ตอนที่ 128 แก่นสารแห่งจิตทั้งเก้าระดับ
หนังสือทั้งสามเล่มนั้นเป็นหนังสือธรรมดา มันไม่ใช่มรดก มรดกสําหรับร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษนั้นทรงพลังมากเกินไป เทพอสูรระดับมหาสุริยันต้องมีพลังของแก่นสารแห่งจิตก่อนถึงจะทนรับการชี้นําของมรดก
“ข้าได้มอบตําราร่างเทพอสูรให้หมดแล้ว หลังจากที่เจ้าควบแน่นแก่นสารแห่งจิตได้ เจ้าค่อยกลับมารับต้นฉบับของตําราร่างเทพอสูรและรับมรดกของเจตจํานงไป” ผู้อาวุโสอีกล่าว “ในตอนนี้มีเพียงแค่คําอธิบายเป็นตัวอักษรสําหรับระดับเดือนมืดมิดและไร้ขอบเขตหลังจากที่เจ้าได้รับมรดกไปแล้ว เจ้าจะเข้าใจทุกอย่างโดยละเอียด และโอกาสในการข้ามผ่านไปได้ก็จะมากขึ้นกว่าเดิม”
เพิ่งชวนและหลิวชีเยว่พยักหน้า
” อันที่จริงแล้ว ถึงเจ้าจะควบแน่นแก่นสารแห่งจิตได้ แต่ก็ไม่ต้องรีบกลับมาหรอก” ผู้อาวุโสกล่าว “ในหนังสือพวกนี้มีข้อมูลในการขึ้นเป็นเทพอสูรระดับเดือนมืดมิดโดยละเอียดกลับมาหลังจากที่ผ่านข้อกําหนดทุกอย่างแล้วก็ไม่สายไปหรอก”
“เข้าใจแล้วขอรับ/เจ้าค่ะ” เพิ่งชวนและหลิวซีเยวพยักหน้า
“ท่านผู้อาวุโส” เมิ่งชวนพูดด้วยรอยยิ้ม “ตําราลับของแก่นสารแห่งจิตนี้มีมรดกหรือไม่ ขอรับ?หรือเป็นเพียงหนังสือธรรมดาเท่านั้น?”
“ไม่มีมรดกหรอก” ผู้อาวุโสอีกล่าว “แก่นสารแห่งจิตนั้นเป็นสิ่งที่ลึกลับและรับรู้ได้ยาก ก่อนที่มันจะก่อตัวขึ้นมา ถึงจะมองจากภายในก็ไม่สามารถรับรู้ได้เลยด้วยซ้ํา ตําราลับของแก่นสารแห่งจิตที่ว่านี่ก็ใช้เวลาหลายชั่วอายุคนกว่าเหล่าจอมยุทธจะสร้างขึ้นมาได้ มันยังหยาบมากนักไม่จําเป็นที่จะต้องมีมรดกเจตจํานงหรอก”
เพิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากที่ได้คุยกับอาจารย์ของเขา ปรมาจารย์ เขาก็รู้มาว่าการพัฒนาแก่นสารแห่งจิตนั้นจะต้องขึ้นไปให้ถึงระดับเต่ําก่อน และเมื่อไปถึงระดับเต่ําแล้ว พวกเขาก็จะสามารถหาคําตอบจากตัวตนภายในได้ และทุกครั้งที่พยายามตามหาคําตอบ แก่นสารแห่งจิตก็จะเปลี่ยนแปลง
ส่วนตําราลับของแก่นสารแห่งจิตน่ะเหรอ? การผลการฝึกยิ่งแย่ลงหลังจากฝึกไปนานๆ ไม่เช่นนนเทพอสูรระดับมหาสุริยันหลายคนคงจะควบแน่นแก่นสารแห่งจิตได้แล้ว
เพิ่งชวนเปิดตําราร่างอสูรตัดสายฟ้าเล่มสองดู แม้จะไม่มีมรดกเจตจํานงก็ตาม แต่ข้อมูลมันก็ละเอียดมากอยู่ดี
มีสามสิ่งที่สําคัญในการก้าวข้ามไปอีกระดับ พลังปราณในร่าง ระดับวิชาอาวุธ และแก่นสารแห่งจิตเพิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย
พลังชีวิตนั้นก็สําคัญมากๆเช่นกัน เพราะยิ่งอายุมากเท่าไหร่ก็มีโอกาสที่จะก้าวข้ามไปได้น้อยลงเท่านั้น เขาหยวนชูจึงบังคับให้ศิษย์ต้องขึ้นเป็นเทพอสูรก่อนอายุ 30 หลังจาก 30 ไปแล้วพลังชีวิตของคนๆนั้นจะค่อยๆลดลง โอกาสในการข้ามผ่านไปได้ก็จะต่ําลง
เทพอสูรระดับมหาสุริยันสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่า 200 ปี พลังชีวิตของพวกเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดตอนอายุ 60 พอพวกเขาอายุถึง 60 แล้ว พลังชีวิตก็จะลดต่ําลงอย่างรวดเร็วหากพวกเขาใช้วิชาต้องห้ามอย่างต่อเนื่อง มันก็จะทําให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้แก่ร่างของพวกเขาพลังชีวิตของพวกเขาอาจจะลดต่ําลงตั้งแต่ตอนอายุ 50 เลยก็ได้
ดังนั้นแล้ว เราจะต้องใช้ทุกโอกาสที่มีในการฝึกฝนและจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้!ไม่มีโอกาสที่จะข้ามผ่านไปได้หากอายุมากไป
พลังชีวิตก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
มีพลังปราณอีกหลายประเภท เช่นพลังปราณในการขัดเกลาร่างกาย พลังปราณมหาสุริยัน ฯลฯ
หลังจากเปิดหนังสือดู เขาก็เริ่มจะเข้าใจในระดับเดือนมืดมิดและไร้ขอบเขตขึ้นมาลางๆเขารู้ว่าข้อกําหนดสําหรับแต่ละขั้นนั้นคืออะไรและเข้าใจว่าเทพอสูรระดับสูงแข็งแกร่งขนาดไหน
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะเทพอสูรเฟิงโหวในขณะที่อยู่ในระดับมหาสุริยันได้เลย เพิ่งชวนลอบถอนหายใจ ความต่างระหว่างเทพอสูรมหาสุริยันและเดือนมืดมิดนั้นมากเกินไป
ราวกับเปรียบเทียบมนุษย์กับเทพอสูร ราวกับเทียบเทพอสูรแก่นเมฆากับเทพอสูรมหาสุริยัน
ดังนั้นแล้วหากพบเจอกับราชาอสูรระดับสี่ มีเพียงอย่างเดียวที่ต้องทําคือหนี! กว่าแปดร้อยปีที่ผ่านมานี้ ราชาอสูรจํานวนมากได้บุกเข้ามาสู่โลกมนุษย์ แต่ว่าก็มีราชาอสูรระดับสี่เพียงไม่กี่ตนเท่านั้น กลับกัน นิกายอสูรฟ้านั้นยังอันตรายมากกว่าเสียอีก นั่นเป็นเพราะนิกายอสูรฟ้าถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ และนิกายอสูรฟ้ามีอสูรฟ้าระดับห้าถึงสองตน
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่จําเป็นต้องกังวล เขาหยวนชู เกาะสองโลก และถ้ําสวรรค์ทรายดํา สามนิกายใหญ่ของมนุษย์ได้จัดการกวาดล้างนิกายอสูรฟ้าอย่างต่อเนื่อง และหากอสูรฟ้าระดับห้าปรากฏตัวขึ้นมาไม่เพียงราในเทพอสูรเท่านั้นที่จะเคลื่อนไหว ปรมาจารย์ระดับก่อกําเนิดเองก็จะจู่โจมด้วยเช่นกัน
ดังนั้นแล้ว อสูรฟ้าจึงต้องหลบซ่อนเช่นเดียวกัน นิกายอสูรฟ้านั้นด้อยกว่านิกายทั้งสามมากพวกมันไม่สามารถสู้กันตรงๆได้ ปกติแล้วอสูรฟ้ามักจะเคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อมีแผนรองรับเท่านั้น
ตําราลับแก่นสารแห่งจิต เพิ่งชวนอ่านอย่างรวดเร็ว หลังจากที่อ่านร่างอสูรตัดสายฟ้าเล่มสองเสร็จเขาก็หยิบตําราอีกเล่มขึ้นมาเปิดอ่าน
“หม?” เมิ่งชวนตาเป็นประกาย
ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์นั้น เพราะมีอัจฉริยะที่น่าพึ่งได้เกิดขึ้นมา จึงทําให้แก่นสารแห่งจิตได้ถูกอธิบายไว้โดยละเอียด
แก่นสารแห่งจิตถูกแบ่งออกเป็นเก้าระดับ กาย จิต ท่องราตรี แยกวิญญาณ หลอมรวม อมตะโลกาบรรลุและนิรันดร์
เมื่อควบแน่นแก่นสารแห่งจิตครั้งแรก คนๆนั้นจะเห็นตัวตนภายในได้ นั่นเป็นผลอย่าง แรกของแก่นสารแห่งจิต และเป็นขั้นแรกในการขึ้นเป็นเทพอสูรระดับเดือนมืดมิดเช่นกันแก่นสารแห่งจิตของคนๆนั้นจะต้องไปถึงระดับกาย เทพอสูรระดับมหาสุริยันไปถึงถึงตรงนั้นแม้จะเฝ้าหวังมากแค่ไหนก็ตาม! แก่นสารแห่งจิตของเพิ่งชวนในตอนนี้อยู่ที่ระดับกาย
ท่องราตรี ระดับที่สามของแก่นสารแห่งจิต เป็นเงื่อนไขสําหรับการขึ้นสู่ระดับไร้ขอบเขต! อย่างอื่นนั้นไม่สําคัญ แต่ว่าแก่นสารแห่งจิตจะต้องขึ้นเป็นระดับนี้เท่านั้น
หลอมรวม ระดับที่ห้าของแก่นสารแห่งจิต การจะขึ้นเป็นระดับสรรค์สร้างจะต้องไปถึงระดับ
ระดับสรรค์สร้างนั้นก็ยังคงเป็นระดับที่สูงที่สุดสําหรับเทพอสูรมนุษย์ ในประวัติศาสตร์มนุษย์อันแสนยาวนานแก่นสารแห่งจิตของเทพอสูรระดับสรรค์สร้างหลายคนไปถึงระดับหลอมรวมหรืออมตะเป็นเรื่องที่หาได้ยากที่จะเห็นคนไปถึงระดับโลกา แก่นสารแห่งจิตที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์นั้นอยู่ที่ระดับแปด บรรลุ ส่วนระดับที่เก้า นิรันดร์ นั้นเป็นเพียง การคาดเดา มันเป็นระดับที่เหล่ามนุษย์ได้สร้างขึ้นมาจากข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
พอแก่นสารแห่งจิตไปถึงระดับนิรันดร์แล้วนั้น คนๆนั้นจะไม่ถูกกายเนื้อผูกมัดอีกต่อไปและได้ร่างกายที่เป็นนิรันดร์มาครอบครอง แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงทฤษฎี
“กลายเป็นว่าข้าพึ่งจะอยู่ในระดับแรกของแก่นสารแห่งจิต” เมิ่งชวนเปิดอ่านหนังสือ มีวิธีในการฝึกฝนแก่นสารแห่งจิตและวิชาลับที่เกี่ยวของกับแก่นสารแห่งจิตอยู่ในนั้น
วิชาลับเกี่ยวกับแก่นสารแห่งจิตนั้นยังหยาบมาก เขาต้องใช้พลังปราณเพื่อที่จะเลี้ยงดูแก่นสารแห่งจิตของเขา และจะต้องใช้เวลาในการเลี้ยงดูจิตของพวกเขาอย่างช้าๆ วิธีนี้จะทําให้จิตก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากผ่านไปนาน มันอาจจะกลายเป็นแก่นสารแห่งจิต
วิธีนี้เป็นเพียงตัวเลือกเท่านั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการไปให้ถึงระดับเต่ําและตามหาคําตอบจากตัวตนภายใน
จอมยุทธส่วนใหญ่จะไปให้ถึงระดับเต๋ด้วยวิชาอาวุธของพวกเขาเพื่อที่จะหาคําตอบจากตัวตนภายใน เช่นเดียวกันกับการวาดภาพ เล่นขิม คัดลายมือ ตีเหล็ก ฯลฯ มีวิธีไม่มากในการตามหาคำตอบจากตัวตนภายใน แต่ว่ามันก็มีตัวอย่างมากมายในประวัติศาสตร์ ทุกๆครั้งที่มีแก่นสาร
แห่งจิตของพวกเขาก็จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทําไมถึงเป็นเรื่องยากที่เทพอสูรระดับมหาสุริยันจะควบแน่นแก่นสารแห่งจิตน่ะเหรอ? นั่นก็เพราะพวกเขาส่วนมากไปไม่ถึงระดับเต่ํานั่นเอง พวกเขาไม่มีวิธีที่จะตามหาคําตอบจากตัวตนภายในได้!แน่นอนอยู่แล้วว่ามันต้องยากที่จะควบแน่นขึ้นมา
เมื่อแก่นสารแห่งจิตไปรถึงระดับท่องราตรีแล้ว คนๆนั้นจะสามารถเข้าสู่ความฝันได้ และในระดับแยกวิญญาณ คนๆนั้นจะสามารถแบ่งชิ้นส่วนของแก่นสารแห่งจิตของตนเข้าไปติดกับร่างกายคนหรือสิ่งของได้ ส่วนระดับหลอมรวมน่ะเหรอ? เมื่อการรักษาร่างของตนนั้นเป็นเรื่องยากพวกเขาสามารถเลือกร่างมนุษย์เข้าไปสิงสู่ได้ หลังจากเข้าไปอยู่ในร่างนั้นแล้วพวกเขาทําได้แค่ฝึกฝนกลับไปที่ระดับเดิมของตนเท่านั้น ไม่สามารถข้ามผ่านไปได้อีกต่อไป
เพิ่งชวนอ่านหนังสืออย่างละเอียด เห็นได้ชัดว่าความสามารถของแก่นสารแห่งจิตที่มี ต่อพละกําลังนั้นน้อยมากๆส่วนมากเป็นวิชาแปลกๆซะส่วนใหญ่
เฟิงโหวเทพอสูรส่วนมากมักจะมีแก่นสารแห่งจิตกันอยู่ในระดับแรก มีเพียงน้อยนิดที่อยู่ในระดับที่สอง ในระดับแรกนั้นแก่นสารแห่งจิตเพิ่มพลังให้เพียงหนึ่งส่วน ยกเว้นว่าหากคนๆนั้นมีแก่นสารแห่งจิตที่ทรงพลัง หรือไม่มันก็แทบจะไม่ช่วยอะไรเทพอสูรได้เลย
หลังจากที่เพิ่งชวนและหลิวชีเยว่อ่านหนังสือจบ พวกเขาก็ออกจากศาลาชี้แนะและตรงไปที่คลังสมบัติพร้อมกับผู้อาวุโสี่
“ศิษย์ทุกคนจะได้รับสมบัติและแต้มฟรีเป็นเวลายี่สิบปี หากพวกลงจากเขาก่อนก็จะ ได้รับสมบัติและแต้มรวดเดียว”ผู้อาวุโสอกล่าวยิ้มๆ “พวกเจ้าทั้งคู่ยังรับได้อีกมากมาย”
พอพูดจบผู้อาวุโส ก็เดินเข้าไปในคลังสมบัติ พ่อบ้านและคนรับใช้ในคลังสมบัติก้มหัวด้วยความเคารพ
“เพิ่งชวนและหลิวซีเยวผ่านถ้ําเก้าปริศนาแล้วและกําลังจะลงจากเขา เตรียมสมบัติทั้งหมดที่พวกเขาจะต้องได้รับมาให้เสีย”
” ขอรับ” พ่อบ้านเริ่มคํานวณทันที
เพิ่งชวนเข้าร่วมเขาหยวนชูในการสอบเข้า กลับกันนั้น หลิวชีเยว่ขึ้นมาก่อนเขาในปีนั้น!นั่นก็หมายความว่าหลิวซีเยว่อยู่บนเขานานกว่าเขานั่นเอง
หลังจากคํานวณเสร็จ พ่อบ้านก็เตรียมสมบัติอย่างรวดเร็วและมอบให้เพิ่งชวน
“นายท่านเพิ่งชวน มียาพันดาราทั้งหมด 1100 เม็ดอยู่ในขวดน้ําเต้านี้ เป็นจํานวนที่ท่านจะได้รับในเก้าปีข้างหน้า” พ่อบ้านชุดสีฟ้ายื่นขวดน้ําเต้าสีแหลืองอันใหญ่ที่ต้องอุ้มมาให้เพิ่งชวน!การฝึกปราณนั้นเป็นเรื่องสําคัญมากสําหรับเทพอสูร เขาประหยัดยาพันดาราได้หลายเม็ดโดยการฝึกที่ยอดเขาอัสนี
หลังจากที่ลงจากเขาและประจําเมืองด่าน เขาจะสูญเสียโอกาสในการฝึกฝนที่ยอดเขาอัสนีเขาจึงต้องใช้ยาพันดาราในการฝึกฝนพลังปราณ
“และนี่คือผลอัสนีวิบัติทั้ง 18 ผลขอรับ” พ่อบ้านยื่นกล่องหยกหลายกล่องมาให้ แต่ ละกล่องนั้นมีผลอัสนีวิบัติอยู่สามผล
“ข้าขอซื้อผลอัสนีวิบัติ 20 ผล” เพิ่งชวนกล่าว ผลอัสนีวิบัตินั้นสําคัญมากต่อการฝึกฝนของเขาเขาต้องกินมันทุกๆ เดือน และเขาจะต้องปกป้องเมืองด่านเป็นเวลาสามปี ดังนั้นผลอัสนีวิบัติ 20 ผลจึงจําเป็น
ผลอัสนีวิบัติหนึ่งผลใช้หมื่นแต้ม มันแพงมากๆ! แต่ก็ยังดีที่เขาได้รับแต้มที่เหลือนั่นคือ 333,000 แต้ม
เพิ่งชวนและหลิวชีเยาแลกเปลี่ยนสมบัติที่พวกเขาต้องการ ยาพันดารา ผลวิญญาณ กระแสพลังวินาศ และยาสําหรับการรักษาอาการบาดเจ็บ หลังจากที่ใช้แต้มเสร็จเรียบร้อยเพิ่งชวนก็เหลือแต้มอยู่เพียง 32000 แต้ม แต้มของย่าทวดของเขาเองก็ถูกใช้ไปจนเกือบหมด
หลิวชีเยว่ยืมแต้มจากเพิ่งชวนไป 5000 แต้มก่อนที่จะซื้อสิ่งที่เธอต้องการสําหรับสามปีหน้าเสร็จ