ตอนที่ 113 บ่อโลหิตเทพอสูร
หนึ่งในเป้าหมายของเขาคือการเป็นเทพอสูร! มีเพียงการที่ได้เป็นเทพอสูรเท่านั้นที่จะสามารถทําให้เขาสังหารราชาอสูรได้!
เมื่อตอนยังเด็ก เขาได้สาบานต่อหน้าหลุมศพของแม่ พ่อของเขาเองก็ได้เฝ้ารอมาหลายปี และเขายังแบกรับความหวังของย่าทวดและตระกูลอีกและมันเองก็เป็นเป้าหมายของเขาเองด้วย เช่นกัน ทุกๆปีที่เขาฝึกฝนมานี้ก็เพื่อที่จะขึ้นเป็นเทพอสูร
เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อการขึ้นเป็นเทพอสูรด้วยซ้ำ
คืนนี้ ในที่สุดเขาก็ขัดเกลาจุดที่เก้าได้สําเร็จ เขาอยู่ห่างจากการเป็นเทพอสูรอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นเมิ่งชวนจะไม่รู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไรกัน?
เขาพลิกไปมาทั้งคืน นอนหลับไม่สนิทเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขานอนไม่หลับนับตั้งแต่มาที่เขาหยวนซู แต่ว่าวันถัดมาเขาก็ยังเหมือนเดิม แถมยังยิ้มหัวเราะดูอ่อนโยนกับเหล่าคนรับใช้และพ่อบ้านมากขึ้นด้วยซ้ำ นั่นทําให้เหล่าพ่อบ้านและคนรับใช้ต่างงุนงง
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของเรากัน?”
” ทําไมวันนี้เขาสุภาพจังเล่า?”
“อาซวน” หลิวชีเยว่มารับประทานอาหารเข้ากับเมิ่งชวนและก็พบว่าเมิ่งชวนยิ้มตลอดเวลาทําให้เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า “อาชวน ทําไมวันนี้เจ้าทําตัวแปลกๆ?”
“ทําตัวแปลกๆ?” เมิ่งชวนมองไปที่เธอ
“ปกติตอนข้ามาเวลานี้เจ้าจะฝึกวิชากระบี่” หลิวซีเยว่กล่าว “เช้านี้เจ้ากินข้าวไว แถมยังกินแบบสบายๆ ด้วย”
เมิ่งชวนชดข้าวต้มและยิ้ม “ไม่ได้รับอะไร”
“หลังจากนี้เจ้าจะไม่ไปที่ถ้ำหมื่นกระบี่เหรอ?” หลิวซีเยว่ถามด้วยความสงสัย
“ไม่” เพิ่งชวนส่ายหน้า
หลิวชีเยวอึ้งเล็กน้อย เธอรู้สึกสับสน ทําไมวันนี้เพิ่งชวนผู้ขยันขันแข็งถึงไม่ซ้อมล่ะ?
“อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาผู้อาวุโสที่คลังสมบัติ” เมิ่งชวนพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ากําลังเตรียมตั วท้าทายขอบเขตความเป็นตาย”
หลิวเยว่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ “อาชวน เจ้ากําลังจะเป็นเทพอสูรใช่ไหม?”
” สามวันก่อนการท้าทายขอบเขตความเป็นตายต้องหยุดฝึกฝนทุกอย่าง ข้าต้องพักผ่อนให้ร่างกายและจิตใจอยู่ในระดับที่สมบูรณ์แบบ” เมิ่งชวนกล่าวยิ้มๆ “เพราะฉะนั้นแล้ว วันนี้ข้าเลยไม่ได้ฝึกวิชากระบี่”
นี่ก็เป็นเงื่อนไขในการเป็นเทพอสูรเช่นกัน การท้าทายความเป็นตายนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ! มันเปลี่ยนทั้งร่างกายและจิตใจของมนุษย์ให้กลายเป็นเทพอสูรจะประมาทไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด
“ใช่ๆๆ ใช่แล้ว พักผ่อนให้สบายอีกสามวันเถอะนะ” หลิวเยว่พยักหน้า “เดี๋ยวข้าจะตามเจ้าไปที่คลังสมบัติตัวยทีหลัง”
หลังจากทานอาหารเข้า เมิ่งชวนและหลิวเยว่ก็ออกจากหมิงเฟิงและไปที่ยอดหลัก หวงซุนจิง พวกเขาเดินไปที่คลังสมบัติ
“นายท่านเมิ่งชวนมาแล้ว”
“วันนี้ไม่มีการแจกจ่ายยาและสมบัติ ท่านเมิ่งชวนมาเพื่อท้าทายขอบเขตความเป็นตายรึ?” หลายๆคนในคลังสมบัติคาดเดาหลังจากที่ได้เห็น นั่นก็เพราะเมิ่งชวนได้รับหกประสงค์วินาศไปแล้วเก้าสิบขวดเมื่อเดือนก่อน ทุกๆคนต่างเฝ้ารอว่าเขาจะผ่านขอบเขตความเป็นตายและ ขึ้นเป็นเทพอสูรเมื่อไหร่ แต่ว่าผ่านไปหนึ่งเดือนแต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น การที่จู่ๆเพิ่งชวนนั้นมาที่นี่วันนี้ก็ทําให้หลายๆคนคาดหวัง
เพิ่งชวนและหลิวเยว่เข้าไปในคลังสมบัติ
“นายท่านเม็งชวน” ชายชุดฟ้าต้อนรับเขา
“ข้ากําลังเตรียมตัวท้าทายขอบเขตความเป็นตาย” เมิ่งชวนกล่าว ” ช่วยบอกท่านผู้อาวุโสโดย
“ขอรับ” ติวงตาของชายชุดสีฟ้าเป็นประกาย เขาพยักหน้า “ข้าจะรายงานให้ผู้อาวุโสทีเดียว
ทุกคนที่ชั้นหนึ่งของคลังสมบัติได้ยินเขาชัดเจน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น เพ ราะเหล่าพ่อบ้านและคนรับใช้ใด้รับใช้เทพอสูรมาตลอดชีวิตก็ต้องใส่ใจในหลายๆเรื่องของเทพอสูรเช่นกัน พวกเขารู้สึกภูมิใจเมื่อมีเทพอสูรที่ทรงพลังเกิดขึ้นมา พวกเขาโศกเศร้าทุกครั้งที่มีเทพอสูรต้องตายไป
“เมิ่งชวน” ผู้อาวุโสเดินออกมาพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ในที่สุดเจ้าก็วางแผนจะเข้าสู่ขอบเขตความเป็นตายแล้วรึ?”
” ขอรับ” เมิ่งขวนพยักหน้า
ผู้อาวุโสอพิจารณาเพิ่งชวนอย่างละเอียด “แน่นอนว่าเจ้าหลอมรวมกระแสพลังวินาศทั้งเก้าเข้าด้วยกันได้แล้ว และยังเข้าถึงเจตจํานงแห่งกระบี่มาได้นานแล้วเหมือนกัน ร่างของเจ้าก็ไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรด้วย ทุกอย่างปกติดีนับจากวันนี้ไปให้เจ้าพักผ่อนสามวันติดต่อกัน อย่าฝึกวิชาปล่อยให้ร่างกายและจิตใจของเจ้าอยู่ในสถานะที่ดีที่สุด
“และนี่คือยาเม็ดก่อกําเนิดสามเม็ด” ผู้อาวุโสลี่ยนขวดหยกสีน้ำเงินให้เมิ่งชวน “กินยา เม็ดก่อกําเนิดทุกวันมันจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจของเจ้า อีกสามวัน วันที่ยี่สิบสิงหาคม ให้เจ้าไปที่บ่อโลหิตเทพอสูรที่ยอดเขาความเป็นตายในตอนเช้า เมื่อถึงเวลา นายเหนือจะเป็นคนบรรจบสายฟ้าทั้งเจ็ดให้เจ้าเอง”
“ขอรับ” เพิ่งชวนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
“กลับไปพักผ่อนให้สบายเสีย” ผู้อาวุโสอพูดด้วยรอยยิ้มจากนั้นเขามองไปที่หลิวชีเยว่ “หลิวชีเยว่ เจ้าควรมุ่งเน้นไปที่การฝึกของเจ้าและเข้าสู่ขอบเขตของเจตจํานงให้ได้โดยไว”
“เจ้าค่ะท่านผู้อาวุโส” หลิวชีเยว่ตอบก่อนจะจากไปพร้อมกับเมิ่งชวน
ผู้อาวุโสอิ่มองดูทั้งคู่จากไปพร้อมรอยยิ้ม เขาเป็นห่วงเด็กสองคนนี้มาก
คนนึงมีสายเลือดวิหคเพลิง นั่นทําให้เธอเป็นคนที่สองของโลกในตอนนี้ที่มีสายเลือดนั้น เธอจะได้ร่างวิหคเพลิงที่สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน
อีกคนฝึกฝนร่างอสูรตัดสายฟ้าด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังผ่านการขัดเกลาจุดที่เก้าไปแล้วอีกด้วย ซึ่งมันก็ไม่ต้อยไปกว่าร่างเทพวิหคเพลิงที่สมบูรณ์เลย
ผู้อาวุโสอพอใจมากที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน นี่เป็นเพราะยิ่งคู่สามี-ภรรยาเทพอสูรมีแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ลูกๆของพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ลูกของราชาทะเลดงไห่กลายเป็นเทพอสูรทั้งหมด และยังอยู่ในระดับที่สูงด้วยซ้ำ ราชันเทพอสูรคนอื่นๆ ที่คล้ายกันหากจอมยุทธระดับสรรค์สร้างยอมที่จะเสียสละ ลูกๆของพวกเขาก็จะเกิดมาพร้อมกับแก่นสารแห่งจิตเลยด้วย
ยิ่งมนุษย์เรามีเทพอสูรที่ทรงพลังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ผู้อาวุโสอิ่มองดูทั้งสองคนค่อยๆหายไปจนลับสายตา
สามวันต่อมา วันที่ 20 สิงหาคม อากาศในยามเช้าหนาวเย็น
เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่ไปที่ยอดเขาความเป็นตายด้วยกัน มันเป็นสถานที่ที่สําคัญมาก สําหรับเขาหยวนชู ศิษย์ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปหากไม่ได้รับอนุญาติที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่ายอดเขาแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสิ่งที่ล้ำค่ายิ่ง นั่นคือบ่อโลหิตเทพอสูร! เมิ่งชวนมาที่นี่เพื่อท้าทายขอบเขตความเป็นตาย ศิษยืนอกคนอื่นต้องต่อสู้เก็บสะสมแต้มเพื่อที่จะได้เข้าสู่บ่อนี้ แต่ศิษย์ในไม่ต้องทําอะไรเช่นนั้น
“ในที่สุดข้าก็จะไปถึง” ดวงตาของเมิ่งชวนเต็มไปด้วยความหวังสภาพของเขาตอนนี้ไม่มีอะไรดีกว่านี้แล้ว เขากินยาเม็ดก่อกําเนิดมาติดกันสามวัน ในตอนนี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกําลังวังชา และจิตใจของเขาก็โล่งและสบาย
ข้างหน้าเขาคือถ้ำบ่อโลหิตเทพอสูร
“โอ๊ะ?” เมิ่งชวนและหลิวเยว่เห็นร่างสองร่างอยู่ไกลๆ ร่างหนึ่งคือเจ้าเขาหยวนซู อีกร่างคือผู้อาวุโส
“ท่านเจ้าเขา ท่านผู้อาวุโส” เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่เดินไปและโค้งตัวด้วยท่าทางนอบน้อม
เจ้าเขาหยวนชูพยักหน้าเล็กน้อย “หลิวเยว่ เจ้าไม่ต้องเดินเข้าไปต่อหรอก ยืนดูการเฉ ลิมฉลองนี้กับข้าและผู้อาวุโสอตรงนี้เถอะ”
“เจ้าค่ะ” หลิวชีเยว่ตอบด้วยท่าทางนอบน้อม
“เมิ่งชวน เจ้าไปเถอะ” เจ้าเขาหยวนซูชี้ไปที่ถ้ำบ่อโลหิตเทพอสูร “นายเหนือรออยู่ข้างใน เขาจะปกป้องเจ้าให้เป็นการส่วนตัวมีศิษย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับการปกป้องจากนายเหนือตอนที่ได้เป็นเทพอสูร”
“แค่ทําตามที่คัมภีร์ร่างอสูรตัดสายฟ้าได้เขียนเอาไว้ ไม่จําเป็นต้องกังวล” ผู้อาวุโสกล่าว
” ศิษย์จะไปแล้วขอรับ” เมิ่งชวนกล่าวอย่างสุภาพ
หลิวเยว่หันไปมองให้กําลังใจเมิ่งชวน เขายิ้มและเดินไปที่ถ้ำบ่อโลหิตเทพอสูร
ถ้ำบ่อโลหิตเทพอสูรนั้นดูธรรมดา มันกว้างใหญ่และคดเคี้ยว ตรงสุดปลายอุโมงค์ก็จะเห็นบ่อที่กว้างประมาณสองจิ้ง มันค่อนข้างเล็กและดูธรรมดาข้างๆบ่อมีหลุมเล็กๆหลายหลุม หลุมเล็กๆเหล่านี้มีของเหลวสีฟ้าอยู่ในนั้นของเหลวสีฟ้าค่อยๆ เติมเข้าไปในบ่อโลหิตเทพอสูร
“อีกพักหนึ่งบ่อโลหิตเทพอสูรจะเต็ม” ปรมาจารย์โผล่ออกมาจากความว่างเปล่าข้างๆบ่อโลหิตเทพอสูร
“ท่านอาจารย์” เมิ่งชวนก้มหัว
“พอบ่อโลหิตเทพอสูรเต็มแล้วให้เจ้าเข้าไปนั่งขัดสมาธิในนั้น” ปรมาจารย์กล่าวต่อ “เมื่อเจ้าพร้อมแล้ว ข้าจะชักนอัสนสวรรค์ทั้งเจ็ดมาให้เจ้าเอง”
“เข้าใจแล้วขอรับ” เมิ่งชวนกล่าว เขารอให้บ่อโลหิตเทพอสูรเต็มบ่อโลหิตเทพอสูรนั้นคือ สิ่งที่สําคัญมากๆต่อมนุษย์ชาติ สิ่งที่สําคัญที่สุดนั่นก็คือของเหลวสีฟ้านั้น ปกติแล้วบ่อนี้จะว่างเปล่า! มีเพียงตอนที่คนๆนั้นใกล้จะกําเนิดใหม่ได้เท่านั้นของเหลวถึงจะไหลมา
บ่อไม่ได้เป็นสีเลือด แต่ทําไมมันถึงเรียกบ่อโลหิตเทพอสูรกัน?
นั่นก็เพราะในสมัยโบราณมนุษย์ได้ใช้ทรัพยากรของบ่อโลหิตเทพอสูรไปจนหมด ในการที่เทพอสูรจะส่งต่อมรดกของตนนั้น เทพอสูรที่ทรงพลังจะใช้ผลึกโลหิตเทพอสูรของตนเพื่อเป็นวัตถุดิบสําหรับบ่อโลหิตเทพอสูรนี้ ผลึกโลหิตเทพอสูรนั้นไม่ใช่สิ่งที่เทพอสูรธรรมดาจะมีกัน มีเพียงเทพอสูรที่ทรงพลังที่สามารถฝึกฝนจุดตันเถียนเพื่อสร้างผลึกขึ้นมาได้เท่านั้น ผลึกโลหิตเทพอสูรนั้นสําคัญกว่าเลือดในร่างของพวกเขาเสียอีก มันหมายถึงรากฐานของร่างกายและส่งผลต่ออายุขัยอีกด้วย
เทพอสูรที่ทรงพลังต้องเสียสละอย่างมากเพื่อให้มั่นใจว่าเทพอสูรนั้นจะไม่หยุดลง ในตอนนี้เทพอสูรที่ทรงพลังไม่จําเป็นต้องเสียสละขนาดนั้นแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังคงใช้ชื่อ “บ่อโลหิตเทพอสูร” เพื่อที่เหล่าศิษย์จะได้จดจําว่าเทพอสูรที่ทรงพลังเหล่านั้นได้เสียสละอายุขัยและรากฐานของตนเพื่อให้ตํานานของเทพอสูรได้คงอยู่ต่อไป
“เอาละ บ่อโลหิตเทพอสูรเต็มแล้ว เจ้าสามารถเข้าไปได้” ปรมาจารย์กล่าว
“ขอรับท่านอาจารย์” เมิ่งชวนถอดรองเท้าและเสื้อพร้อมกับวางกระบี่ลง เขาเดินเข้าไปบ่อโลหิตเทพอสูรพร้อมกับชุดขนาดพอดีตัวกับเท้าเปล่าเท่านั้น