ตอนที่ 98 ขัดเกลาร่างกายด้วยกระแสพลังวินาศ
“ถ้าเช่นนั้นศิษย์ควรฝึกฝนกระบี่จิตพิสุทธิ์หรือขอรับ?” เมิ่งชวนถาม
ปรมาจารย์พยักหน้า “หากเจ้าฝึกฝนกระบี่จิตพิสุทธิ์ เจ้าจะฝึกฝนวิชากระบี่ได้ไวกว่าการฝึกมังกรพเนจรหรือกระบี่ตัดสายฟ้ามาก สิ่งที่เจ้าควรมุ่งเน้นในตอนนี้คือการบรรลุให้ถึง “เจตจำนงกระบี่” เจตจำนงที่แท้จริงของวิชากระบี่นั้นสูงส่ง”
“ดังนั้น เจ้าจึงต้องเชี่ยวชาญในวิชากระบี่ให้ได้เสียก่อนที่จะบรรลุถึง “เจตจำนงกระบี่” หลังจากที่เจ้าฝึกกระบี่จิตพิสุทธิ์ไปถึงระดับ “จิตกระบี่” แล้วเท่านั้น เจ้าถึงจะเลือกวิชาบางส่วนของกระบี่มังกรพเนจรและกระบี่ตัดสายฟ้าเพื่อเสริมวิชากระบี่ของเจ้าได้”
เมิ่งชวนพยักหน้า “เข้าใจแล้วขอรับ”
ก่อนจะบรรลุถึง “จิตกระบี่” ที่เขาทำได้คือการฝึกฝนกระบี่จิตพิสุทธิ์เท่านั้น
“กระบี่จิตพิสุทธิ์มีสิบแปดกระบวนท่า ท่าแรกคือท่าร่างจิตกระบี่ มันเป็นรากฐานของวิชากระบี่นี้เลยล่ะ! ท่าร่างจิตกระบี่ยังเรียกอีกอย่างได้ว่าท่าชักกระบี่จิตพิสุทธิ์ได้เช่นกัน” ท่านปรมาจารย์กล่าวยิ้มๆ “ท่าชักกระบี่ที่เจ้าฝึกฝนมานั้นใกล้เคียงกับท่าร่างจิตกระบี่มาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงบอกว่าวิชานี้สามารถเข้ากันได้กับเจ้าถึงเก้าส่วน แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ยังไม่สามารถรับมรดกของโลหะทมิฬได้ ที่เจ้าทำได้คือไปที่ศาลาชี้แนะและเลือกคัมภีร์ธรรมดามาเพื่อฝึกฝน”
“หากเจ้าฝึกฝนกระบี่จิตพิสุทธิ์ เจ้าสามารถไปที่ถ้ำพันกระบี่ของเขาหยวนชูได้ วิชากระบี่นี้ถูกคิดค้นขึ้นในตอนที่เทพอสูรเกาเค่อถูกลงโทษในถ้ำพันกระบี่นั้นเอง”
เมิ่งชวนแอบสงสัยอยู่ในใจ
‘ถูกลงโทษรึ?’
“เทพอสูรเกาเค่อติดอยู่ที่ระดับไร้ขอบเขตเพราะกายเนื้อที่อ่อนแอของเขา จึงไม่สามารถทำให้เขาไปถึงระดับสรรสร้างได้” ปรมาจารย์กล่าว “แต่ถึงอย่างนั้นวิชากระบี่จิตพิสุทธิ์นั้นก็เรียกได้ว่าเป็นวิชากระบี่สำหรับจอมยุทธ์ระดับสรรสร้างจริงๆ เรียกได้ว่ามันเป็นหนึ่งในมรดกวิชาอาวุธของมนุษย์ที่ทีงพลังที่สุด”
เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย ในการฝึกฝนของเทพอสูรนั้น กายเนื้อ แก่นสารแห่งจิต และระดับวิชาอาวุธจะต้องแข็งแกร่ง
ผู้สร้างวิชากระบี่จิตพิสุทธิ์ติดอยู่กับการเป็นเทพอสูรระดับราชาเพราะกายเนื้อของเขานั้นอ่อนแอเกินไป
…
หลังจากที่เมิ่งชวนออกมาจากตำหนักแม่น้ำสวรรค์แล้ว เขาก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะเลือกวิชากระบี่ กลับกัน เขาไปที่ห้องสมุดเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวิชากระบี่ทั้งสาม แม้เขาจะเชื่อใจอาจารย์ของเขา แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเองอยู่ดี
โลหะทมิฬของกระบี่จิตพิสุทธิ์มีอยู่ด้วยกันสองอันที่เหมือนกัน อันหนึ่งอยู่ที่เขาหยวนชู อีกอันอยู่ที่ถ้ำสวรรค์ทรายดำ เมิ่งชวนอ่านทำความเข้าใจ ในสมัยแต่ก่อน เทพอสูรที่ทรงพลังมักจะสร้างมรดกของพวกเขาเอาไว้สองหรือสามชิ้น อย่างแรกเลยคือเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันจากการที่มรดกพังหรือสูญหาย มรดกเหล่านี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นผลิตผลจากเลือดเนื้อ หยาดเหงื่อ และน้ำตาของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงอยากที่จะสร้างเอาไว้เพิ่มเติมซักหนึ่งหรือสองชิ้นอยู่แล้ว และสอง สำเนาของโลหะทมิฬนั้นก็เอาไว้แลกเปลี่ยนกันกับของนิกายอื่นได้
เขาหยวนชูมีโลหะทมิฬและเคล็ดร่างเทพอสูรเป็นจำนวนมาก ส่วนมากถูกสร้างขึ้นโดยถ้ำสวรรค์ทรายดำและเกาะสองโลก รวมไปถึงจอมยุทธจากนิกายอื่นๆด้วย
อย่างในเขาหยวนชูนี้มีสำเนาของกระบี่ตัดสายฟ้าแค่บางส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้ำสวรรค์ทรายดำมีมรดกของกระบี่ตัดสายฟ้าทั้งหมด
นับตั้งแต่ที่พวกอสูรบุกรุกมาที่โลก นิกายใหญ่ทั้งสามของมนุษย์ได้ร่วมมือกันอย่างหนาแน่น ในอนาคต พวกเขาคงจะทำการแลกเปลี่ยนเพื่อนำกระบี่ตัดสายฟ้าตัวเต็มมาจากถ้ำสวรรค์ทรายดำเป็นแน่
เมิ่งชวนอ่านหนังสือไปเรื่อยๆเพิ่มความเข้าใจในวิชากระบี่ทั้งสาม และด้วยคำแนะนำของอาจารย์ มันก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจ
‘ท่านอาจารย์พูดถูก กระบี่ตัดสายฟ้านั้นรุนแรงมากเกินไป มันไม่เหมาะแก่ข้า แต่ข้าก็ยังสามารถเลือกไปสักท่าสองท่าเพื่อใช้เป็นท่าลับได้ วิชากระบี่เหล่านี้ส่วนมากมักจะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่ง อย่างท่าเบญจโลกาอัสนีนั้นก็เร็ว แต่รุนแรงและทรงพลัง’
‘กระบี่มังกรพเนจรนั้นเน้นหนักไปที่ความแปลกและการเปลี่ยนอย่างรวดเร็วของท่วงท่า ข้าสามารถเรียนรู้จากท่วงท่าที่คาดเดาไม่ถูกของมันได้’
วิชากระบี่ทั้งสามนี้มีทักษะการเคลื่อนไหวอยู่ในนั้นด้วย เมิ่งชวนรู้สึกอยากจะฝึกทักษะการเคลื่อนไหวของกระบี่มังกรพเนจร การที่ไม่สามารถคาดเดาได้จะทำให้สามารถสังหารศัตรูได้ง่ายขึ้นมาก
…
ที่ศาลาชี้แนะ เมิ่งชวนเลือกคัมภีร์ลับสำหรับการฝึกวิชากระบี่จิตพิสุทธิ์มาทั้งหมด และเลือกหนังสือสามเล่มที่มีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากมายกลับไปที่ถ้ำฝึกวิชาของเขาด้วย หนังสือทั้งสามเล่มนั้นถูกเขียนขึ้นมาโดยเทพอสูรระดับราชาสามคนที่ฝึกกระบี่จิตพิสุทธิ์เช่นกัน พวกเขาทิ้งสิ่งนี้เอาไว้ให้ผู้ที่มาทีหลัง
“เตรียมน้ำร้อน ข้าจะอาบน้ำ” เมิ่งชวนสั่งหลังจากกลับไปถึงถ้ำฝึกวิชาในตอนดึก จากนั้นเขาก็นั่งอ่านคัมภีร์ฝึกวิชาของกระบี่จิตพิสุทธิ์อย่างตั้งใจ
โดยไม่มีคำแนะนำ เขาได้แต่อ่านและนั่งวิเคราะห์เนื้อหาอย่างช้าๆ และด้วยข้อชี้แนะที่เอามาด้วย มันก็ทำให้เขาเริ่มเข้าใจวิชากระบี่จิตพิสุทธิ์อย่างช้าๆ
หลังจากอ่านหนังสือจนดึกดื่น ในตอนเช้าเมิ่งชวนก็ฝึกท่าชักกระบี่ของเขาต่อ เขาไม่รีบร้อนที่จะฝึกวิชากระบี่จิตพิสุทธิ์ แต่เขาตัดสินใจที่จะเรียนรู้สิ่งที่อยู่ในคัมภีร์และบันทึกข้อชี้แนะทั้งหลายอย่างละเอียด หลังจากที่เข้าใจในวิชากระบี่นี้โดยละเอียดแล้ว เขาก็จะเริ่มฝึกฝนมัน
…
บนเขาหยวนชู ยอดเขาว่านคูเฟิงในตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น
“ท่านเมิ่งชวน” มีคนรับใช้คอยเฝ้าอยู่หน้าทางเข้าถ้ำเขาว่านคูเฟิง มีคำสลักไว้อยู่ตรงหน้าถ้ำ ถ้ำเพลิงสามหยิน
เมิ่งชวนเดินไปหาด้วยรอยยิ้ม “ข้าขอห้องระดับ C”
“โปรดตามข้ามา” คนรับใช้นำทางไปทันที
เมิ่งชวนรู้สึกตื่นใจในยอดเขาว่านคู่เฟิง มีถ้ำพลังวินาศในเขาว่านคูเฟิงนี้มากมาย และพลังวินาศเหล่านั้นถูกนำมาจากทั่วทุกมุมโลกโดยเทพอสูรที่ทรงพลัง การที่พืชจะเติบโตในยอดเขานี้นั้นเป็นเรื่องยาก และมีเพียงแค่ไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่อยู่รอด และในยอดเขาว่านคูเฟิงนี้ก็ไม่มีร่องรอยของต้นไม้เลยซักต้นเดียว
เพลิงสามหยินเป็นกระแสพลังวินาศอย่างแรกจากทั้งเก้าอย่างที่ต้องใช้เพื่อขัดเกลาร่างกายของเขาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับร่างอสูรตัดสายฟ้า
เมิ่งชวนเป็นมนุษย์ ดังนั้นกระแสพลังวินาศในโถงระดับ C จึงเข้มข้นเพียงพอสำหรับเขา กระแสพลังวินาศเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเมิ่งชวนให้กลายเป็นผงได้เลยด้วยซ้ำหากเขาเข้าไปในโถงระดับ A
“ในถ้ำเพลิงสามหยินนี้ การใช้งานโถงระดับ C จะใช้สิบแต้มต่อวันขอรับ” คนรับใช้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “และแม้ท่านจะใช้เวลาไม่ถึง 12 ชั่วยาม แต่ก็จะนับเป็นหนึ่งวันเช่นกันขอรับ “
“เข้าใจแล้ว” เมิ่งชวนพยักหน้า วันละสิบแต้ม? นี่มันเป็นหนึ่งในที่ที่ใช้แต้มน้อยที่สุดแล้ว
ครืด
ประตูโถงเปิดออกและเมิ่งชวนก็เดินเข้าไป เขาปิดประตูหินด้านหลังให้แน่น
โถงนี้กว้างและยาวอย่างละ 5 จั้ง มีตะเกียงเจ้าพายุที่ติดอยู่ตลอดเวลา และเสื่อหนึ่งผืนในห้อง ไม่มีอะไรอื่นนอกจากนี้
กระแสพลังวินาศในนี้เบาบางมาก เมิ่งชวนสามารถมองเห็นไอสีแดงเข้มจางๆลอยอยู่ในโถงแห่งนี้ได้ด้วยตาเปล่า เขาเริ่มรู้สึกเหมือนมีเข็มกำลังทิ่มแทงบนผิวหนังของเขา
ได้เวลาเริ่มแล้ว เมิ่งชวนชักกระบี่ออกมาและใช้วิชากระบี่
วิชากระบี่นี้อยู่ในมรดกของร่างอสูรตัดสายฟ้า มันไม่ได้มีไว้สำหรับสังหาร แต่มันมีไว้สำหรับการขัดเกลากระแสพลังวินาศเหล่านี้ เมื่อใช้วิชากระบี่ ผู้ใช้จะต้องควบคุมกล้ามเนื้อของตนเพื่อออกแรงมากกว่าเดิม และนั่นจะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวและซึมซับกระแสพลังวินาศเข้าไปได้ ช่วยเพิ่มความเร็วในการซึมซับของร่างกาย
หายใจเข้า หายใจออก เขาใช้ “พลังกระบี่” เพื่อออกแรงที่มีทั้งหมดไปพร้อมกับใช้กระแสพลังวินาศเพื่อขัดเกลาวิชากระบี่ของเขา ยิ่งกล้ามเนื้อของเขาใช้พลังออกมาเท่าไหร่ พวกมันก็ยิ่งดูดซับพลังวินาศเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
กระแสพลังวินาศสีแดงเข้มไหลสู่ร่างกายของเมิ่งชวนและค่อยๆเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขา
ช้าๆ ใจของเมิ่งชวนเต็มไปด้วยความปั่นป่วนจนแทบบ้า
‘กระแสพลังวินาศนั้นจะส่งผลต่อจิตใจของคน ในตอนนี้ข้าพึ่งจะเริ่มฝึกและได้ซึมซับเพียงแค่พลังวินาศธรรมดาๆเท่านั้น แต่ข้ากลับเริ่มรู้สึกปั่นป่วนแล้ว’ เมิ่งชวนลอบถอนหายใจ เขาสามารถคงความชัดเจนในใจเอาไว้ได้และใช้วิชากระบี่ต่อไป
ผู้ฝึกจะต้องตั้งใจมากเมื่อใช้วิชากระบี่สำหรับการขัดเกลาร่างกาย มันจะไร้ประโยชน์หากใช้ไปโดยไม่ตั้งใจ
การเคลื่อนไหวต้องแม่นยำ ยิ่งเขาใช้แรงมากเท่าไหร่ กระแสพลังวินาศก็จะหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขามากขึ้นเท่านั้น! มันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วในการซึมซับของเขา
…
เขาฝึกฝนต่อไปเกือบหนึ่งชั่วยามก่อนที่เริ่มรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่มแทงไปทั่วร่าง
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
‘ร่างกายของข้าถึงขีดจำกัดแล้ว’ เขาหยุดใช้วิชากระบี่สำหรับขัดเกลาในทันที ร่างกายของเขาจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัว
ครืด เมิ่งชวนเปิดประตูหินแล้วเดินออกไป
หากไม่ใช่เพราะว่าเขาต้องใช้กระแสพลังวินาศในการขัดเกลาร่างกาย การอยู่ในโถงนั้นมีแต่จะทำให้เขาเจ็บปวด
…
เขาหยวนชูนั้นสะดวกมาก ทรัพยากรทุกอย่างสำหรับการฝึกฝนร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษถูกจัดเตรียมเอาไว้อยู่แล้ว และพวกมันสามารถใช้แต้มแลกเอาได้
ทุกๆวันเมิ่งชวนจะเข้าไปฝึกในถ้ำเพลิงสามหยินระดับ C เป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม เขาทำเช่นนี้เป็นเวลาห้าวัน และในตอนนี้ก็เป็นช่วงบ่ายของวันที่ 31
‘โอ๊ะ?’ หลังจากที่ใช้วิชากระบี่สำหรับขัดเกลาเป็นเวลากว่าชั่วโมง เมิ่งชวนก็รู้สึกได้ว่าเขานั้น “อิ่มตัว” แล้ว เขาหยุดมือในทันทีและสำรวจร่างกายของตนด้วยดวงตาแห่งจิต
ในสิ่งที่เขาเห็น เขาเห็นกระดูกและเนื้อเปล่งพลังวินาศสีแดงเข้มอ่อนๆออกมา กระทั่งเลือดของเขาก็เป็นเหมือนกัน
‘มันผสมเข้ากับไขกระดูกเสร็จสิ้นแล้วอย่างนั้นหรือ? ข้าขัดเกลาครั้งแรกเสร็จเรียบร้อยแล้วรึ?’ เมิ่งชวนชูนิ้วขึ้่นมา และในพริบตาก็มีกระแสพลังวินาศสีแดงเข้มลอยขึ้นจากปลายนิ้วของเขา เมื่อเขาเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา ‘เพลิงสามหยินได้หลอมรวมกับร่างกายข้าเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้ร่างกายข้าสามารถสร้างเพลิงสามหยินออกมาได้นิดหน่อยแล้ว’
‘การขัดเกลาครั้งแรกนี้ง่ายสุดเพราะกระแสพลังวินาศอันนี้นั้นอ่อนที่สุดแล้ว มันจะมีผลกระทบก็ต่อเมื่อจิตใจของข้าอ่อนแอ ห้าวันรึ? เร็วใช้ได้’ เมิ่งชวนพยักหน้า ‘ข้าจะเริ่มขัดเกลาครั้งที่สองพรุ่งนี้’
ทุกๆคนที่ฝึกร่างอสูรตัดสายฟ้าต่างผ่านการขัดเกลาครั้งแรกไปอย่างง่ายดาย และยิ่งไปไกลเท่าไหร่ ความเร็วในการขัดเกลาก็จะช้าลงเท่านั้น บางทีอาจจะถึงขั้นเป็นบ้าหรือร่างกายล้มพับไป ถึงอย่างนั้น อัจฉริยะต่างๆก็จะหยุดมือในทันทีเมื่อรู้สึึกว่าอันตราย และพวกเขาก็ไม่มีทางอื่นนอกจากจะต้องยอมแพ้ในร่างเทพอสูรนี้หากว่าเป็นเช่นนั้น