ตอนที่ 92 ผันผ่าน
ต่อมาไม่นาน
หญิงสาวชุดสีฟ้าพาศิษย์ใหม่ทั้ง21ไปที่ถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง มีข้ารับใช้คอยเฝ้าอยู่หน้าถ้ำสองคน เมื่อพวกเขาเห็นคนที่เดินเข้ามาก็รีบก้มหัวทักทายในทันที “คารวะท่านๆทั้งหลาย”
เหล่าคนรับใช้นั้นเป็นเพียงคนธรรมดา พวกเขาคอยจัดการเรื่องจุกจิกในชีวิตประจำวันที่เขาหยวนชูและจะทักทายเหล่าศิษย์ในด้วยความเคารพ
“ตามข้ามา” หญิงสาวสีฟ้าเดินนำไป
เมิ่งชวนและคนอื่นๆเข้าไปในถ้ำ ข้างในนั้นคือช่องขนาดใหญ่ในภูเขา ผนังถ้ำประดับด้วยไข่มุกสีรุ้งขนาดมหึมา มันเปล่งแสงอ่อนๆอยู๋ตามผนังถ้ำ ที่ๆซึ่งมีชั้นหนังสือขนาดใหญ่ที่ถูกเทพอสูรทำขึ้น ชั้นหนังสือนั้นมีหนังสืออัดแน่น มีกว่าหมื่นเล่มในถ้ำแห่งนี้
หลังจากที่หญิงสาวชุดสีฟ้าเดินเข้าไป เธอก็นั่งขัดสมาธิลงบนก้อนหินก้อนหนึ่งและหันมามองเมิ่งชวนกับคนอื่นๆก่อนจะยิ้ม “พวกเจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์น้าจิงยู่ก็ได้”
“คารวะอาจารย์น้าจิงยู่” เมิ่งชวนและคนอื่นๆพูดทักทายด้วยความเคารพ
“ศิษย์ของเขาหยวนชูจะต้องเป็นเทพอสูรขั้นสูงไม่ก็ขั้นสูงพิเศษ” หญิงสาวชุดสีฟ้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพวกเจ้าพึ่งจะได้เข้าร่วมนิกาย ข้าหวังว่าพวกเจ้าคงจะมีความมุ่งมั่นที่ยิ่งใหญ่ อย่างการเป็นเทพอสูรขั้นสูงพิเศษให้ได้”
นัยย์ตาของเมิ่งชวน เหยียนจิน หลี่อิ๋ง จินฮ้วนและเหยียนซื่อท่งเป็นประกาย
แน่นอนอยู่แล้วว่าพวกเขาอยากจะแข็งแกร่งที่สุด
“ร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษนั้นมีทั้งหมด12ร่าง อย่างเช่นร่างอสูรสิบสามกระบี่วินาศ ร่างอสูรสมุทรนิรันดร์ ร่างเทพบัวฟ้า ฯลฯ” หญิงสาวชุดสีฟ้ายิ้ม จากนั้นเธอก็โบกมือก่อนที่หนังสือจะลอยออกมาจากชั้นหนังสือไปหาเมิ่งชวนและคนอื่นๆ “พวกเจ้าทุกคนเอาหนังสือนี้ไปได้ อ่านมันให้ละเอียด ศิษย์ใหม่ทุกคนต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนเป็นอย่างแรก”
เมิ่งชวนรับหนังสือมา
เป็นหนังสือสีดำทำมาจากวัตถุดิบพิเศษ ตรงปกมีคำเขียนเอาไว้อยู่ “รวมเคล็ดเทพอสูร”
“หนังสือรวมเคล็ดเทพอสูรนี้มีข้อมูลอย่างละเอียดของร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษทั้ง12ร่างและร่างเทพอสูรระดับสูงทั้ง27ร่างเขียนเอาไว้ จงอ่านมันเสียก่อน” หญิงสาวชุดสีฟ้ากล่าว “มีหนังสือมากมายที่เกี่ยวกับเคล็ดร่างเทพอสูรระดับสูงและสูงพิเศษอยู่มาก พวกมันถูกจัดเรียงเอาไว้แล้ว พวกเจ้าสามารถศึกษาได้ ลองคิดถึงเคล็ดร่างเทพอสูรที่พวกเจ้าต้องการและเลือกให้ดี”
“เพราะไม่ว่าอย่างไร ร่างเทพอสูรบางร่างก็เด่นในเรื่องของความอดทน บางร่างเหมาะแก่นักเกาฑัณฑ์ บางร่างเหมาะแก่การสู้ระยะประชิด ในขณะที่บางร่างอาจจะเหมาะสำหรับการลอบสังหาร ที่หากพิฆาตในกระบี่เดียวไม่ได้ ก็จะสามารถหนีไปไกลกว่าพันจั้งได้อย่างรวดเร็ว
“เคล็ดเทพอสูรที่เจ้าฝึกจะเป็นเส้นทางของเจ้าไปตลอดชีวิต เจ้าต้องพิจารณามันอย่างรอบคอบ เมื่อเจ้าเลือกเคล็ดได้แล้ว เจ้าจะต้องฝึกฝนเคล็ดวิชานั้นเป็นเวลาอย่างน้อยสามปี เจ้าจะเปลี่ยนเคล็ดวิชาที่เจ้าฝึกได้ก็ต่อเมื่อเคล็ดที่เจ้าเคยฝึกนั้นล้มเหลว” หญิงสาวที่สวมชุดสีฟ้ากล่าว “คิดให้รอบคอบ แม้ว่าเจ้าจะใช้เวลาครึ่งเดือนเพื่อคิดก็ยังคุ้มค่าอยู่ดี”
เมิ่งชวนและคนอื่นๆเข้าใจความสำคัญในการเลือกเคล็ดร่างเทพอสูรอย่างดี พวกเขานั่งขัดสมาธิอ่านหนังสือในมืออย่างตั้งใจ
เมิ่งชวนอ่านคำแนะนำของร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษในทันที
ซึ่งได้แก่ ร่างอสูรสิบสามกระบี่วินาศ ร่างอสูรกายาทรงพลัง ร่างเทพวัฏสังสาร ร่างเทพบัวฟ้า ร่างเทพหยวนชู ร่างเทพวิหคเพลิง ร่างเทพมังกร ร่างอสูรสมุทรนิรันดร์ ร่างอสูรตัดสายฟ้า ร่างเทพสองโลก ร่างอสูรทรายดำ และร่างเทพกายาอมตะ ร่างเหล่านี้เป็นร่างที่ทรงพลังมากและยากที่จะฝึกฝน
ร่างอสูรสิบสามกระบี่วินาศเรียกได้ว่าเป็นร่างเทพอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในการสู้ตัวต่อตัว มีเพียงคนที่ฝึกร่างเทพวายุหรือกายาทองคำเท่านั้นถึงจะฝึกได้ และต้องเข้าถึงสำนึกกระบี่ให้ได้ก่อนจะเรียนรู้เคล็ดนี้ กระแสพลังสิบสามวินาศนั้นจะก่อตัวเป็นกระบี่วินาศทั้งสิบสามต่อเมื่อมันหลอมรวมเข้ากับสำนึกกระบี่ของคนๆนั้นเท่านั้น และเมื่อมีกระบี่วินาศทั้งสิบสาม เมื่อนั้นถึงจะเริ่มฝึกเคล็ดร่างอสูรสิบสามกระบี่วินาศได้
อย่างไรก็ตาม การหลอมรวมสำนึกกระบี่เข้ากับกระแสพลังวินาศนั้นเป็นสิ่งที่อัจฉริยะหลายๆคนทนไม่ได้ กระแสพลังวินาศนั้นจะเข้าสู่สมองจนทำให้ควบคุมร่างกายเอาไว้ไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำได้คือการลบล้างกระบี่วินาศทิ้งและเปลี่ยนไปเรียนเคล็ดเทพอสูรชนิดอื่นแทน
แต่เมื่อคนๆนั้นฝึกจนเชี่ยวชาญแล้ว พวกเขาก็จะใช้เขตแดนได้อย่างเชี่ยวชาญเช่นกัน ขนาดที่ว่าสามารถใช้กระบี่วินาศทั้งสิบสามเพื่อสังหารศัตรูที่อยู่ไกลเป็นลี้ได้อย่างง่ายดาย! และพวกเขาเองก็ยังสามารถต่อสู้ในระยะประชิดได้เช่นกัน กระบี่วินาศทั้งสิบสามจะรวมเป็นหนึ่ง และพลังของมันนั้นก็รุนแรงอย่างมหาศาลเช่นกัน
และในการสู้ตัวต่อตัว ศัตรูของพวกเขาจะแตะตัวเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ พวกเขาจะโจมตีจากระยะไกลด้วยกระบี่วินาศทั้งหลาย อีกทั้งในการต่อสู้ระยะประชิดก็ยังน่ากลัวมากเช่นกัน นี่จึงทำให้ร่างอสูรสิบสามกระบี่วินาศเป็นร่างที่แข็งแกร่งในการต่อสู้ตัวต่อตัว
…
ร่างอสูรกายาทรงพลังเป็นร่างที่มีพละกำลังมากที่สุดของร่างเทพอสูรระดับพิเศษ! เมื่อยืนอยู่บนพื้น คนๆนั้นจะแข็งแกร่งอย่างจินตนาการไม่ได้ แต่หากอยู่ในอากาศก็จะแข็งแกร่งน้อยลงกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง แต่แม้จะอยู่กลางอากาศ มันก็ยังเป็นร่างเทพอสูรที่ทรงพลังมากที่สุดในหมู่ร่างเทพอสูรอยู่ดี และนี่ทำให้เห็นได้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนเมื่อยืนอยู่บนพื้น
มีเพียงผู้ที่ฝึกกายาทองคำหรือร่างเทพโลกาเท่านั้นที่จะฝึกได้
…
ร่างเทพวิหคเพลิงนั้นเป็นร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษที่น่าสะพรึงที่สุดในการต่อสู้สุดกำลัง หากผลาญพลังชีพของตนเพื่อใช้วิชาวิหคเพลิงนิพพาน พวกเขานั้นคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เทพอสูร แต่ถึงอย่างนั้นก็มีค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายไปอย่างมหาศาล จอมยุทธที่ใช้ร่างเทพวิหคเพลิงจะไม่ใช้วิชานั้นยกเว้นว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังจริงๆ
ร่างเทพวิหคเพลิงนั้นฝึกได้แค่ผู้ที่สายเลือดวิหคเพลิงตื่นขึ้นมาแล้วเท่านั้น
…
ร่างเทพมังกรนั้นก็เหมือนกับร่างเทพวิหคเพลิง มีเพียงผู้ที่สายเลือดมังกรเทพตื่นขึ้นมาเท่านั้นถึงจะฝึกได้
ร่างเทพอสูรที่มีตามสายเลือดนั้นมีเพียงร่างเทพวิหคเพลิงและร่างเทพมังกร เนื่องจากมันถูกสืบทอดตามสายเลือด ดังนั้นมนุษย์จึงหวังที่จะให้เหล่าเทพอสูรที่มีร่างเทพวิหคเพลิงและร่างเทพมังกรมีลูกหลานหลายๆคน
…
ทุกๆเคล็ดนั้นมีเงื่อนไขที่สำคัญมากก่อนที่จะได้ฝึกฝนมัน
‘มีเคล็ดวิชาของเทพอสูรระดับสูงพิเศษเพียงสองเคล็ดเท่านั้นที่เหมาะสมกับข้า ร่างอสูรตัดสายฟ้าและร่างอสูรสมุทรนิรันดร์’ เมิ่งชวนเปิดผ่านหนังสือในมือ ‘เอ ร่างอสูรตัดสายฟ้าดูจะมีชื่อเดียวกับวิชากระบี่ตัดสายฟ้าเลย มันเกี่ยวกันรึเปล่านะ?’
เมิ่งชวนยิ้มและอ่านคำอธิบายของร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษทั้งสองอย่างตั้งใจ
…
ร่างอสูรตัดสายฟ้านั้นคือร่างที่ไวที่สุดในหมู่ร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษ พวกเขาสามารถปล่อยสายฟ้าและกระแสพลังวินาศได้จากที่ไกล และยังสามารถสังหารศัตรูในการต่อสู้ระยะประชิดได้เช่นกัน การจู่โจมของพวกเขาไวราวกับสายฟ้า ทำให้พลังของพวกเขาดูน่าจดจำ
ด้วยความเร็วที่เหลือล้น พวกเขาสามารถสังหารได้จนราบคาบ
การฝึกร่างอสูรตัดอัสนีนั้นต้องฝึกร่างเทพอัสนีมาก่อน และมีรากฐานที่แข็งแกร่ง เช่นเดียวกันกับสำนึกกระบี่และพลังวินาศซึ่งหาได้ยาก และเมื่อเตรียมตัวจนพร้อม พวกเขาจะสามารถดึงเจ็ดอัสนีเข้ามาอยู่ในร่างได้เมื่อเข้าสู่บ่อโลหิตเทพอสูร และใช้อัสนีศักดิ์สิทธิ์เพื่อหล่อหลอมร่างกายของพวกเขารวมเข้ากับกระแสพลังวินาศ จนในที่สุดก็จะก่อเป็นร่างอสูรตัดสายฟ้า
แต่นั่นยังไม่หมด สิ่งที่อันตรายที่สุดคือพลังวินาศ หากคนๆนั้นทนพลังวินาศไม่ไหว ก็จะเกิดความโกลาหลขึ้นในจิตใจ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาต้องผ่านห้วงแห่งความเป็นตายในขณะนั้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากร่างของคนๆนั้นแข็งแกร่งไม่พอ เขาก็จะต้องแตกสลายไปเพราะอัสนีทั้งเจ็ดนั้น
…
ร่างอสูรสมุทรนิรันดร์ เมิ่งชวนดูร่างอสูรอีกร่างที่เขาสามารถฝึกได้
ร่างอสูรสมุทรนิรันดร์นั้นเป็นร่างที่เชี่ยวชาญในเรื่องของเขตแดน เพียงสะบัดมือก็สามารถสร้างเขตแดนที่ครอบคลุมไปหนึ่งลี้แล้ว พวกเขามีพลังปราณที่ล้นเหลือและพละกำลังที่แก่งกล้า พวกเขามีความเร็วในการฟื้นตัวและพลังชีพที่สูง หากบาดเจ็บก็จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ขนาดที่ว่าแขนและขาที่ขาดก็จะงอกขึ้นมาใหม่ได้
มีเพียงผู้ที่ฝึกร่างเทพวารีหรือร่างเทพอัสนีเท่านั้นที่จะฝึกฝนได้….
‘โอ๋?’ เมิ่งชวนขมวดคิ้ว ‘ความเร็วของร่างอสูรสมุทรนับว่าธรรมดาอย่างนั้นเหรอ?’
ร่างอสูรสมุรนิรันดร์นั้นแข็งแกร่งมาก
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
มันมีทั้งความสามารถในการควบคุมเขตแดน พละกำลังและพลังชีพที่มหาศาล รวมไปถึงพลังปราณที่ไร้สิ้นสุด แต่ถึงอย่างนั้นความเร็วก็ไม่ใช่จุดเด่นของมัน
…
‘ร่างอสูรสมุทรนิรันดร์’ ฉู่หยงตาเป็นประกายขณะที่อ่านหนังสือ
เขาเคยโด่งดังไปทั่วโลกตั้งแต่ยังเด็ก และเป็นที่อัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองหลวง
ทำไมเขาถึงโด่งดังขนาดนั้นน่ะหรือ? ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าตระกูลของเขา ตระกูลฉู่นั้นเป็นตระกูลอันดับต้นๆในราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นตระกูลที่มีเทพอสูรระดับราชา
เพราะฉะนั้น เขาจึงได้เรียนรู้ข้อมูลพื้นฐานของร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษทั้งสิบสองร่างมาบ้างแล้ว
‘ข้าฝึกฝนร่างเทพวารีและเริ่มดึงสายฟ้าเพื่อหลอมรวมเข้ากับร่างของข้าในการเตรียมพร้อมสำหรับร่างอสูรสมุทรนิรันดร์นี้มาตลอด’ ดวงตาของฉู่หยงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ‘เมื่อข้าฝึกร่างอสูรสมุทรได้จนเชี่ยวชาญแล้ว พละกำลังของข้าก็จะยอดเยี่ยม พลังปราณเองก็จะไร้ที่สิ้นสุด และข้าก็จะแทบเป็นอมตะ ข้าไม่ต้องกลัวใครเลยในการต่อสู้ตัวต่อตัว และถึงจะแลกกันบาดเจ็บทั้งคู่ ข้าก็จะฟื้นตัวขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก’
เขาจะหายจากอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว แม้แขนและขาของเขาจะขาด แต่มันก็ใช้เวลาเพียงนิดหน่อยในการฟื้นฟู ส่วนถ้าเกิดแลกกันเจ็บน่ะเหรอ? จอมยุทธที่ใช้ร่างอสูรสมุทรนิรันดร์ชอบการต่อสู้แบบนั้นเป็นที่สุด เพราะว่าพวกเขาตายกันได้ยากมาก
…
ศิษย์21 คนอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ นอกจากอัจฉริยะจากตระกูลเทพอสูรชั้นนำที่รู้จักอยู่บ้างเล็กน้อยแล้ว ศิษย์คนอื่นๆก็พึ่งจะได้รู้เรื่องร่างเทพอสูรระดับพิเศษเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับเมิ่งชวน
มีร่างเทพอสูรระดับสูงทั้งหมด 27 ร่าง มีหกร่างที่เหมาะแก่ข้า เมิ่งชวนพลิกหน้ากระดาษอ่านต่อไป ‘มีร่างเทพอสูรอย่าง ร่างอสูรมายา ร่างเทพสว่างโชติ และร่างอสูรนานาพิษ เป็นร่างที่ใครๆก็ฝึกได้ และยังมีร่างเทพวายุอัสนี ร่างอสูรเงาลวง และร่างอสูรอัสนีวารีที่เหมาะแก่ข้า’
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมิ่งชวนและคนอื่นๆเดินดูหนังสือเพื่อหาข้อมูลที่ละเอียดมากกว่านี้ หลังจากที่นั่งอยู่บนก้อนหิ้นพักหนึ่ง หญิงสาวชุดสีฟ้าก็ออกจากถ้ำไปอย่างเงียบๆ
…
เมืองตงหนิง
สมาชิกตระกูลเมิ่งรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากพร้อมๆกับอวดที่ว่าเมิ่งชวนได้กลายเป็นศิษย์ของเขาหยวนชู พวกเขายังอวดอีกว่าเมิ่งชวนได้ที่หนึ่งในการสอบเข้า แต่ถึงอย่างนั้นตระกูลเทพอสูรอื่นๆในเมืองตงหนิงก็ยังรอต่อไป หลังจากที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการของรัฐเท่านั้นพวกเขาจึงจะเชื่อ
“ได้เป็นศิษย์ในของเขาหยวนชู? แถมยังได้ที่หนึ่งในการสอบเข้าอีก?”
“ได้ที่หนึ่งในหมู่อัจฉริยะของราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่เนี่ยนะ? เมิ่งชวนนี่สุดยอดไปเลยนะ”
“เมิ่งชวนจะได้เป็นขุนนางเทพอสูรรึเปล่านะ? เมืองตงหนิงของเราไม่เคยมีเทพอสูรระดับขุนนางมาเป็นพันปีแล้วนี่?”
ผู้คนในเมืองต่างพูดคุยกัน
เมิ่งชวนกลายเป็นความภาคภูมิใจของเมืองตงหนิง เมิ่งชวนมาจากเมืองตงหนิง เพราะฉะนั้นก็เลยเป็นเรื่องปกติที่คนของเมืองตงหนิงจะรู้สึกภูมิใจในความสำเร็จของเมิ่งชวน
ภายในตระกูลหวิน
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
หวินชิงผิงที่กำลังฝึกฟันกระบี่ได้ยินเสียงเครื่องเคลือบดินเผาในห้องอ่านหนังสือของพ่อเธอแตก เธออดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเบาๆ หลังจากการรุกรานของอสูร หวินชิงผิงได้เติบโตขึ้นมามาก เธอรู้สึกว่าพ่อของเธอนั้นด้อยกว่าลุงหนึ่งและลุงสองของเธออย่างเทียบไม่ติด นับตั้งแต่ที่ถอนหมั้นไปจะมีอะไรให้เสียใจอีกล่ะ? เสียใจในการกระทำตอนนี้ไปก็ไม่ได้อะไรแล้วนี่?
“บ้าเอ้ย!” หวินฟู่อันเดินออกจากห้องอ่านหนังสือด้วยความโกรธ เขาตะโกนใส่คนรับใช้ที่อยู่ข้างนอกห้องอ่านหนังสือและเดินออกไป
อันที่จริงแล้วหวินฟู่อันไม่ได้เสียใจ เขาอับอาย!
‘ตระกูลเทพอสูรอื่นๆในเมืองตงหนิงต่างคิดว่าข้าเป็นแค่ตัวตลก’ หวินฟู่อันหัวเสีย ‘คนเรามันจะไปโชคดีตลอดได้อย่างไร ใครมันจะไปรู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น? ไม่ก็ถ้าเมิ่งชวนได้เป็นเทพอสูรแล้ว เขาจะตกตายไปพร้อมกับราชาอสูรรึเปล่า?’
แม้ว่าภายนอกเขาจะพยายามทำดีกับตระกูลเมิ่งและพยายามเชื่อมความสัมพันธ์อีกครั้ง แต่ในใจหวินฟู่อันก็ยังหวังอยู่ลึกๆให้ทั้งเมิ่งชวนและตระกูลเมิ่งล่มไปซักวันหนึ่ง
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ทำตามที่ใจคิด
…
ในเมืองเต็มไปด้วยการพูดคุยเรื่องนี้
แต่ถึงอย่างนั้น เมิ่งเซียนกูที่อยู่ในจวนบรรพบุรุษกลับนิ่งเงียบ
เมิ่งเซียนกูนั่งอยู่ที่โต๊ะและเขียนจดหมาย
แค่กๆๆ! หน้าของเมิ่งเซียนกูซีดเซียว เธอไอใส่มือซ้าย ที่ตอนนี้มีคราบเลือดสีแดงดำเข้มอยู่บนนั้น หน้าเธอแดงเพราะการไอนั่น แต่เธอก็ยังคงเขียนจดหมายต่อไป
เธอเขียนจดหมายเสร็จแล้ว มันจ่าหน้าถึงเมิ่งชวน สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่มีโอกาสได้เจอกับเขาอีกแล้ว
‘ข้าเกรงว่าร่างของข้าคงจะอยู่ไม่รอดผ่านคืนนี้ไป’ เมิ่งเซียนกูมองออกไป เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆลอยมาจากจวนบรรพบุรุษ เหล่าคนในตระกูลต่างมีความสุข ‘ข้า เมิ่งหยาน ข้าเป็นเทพอสูรและสังหารเหล่าราชาอสูร ในที่สุดข้าก็ได้เห็นหลานของข้า เมิ่งชวน ได้กลายเป็นศิษย์ในของเขาหยวนชูก่อนตาย ข้าไม่มีอะไรที่ติดค้างอยู่ในใจอีกแล้ว’