาต้องห้ามเทพอสูร เริ่มได้!”
“ก่อนอื่นอู๋ชางจากรัฐหลงหยุน” ชายเคราแพะตะโกนออกมา
อู๋ชางมีกระบี่หนาเตอะอยู่บนหลังของเขา มันหนัก 58 จิน และเมื่อเคลื่อนที่ น้ำหนักของอาวุธก็ส่งผลต่อความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขา อย่างไรก็ตาม กฎของเขาหยวนชูห้ามไม่ให้ทิ้งอาวุธของตน
ตูม!
อู่ชางพยายามเคลื่อนที่อย่างสุดกำลังและเปลี่ยนกลายเป็นเงาสีดำในขณะที่พุ่งผ่านอุโมงค์ไป บางขณะ เขาพุ่งไปเป็นเส้นตรง บางขณะ เขาพุ่งเลี้ยวออกไป หยดน้ำที่หยดลงมาจากกาน้ำรั่วทองแดงนั้นมันไวมากๆ
ฟิ้ว
ในที่สุดอู๋ชางก็ผ่านอุโมงค์คดเคี้ยวกว่า 150 จั้งนั่นได้
“19 หยดน้ำ! ต่อไปจางผิงจากรัฐเจียง” ชายเคราแพะกล่าว
เพียงเท่านั้นอู๋ชางที่หน้าเปื้อนเหงื่อก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ความเร็วไม่ใช่จุดเด่นของเขาเลย เขาเลยกลัวว่าจะไม่ผ่านข้อจำกัดด้วยซ้ำ
และเหล่าอัจฉริยะก็เข้าผ่านอุโมงค์คดเคี้ยวนั่นไปทีละคน
ทุกคนต่างกังวล
ยิ่งเร็วเท่าไหร่การจะเพิ่มความเร็วให้มากขึ้นไปอีกก็จะยากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าร่างของคนๆนั้นจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากมายหลายเท่า แต่ว่าความเร็วนั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้เพียงแค่ไม่เท่าไหร่ บางคนมีพละกำลังที่มหาศาล แต่กลับเชื่องช้าและอืดอาด
เหล่าอัจฉริยะเริ่มคำนวณกันอย่างเป็นกังวลขณะที่มองไปที่กาน้ำรั่วทองแดงโบราณนั่น
แม้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงวัน แต่ท้องฟ้ากลับมืดดำ ในขณะที่เหล่าอัจฉริยะกำลังพุ่งผ่านอุโมงค์ หิมะก็เริ่มจะตก
“ถึงคราวฉู่หยงแล้ว” หลายคนจับจ้องไปที่ฉู่หยง
ฉู่หยงเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดในหมู่อัจฉริยะ60อันดับแรก
ฉู่ยงที่สวมชุดคลุมสีดำได้ถือกระบี่ขนาดใหญ่ไว้บนหลัง ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำสีดำและสายฟ้า ในขณะที่เขาเปลี่ยนเป็นแค่ลำแสงพุ่งผ่านอุโมงค์ไป ความเร็วของเขานั้นเรียกได้ว่าเร็วกว่าคนอื่นๆมากมาย ทำให้หลายๆคนต้องตกตะลึง
ฟิ้ว ในตอนที่ที่ฉู่หยงออกมาจากอุโมงค์ ชายเคราแพะก็ตะโกนว่า “12 หยด!”
ในบรรดาอัจฉริยะก่อนหน้าฉู่หยงนั้น นอกจากบางคนที่เกิน 20 หยด ส่วนมากก็จะอยู่กันที่ 18 ถึง 20 หยด นั่นก็เป็นเพราะหากคนๆนั้นไม่ได้มีร่างเทพอสูรที่เด่นในเรื่องความเร็วแล้ว มันก็เป็นเรื่องยากที่จะเร็วขึ้นได้ มีอัจฉริยะคนหนึ่งที่ฝึกร่างเทพอัสนี้ ก็ทำเวลาที่ดีที่สุดในตอนนั้นได้ก็คือ 15 หยด แต่ของฉู่หยงนั้นใช้ไปเพียง 12 หยดเท่านั้น
เขาเร็วกว่าคนก่อนหน้านี้ที่ใช้เวลาไปประมาณ 18 – 20 หยดน้ำ ในการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนั้น การไวกว่าศัตรูนิดหน่อยนั้นก็เพียงพอที่จะตัดสินชะตากรรมได้ แม้จะเร็วกว่าเพียงห้าส่วนก็ตาม แต่การที่เร็วได้กว่าห้าส่วนเมื่อเทียบกับคนในระดับเดียวกันนั้น มันก็ทำได้ยากพอๆกับการแข็งแกร่งกว่าคนในระดับเดียวกันหลายเท่า
อัจฉริยะหลายคนปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ หยานเฟิงจากรัฐหยวนใช้เวลาไป 13 หยดน้ำ นี่เป็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่งใจ
“20 หยด ต่อไปเมิ่งชวนจากรัฐอู๋” ชายเคราแพะตะโกน