ตอนที่ 134 ถ้ําสวรรค์หยวนชู
“จินหวู” นัยน์ตาของปรมาจารย์ลู่ถางเต็มไปด้วยความกังวล “ถ้ําสวรรค์หยวนชูเป็นที่ที่มีค่ามากที่สุดของเขาหยวนชูนะ ก่อนอสูรจะบุก มันจะถูกเปิดเพียงครั้งเดียวทุกๆหกพันบีนะ! แต่ตั้งแต่การบุกของอสูรเริ่มขึ้น พวกเราก็เริ่มทําเกินไป แล้วภายในแปดร้อยปีนี้ก็เปิดไปแล้วถึงสี่ครั้ง นี่เราจะเปิดมันเป็นครั้งที่ห้าอีก? ไม่ใช่ว่าพวกเราควรคิดให้ถี่ถ้วนกว่านี้ก่อนรึ?”
“ลู่ถาง” ชายผมยาวนามจินหวูส่ายหน้าเบาๆ “การบุกรุกของอสูรเริ่มรุนแรงขึ้น เมืองด่านขนาดกลางหลายเมืองกําลังถูกสร้าง และมีเมืองด่านขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาอีกเมืองในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา เมืองด่านขนาดใหญ่ทุกๆเมืองต้องปรมาจารย์คอยคุ้มกัน เรามีปรมาจารย์ระดับสรรค์สร้างมากแค่ไหนกัน? การบุกรุกของอสูรมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เจ้าก็รู้ว่าเหล่าอสูรนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเรามาก นี่เป็นเพียงเพราะทางผ่านโลกนั้นเชื่อมต่อเพียงส่วนน้อยเข้ากับโลกของเราเท่านั้น พวกเราถึงต่อสู้กันมาได้ถึง 800 ปี และสงครามนี้มันจะแย่ลงต่อไปเรื่อยๆในอนาคต สงครามที่โหดร้ายมากขึ้น”
ปรมาจารย์ลู่ถางเงียบไป เธอเข้าใจว่าสงครามมันจะแย่ลงในอนาคต
“หากพวกเรากันไว้ไม่อยู่ เผ่าพันธุ์มนุษย์จะถูกฆ่าล้างจนหมดสิ้น โลกของเราจะถูกอสูรเข้าครอบครอง” จินหวูพูดนิ่งๆ “บางทีพวกมันอาจจะเหลือมนุษย์ไว้บางส่วนเป็นอาหาร ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วใครจะใช้คลังสมบัติที่ถูกทิ้งไว้โดยเหล่าบรรพบุรุษกันเล่า? มันทั้งหมดคงจะตกอยู่ในมือของเหล่าอสูร”
“ดังนั้นแล้ว จากมุมมองของข้า พวกเราควรเปิดถ้ําสวรรค์หยวนชูสําหรับผู้ที่มีโอกาสไปถึงระดับสรรค์สร้าง” จินหวูกล่าว
ปรมาจารย์สู่ถางพยักหน้าเบาๆ “จากที่ข้ารู้มา เมิ่งชวนพึ่งจะได้รับแก่นสารแห่งจิต ระดับวิชากระบี่ของเขาเองก็ช้ากว่าเชวเฟิง มันธรรมดามาก ไม่มีทางเลยที่เขาจะไปถึงระดับสรรค์สร้างได้”
“แต่ความสามารถในการวาดภาพของเขานั้นสุดยอดมาก” จินหวูกล่าว “ในยุคนี้ เทพอสูรเติบโตท่ามกลางความเป็นความตาย พวกเขาเติบโตได้ไวกว่าเทพอสูรในประวัติศาสตร์เสียอีก! ข้าคิดว่าความสามารถในการวาดภาพของเขานั้นไม่ด้อยไปกว่าของศิษย์พี่ถานเหยาอานเลย สภาพแวดล้อมในตอนนี้จะทําให้เขาสามารถเติบโตได้ไวกว่าถานเหยาอานเสียอีก แก่นสารแห่งจิตของเขามีโอกาสไปถึงระดับแปดเลยด้วยซ้ํา หากเขาไปถึงระดับเก้ามันคงจะเป็นเรื่องที่ไม่เกินคาด”
“ระดับเก้า? ยังไม่มีใครรู้ด้วยซ้ําว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า” ผู้ทรงอํานาจลั่วถังลังเล
“ตราบใดที่แก่นสารแห่งจิตของเขาไปถึงระดับเก้า ถึงเขาจะอยู่เพียงแค่ระดับสูงสุดของราชันเทพอสูร แต่เขาก็คงสามารถสู้กับจอมยุทธในระดับสรรค์สร้างได้เลยด้วยซ้ํา” จินหวูกล่าว “เจ้าคงจะเข้าใจดีว่าแก่นสารแห่งจิตระดับเจ็ดและแปดทรงพลังขนาดไหน ในระดับโลกา คนๆนั้นจะแข็งแกร่งพอๆกับจอมยุทธรระดับสรรค์สร้างที่พึ่งกําเนิดใหม่ และในระดับบรรลุ คนๆนั้นจะแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับสรรค์สร้างที่มีในตอนนี้ทั้งหมด ข้าคิดว่าการเปิดถ้ําสวรรค์หยวนชูให้เขานั้นเป็นสิ่งที่คุ้มค่า”
มุมปากของลู่ถงเผยอขึ้น เธอยิ้มออกมา รอยยิ้มของเธอนั้นดูงดงามยิ่งนัก “จินหวู เจ้าโน้มน้าวข้าได้สํารเร็จ ข้าหวังว่าแก่นสารแห่งจิตของเขาจะไปถึงระดับเจ็ดหรือแปดนะ”
”เจ้าเห็นด้วยสินะ?” จินหวูถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ใช่ เปิดมันเถอะ” ปรมาจารย์สู่ถงกล่าว “แม้ด้วยความสามารถระดับเขาเขาจะสามารถไปถึงได้เพียงแค่ระดับราชันเทพอสูร แต่เขามีสามารถต่อสู้กับจอมยุทธระดับสรรค์สร้างได้ด้วยพลังของแก่นสารแห่งจิต หากจอมยุทธที่มีแก่นสารแห่งจิตระดับแปดเกิดขึ้นมา นั่นคงจะเป็นเรื่องดีสําหรับมนุษย์เรา”
มันเป็นเรื่องยากที่จะพัฒนาแก่นสารแห่งจิตในระดับหลังๆ ทุกๆระดับนั้นเหมือนกับหลุมลึกไม่มีที่สิ้นสุด ระดับความยากนั้นมันเหมือนกับการที่เฟิงโหวเทพอสูรจะขึ้นเป็นราชันเทพอสูร และ มันก็เหมือนกับการที่ราชันเทพอสูรจะขึ้นเป็นระดับสรรค์สร้าง
การพัฒนาแก่นสารแห่งจิตจากระดับที่เจ็ดเป็นแปดนั้นยากเสียยิ่งกว่าการไปถึงระดับสรรค์สร้างเสียอีก! ในประวัติศาสตร์มีเพียงสามคนเท่านั้นที่มีแก่นสารแห่งจิตระดับแปด และด้วยการใช้พลังของแก่นสารแห่งจิตของพวกเขา จอมยุทธเหล่านี้นั้นไร้ที่ต่อกร พวกเขาสามารถสังหารจอมยุทธระดับสรรค์สร้างคนอื่นๆได้!
“เอาล่ะ เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะเปิดมัน” จินหวูพูดอย่างใจร้อน “แต่ก่อนเขาหยวนชูเปิดถ้ําสวรรค์ หยวนชูก็ต่อเมื่อศิษย์คนนั้นเชี่ยวชาญในด้านๆหนึ่งจนถึงที่สุด ปกติแล้วมันจึงเปิดทุกๆหกพันปี แต่ว่านี่จะเป็นครั้งที่ห้าที่เราจะเปิดถ้ําสวรรค์หยวนชูในรอบแปดร้อยปีที่ผ่านมานี้”
“ถ้ําสวรรค์หยวนชูเปิดให้สําหรับผู้ที่มีโอกาสไปถึงระดับสรรค์สร้างได้สูง” ปรมาจารย์ลู่ถางกล่าว “ในช่วงแปดร้อยปีที่ผ่านมานี้ มีมนุษย์สี่คนเข้าไปที่ดินแดนอันมีค่าแห่งนี้ คนหนึ่งตายในการต่อสู้ขณะยังเป็นเทพอสูรมหาสุริยัน ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย อีกสามคนได้ขึ้นเป็นราชันเทพอสูรราชันเจ้ายุทธอายุเกินสามร้อยปีแล้วในปีนี้ และเขาค่อยๆอ่อนแอลง โอกาสที่จะไปถึงระดับสรรค์สร้างนั้นก็มีไม่มาก ราชาทะเลตงไห่นั้นยังหนุ่ม เขาพึ่งจะอายุเกินร้อยปีนี้ เขามีโอกาสมากที่สุด”
“เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ราชันหยานชุ่ยตาย เขาผ่านข้อกําหนดหมดแล้ว พลังปราณและร่างกายของเขาเองก็ทรงพลังมาก เพียงแต่แก่นสารแห่งจิตของเขายังอยู่ที่ระดับที่สี่ หากแก่นสารแห่งจิตของเขาไปถึงระดับที่ห้า เขาคงจะไปถึงระดับสรรค์สร้างไปแล้ว แต่ช่างโชคร้ายที่เขาได้ตายไปที่ด่านหยานชุ่ย”
“ในยุคที่วุ่นวายเช่นนี้ แค่มีราชันเทพอสูรเกิดใหม่ทุกครั้งที่เราเปิดคลังสมบัตินี้ก็น่าพึงพอใจมากแล้ว” จินหวูกล่าว “เราไม่สามารถใช้กฏแบบนั้นเหมือนเมื่อก่อนกับศิษย์เราได้แล้ว”
“นั่นก็จริง” ปรมาจารย์ลั่วถางพยักหน้า
อนาคตจะเป็นอย่างไร?
แม้แต่พวกเขาที่อยู่ระดับสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ยังไม่รู้เช่นกัน ที่พวกเขารู้ก็คือต้องเลี้ยงดูเหล่าจอมยุทธให้มากกว่านี้และเตรียมพร้อมสําหรับสถานการณ์ที่แย่ที่สุด
ยิ่งพวกเขาพร้อมมากเท่าไหร่ ยิ่งมีความหวังในการจบสงครามครั้งนี้ได้มากเท่านั้น
…
ตกกลางคืน
เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่กําลังกินข้าวเย็นพร้อมกับพูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุข
ทั้งคู่มองไปที่ทางเดินเมื่อรู้สึกได้ถึงบางอย่าง พวกเขาเห็นร่างเงาเดินมาจากสวน ร่างนั้นค่อยๆมีตัวตนขึ้นมาเป็นชายผมยาว
” ท่านอาจารย์” เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่ลุกขึ้นยืนและทักทายเขาด้วยท่าทางนอบน้อมทันที
อาจารย์มาที่ถ้ําของศิษย์? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!
” เมิ่งชวน ตามข้ามา” ชายผมยาวพูด
“ขอรับ” เมิ่งชวนยืนขึ้นและเดินไปข้างๆอาจารย์ของเขา
“เดี๋ยวเมิ่งชวนจะกลับมา แต่อาจจะต้องใช้เวลาสองชั่วโมงถึงสามวัน” ชายผมยาวกล่าวกับหลิวชีเยว่ก่อนจะหายไปพร้อมกับเมิ่งชวน
หลิวชีเยว่ยืนงงอยู่นานก่อนจะกลับไปที่โต๊ะอาหาร เธอก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อ แต่ว่าเธอกําลังสงสัยอยู่ ทําไมจู่ๆเขาถึงรีบพาอาชวนไปกัน? เธอไม่กังวลมากนัก เพราะว่าอาจารย์เป็นคนพาตัวเขาไปเอง เพราะงั้นเขาจึงปลอดภัยอย่างแน่นอน
ชายผมยาวออกจากช่องว่างมิติพร้อมกับเมิ่งชวน พวกเขาไปที่เขาโดดๆลูกหนึ่ง
” ท่านอาจารย์?” เมิ่งชวนรู้สึกงุนงง เขามองไปรอบๆและเห็นภูเขาที่คุ้นเคยไม่กี่แห่ง เขารู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน นี่เป็นเขาไร้ชื่อที่อยู่ไกลจากจิ้งหมิงเฟิง 30 ลี้
ชายผมยาวหยิบไม้บรรทัดสีฟ้าออกมา หลังจากใช้งานมันก็มีหญิงสาวชุดสีขาวทองปรากฏขึ้นข้างๆเขา
“เบิดมันเถอะ” ชายผมยาวและร่างเงาของหญิงสาวมองหน้ากันก่อนจะเปิดแดนสมบัติพร้อมกัน
ฟุบบ
อากาศบิดเบี้ยวและก็มีทางเข้าถ้ําทรงวงกลมปรากฏขึ้น
“มิตินี้จะพาเจ้าไปที่ยังที่ที่มีค่าที่สุดของเขาหยวนชู” ชายผมยาวมองไปที่เมิ่งชวนและกล่าว “หลังจากที่เข้าไปแล้ว “โอกาส” ที่เจ้าจะได้รับนั้นจะขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง พยายามรับ “โอกาส” ที่ทรงพลังที่สุดมาให้ได้”
“อาจารย์ของเจ้าต้องหว่านล้อมข้าพักนึงเลยนะกว่าที่ข้าจะยอมให้เจ้าเข้าไปได้เนี่ย” ปรมาจารย์ลู่ถางมองดูเมิ่งชวน “ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าเจ้าจะได้สิ่งใดมาจากถ้ําสวรรค์หยวนชู”
“ศิษย์จะทําให้ดีที่สุดขอรับ” เมิ่งชวนก้มหัวมองดูมิตินั้นด้วความสงสัย
ถ้ําสวรรค์หยวนชู? โอกาส? เมิ่งชวนรู้สึกสงสัยนิดๆ
“นี่คือที่ๆล้ําค่าที่สุดของเขาหยวนชู จําไว้ อย่าบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ภรรยาหรือพ่อแม่” ในขณะที่ชายผมยาวกล่าวเขาก็จับเมิ่งชวนโยนเข้าไป
เมิ่งชวนตกใจ เขาเข้าไปในมิตินั้นโดยไม่มีเวลาได้ตอบสนองแม้แต่น้อย
จากนั้นทางเข้าถ้าก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“นี่คือถ้ําสวรรค์หยวนชูอย่างนั้นรึ?” หลังจากที่เมิ่งชวนผ่านทางเข้านั้นไป เขาก็รู้สึกเหมือนราวกับกําลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นเขาก็เห็นหัวสัตว์ร้ายขนาดยักษ์! หัวของมันใหญ่กว่าภูเขาเสียอีก ปากของมันกว้างกว่าพันจิ้ง ภายในนั้นมีวังวนสีดําอยู่ เพิ่งชวนไม่สามารถต้านทานแรงดูดนั้นได้และถูกดึงเข้าไปในปากของสัตว์ร้ายตัวนั้น
หลังจากถูกดูดเข้าไป เขาก็รู้สึกราวกับถูกดูดเข้าไปอยู่ในพายุหมุน