ตอนที่ 129 ถ้ําอาวุธศักดิ์สิทธิ์
หลังจากเก็บยา ผลวิญญาณและสมบัติอื่นๆไว้ที่ห้องลับในถ้ําเรียบร้อยแล้วเพิ่งชวนและหลิวชีเยว่ก็มุ่งหน้าไปยังถ้ําอาวุธศักดิ์สิทธิ์
ทางเข้าถ้ําอาวุธศักดิ์สิทธิ์นั้นเรียกได้ว่าถูกซ่อนเอาไว้มันอยู่ข้างในหอคอยอาวุธศักดิ์สิทธิ์
“นายท่านเพิ่งชวน นายหญิงหลิวชีเยว่” พ่อบ้านและคนรับใช้ที่หอคอยให้ความเคารพ หญิงชราผมสีขาวนําทางไปและกล่าว “พวกเราได้รับคําสั่งมาว่าพวกท่านทั้งสองสามารถเลือกชุดเกราะและชุดผ้าได้แล้วเจ้าค่ะ และพวกท่านก็สามารถเข้าสู่ถ้ําอาวุธศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับอาวุธได้แล้วเช่นกัน”
” พวกข้าขอเลือกเสื้อผ้าก่อน” เมิ่งชวนกล่าว เขาคุยกับหลิวชีเยวมาแล้ว
หญิงชราผมขาวยิ้มและยื่นตัวเลือกให้เพิ่งชวน “เทพอสูรที่จะลงจากเขาสามารถเลือกอันไหนก็ได้เจ้าค่ะ”
ชุดเกราะและชุดผ้าที่เขาหยวนซูมอบให้แก่เหล่าศิษย์นั้นไม่ธรรมดา พวกมันมีพลังป้องกันที่สูงและสามารถปกป้องพวกเขาในการต่อสู้ที่ระดับต่ํากว่าเทพอสูรเฟิงโหวได้! ส่วนการต่อสู้ในระดับเฟิงโหวและราชันเทพอสูรนั้น เกราะเหล่านี้แทบจะไม่มีประโยชน์เลยเพราะส่วนมากเทพอสูรก็ต้องพึ่งตัวเองเป็นหลัก
เทพอสูรมนุษย์มีร่างกายที่อ่อนแอกว่าราชาองุณ การใส่ชุดเกราะก็เพื่อปิดจุดอ่อนนั้น
“เสื้อคลุม กางเกง รองเท้า เกราะใน แล้วก็กําไลข้อมือ” เมิ่งชวนชี้ไปที่ของในตัวเลือก “พวกนี้แหละ”
” หมดแล้วหรือเจ้าคะ?” หญิงชราผมขาวถาม
“น่าจะนะ” เมิ่งชวนพยักหน้า
การเลือกเสื้อคลุมนั้นต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน มันมีผลต่อความเร็วและความคล่องตัวด้วย! มันไม่ได้ง่ายอย่างแค่เลือกๆเกราะที่มีพลังป้องกันสูงกว่าแค่นั้น เกราะที่แข็งแกร่งที่สุดในตัวเลือกนั้นหนักถึง 1950 กิโลกรัมเลยทีเดียว! หากใส่ไปแล้ว ความเร็วและความคล่องตัวจะลดลงอย่างมหาศาล! หากให้เพิ่งชวนใส่ล่ะก็ เขาคงจะมีพลังเหลืออยู่เพียงหนึ่งหรือสองส่วนจากปกติเท่านั้น
ส่วนผู้ที่ฝึกร่างอสูรทรงพลังหรือร่างอสูรสมุทรนิรันดร์นั้น พวกเขาชอบเลือกเกราะหนักๆ เช่นนี้
ที่เพิ่งชวนเลือกไปเองก็ไม่นับว่าเป็นเกราะเบาเช่นกัน พวกมันเป็นเสื้อคลุมที่ทนทานมาก! เครื่องมือป้องกันที่ดีที่สุดของเขานั้นคือเกราะในและกําไลข้อมือ ในเวลาคับขัน กําไลข้อมือสามารถใช้เป็นเกราะเล็กๆได้
ตัวเลือกของหลิวชีเยว่ก็คล้ายกับเมิงชวน! นักเกาทัณฑ์จะต้องอยู่ห่างจากศัตรูเสมอ!
“โปรดรอสักครู่เจ้าค่ะ” หญิงชราผมขาวพูดด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สัดส่วนของเทพอสูรทั้งสองหลังจากกวาดตามองเพียงครั้งเดียว
ผ่านไปครู่หนึ่ง พ่อบ้านหนุ่มสองคนก็เดินถือผ้าคลุมและรองเท้ามาให้
“นายท่าน โปรดลองใส่ดูว่าพอดีหรือไม่” หญิงชรากล่าว
เพิ่งชวนและหลิวชีเยวลองเปลี่ยนชุดในห้องเปลี่ยนชุดใกล้ๆ
เกราะของเมิ่งชวนนั้นจัดได้ว่าเบามากๆในหมู่เกราะของเทพอสูรเกราะในของเขานั้นหนักที่สุดมันหนัก 8 จิน (4 กิโลกรัม) กําไลของเขาหนัก 5 จิน และรองเท้าคู่นั้นหนักราวๆ 3 จินผ้าคลุมและกางเกงของเขานั้นแทบจะเหมือนกับของมนุษย์ทุกอย่าง พวกมันเบาและคล่องตัว อย่างไรก็ตาม พลังป้องกันของพวกมันก็อ่อนแอกว่ามาก
หลังจากเปลี่ยนชุดแล้ว ทั้งสองคนก็เดินออกไป
ชุดของหลิวชีเยว่นั้นเป็นสีแดงซะส่วนมากและมีสีฟ้าคอยแซม มันทําให้เธอดูโดดเด่นกล้าหาญชุดของเมิ่งชวนนั้นเป็นสีน้ําเงินเข้ม เสื้อคลุมและรองเท้าของเขาก็เป็นสีน้ําเงินเข้มเช่นกัน เพราะว่าชุดที่พวกเขาเลือกนั้นค่อนข้างจะคล้ายๆกัน พวกเขาจึงดูเข้ากันมากเมื่อยืนอยู่ด้วยกันพร้อมกับสีที่ตัดกันนั้น
หลิวขี่เยว่เดินยิ้มไปข้างๆเมิ่งชวน เธอช่วยเพิ่งชวนจัดชุดและพยักหน้าด้วยความพอใจ “ไม่เลวเลย”
“ซีเยว่ เจ้าก็ดูดีเหมือนกัน” เมิ่งชวนกล่าวยิ้มๆ
รอยยิ้มของหญิงชรากว้างขึ้นกว่าเดิม
“นายท่าน พวกท่านต้องการจะไปที่ถ้ําอาวุธศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ?” หญิงชราถาม
“อาชวน เจ้าไปก่อนเลย เดี๋ยวข้าตามไป” หลิวชีเยว่กล่าว เธอรู้กฏว่าถ้ําอาวุธศักดิ์สิทธิ์เข้าได้ทีละคนเท่านั้น
“เอาสิ” เมิ่งชวนไม่ได้ปฏิเสธ
“นายท่านเพิ่งชวน โปรดตามมาทางนี้เจ้าค่ะ” หญิงชรานําทางไป
หลิวซีเยวให้กําลังใจเมิ่งชวน “พยายามรับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดมาให้ได้นะ” เมิ่งชวนพยักหน้าและตามหญิงชราไป
หลังจากผ่านโถงหลักของหอคอยไป เขาก็เดินผ่านทางเดินที่คดเคี้ยวไปซักพักก่อนจะเห็นทางเข้าถ้ํา ทางเข้าถูกปิดไว้อยู่
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เป็นมรดกตกทอดมาจากเทพอสูรหลายต่อหลายรุ่น” หญิงชรากล่าว“แม้อาวุธศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่ง แต่พลังของมันก็ค่อยๆอ่อนลงเมื่อผ่านไปนานๆ มีอาวุธระดับสรรค์สร้างบางชิ้นลดระดับลงมาเหลือเพียงระดับสวรรค์หรือกระทั้งโลกาเลยทีเดียว เมื่อผ่านไปนานๆแม้จะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถกลายเป็นฝุ่นไปได้”
เพิ่งชวนพยักหน้า เขาเองก็รู้
เวลาไม่เคยปรานี ราชันเทพอสูรมีอายุเพียง 500 ปี จอมยุทธระดับสรรค์สร้างที่แข็งแกร่งที่สุดมีอายุ 2000 ปี! หลังจากผ่านไปมากมายหลายปี ต่อให้เป็นจอมยุทธไร้เทียมทานแห่งยุคแต่ในที่สุดก็จะกลายเป็นฝุ่นไปอยู่ดี แก่นสารแห่งจิตระดับเก้านั้นจะทําให้คนๆนั้นเป็นอมตะได้ในทางทฤษฎีแต่ว่าปรมาจารย์ระดับสรรค์สร้างก็มักจะไปถึงเพยิ่งระดับห้าหรือหกระดับที่เก้านั้นเป็นเพียงการ คาดเดาล้วนๆ ไม่เคยมีใครไปถึง
บางทีในซักวันหนึ่ง จะมีจอมยุทธที่ทรงพลังที่จะไปถึงระดับเก้าและพบว่าพวกเขาไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดกาล
เป็นการบ่งบอกว่าการมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์นั้นเป็นเพียงความเพ้อฝันของมนุษย์ก็เท่านั้น
ขนาดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ยังสลายหายเป็นฝุ่นได้ นับประสาอะไรเล่ากับเลือดเนื้อคนเรา
“แต่ว่าถึงท่านจะได้อาวุธระดับมนุษย์เองก็ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” หญิงชรากล่าว “เมื่อฝึกฝนไปนานๆ ผ่านการขัดเกลาอย่างยาวนาน อาวุธและผู้ใช้จะกลายเป็นหนึ่ง ยิ่งเทพอสูรทรงพลังมาก เท่าไหร่ อาวุธก็จะทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น มีโอกาสที่จะเปลี่ยนอาวุธรดับมนุษย์ให้กลายเป็นอาวุ ธระดับสรรค์สร้างเลยก็ได้”
เพิ่งชวนฟังแม้ว่านี่จะเป็นความรู้ทั่วไป เธอต้องอธิบายทุกครั้งเพื่อมีศิษย์บางคนไม่ได้อ่านหนังสือที่มีความรู้ทั่วไปเช่นนี้อยู่
“มนุษย์เลือกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็เลือกเจ้าของ” หญิงชรากล่าว “นายท่าน เพิ่งชวนหลังจากเข้าไปในถ้ําแล้วท่านต้องแสดงเจตจํานงกระบี่และจิตวิญญาณกระบี่ นั่นจะทําให้อาวุธเหล่านั้นเลือกท่าน ท่านเพิ่งชวน ท่านสามารถเลือกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงแค่ชิ้นเดียว”
เพิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย
จากนั้นหญิงชราก็ก้าวไปข้างหน้าและเปิดกลไกบางอย่าง ก่อนจะเกิดเสียงดังลั่นและประตูก็เปิดออก
“เชิญเจ้าค่ะ ท่านเพิ่งชวน” หญิงชรากล่าวและเดินหลีกทาง เพิ่งชวนเดินเข้าไปในถ้ําด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ทางเข้าของถ้ําอาวุธศักดิ์สิทธิ์นั้นค่อนข้างจะมืด เขาเดินไปซักพัก
เขาเห็นโถงถ้ําขนาดใหญ่ มีอาวุธอยู่ข้างในนั้นมากมาย กระบี่ ดาบ หอก ง้าว ขวาน ค้อนเกาทัณฑ์ อาวุธทุกชนิดถูกวางไว้ในที่ที่ต่างกัน ทําให้พลังของอาวุธเหล่านั้นคอยสนับสนุนซึ่งกันและกันทําให้เขาหยวนชูสามารถเก็บอาวุธเหล่านี้ไว้ได้นานกว่าเดิม
อย่างแรก ให้อาวุธศักดิ์สิทธิ์เลือกเจ้าของ เมิ่งชวนเข้าใจดี
เขายืนนิ่ง
เพิ่งชวนปล่อยจิตสังหารออกมาพร้อมกับเงากระบี่สูงสามจังที่ปกคลุมเมิ่งชวน เงากระบี่นี้เป็นร่างของจิตวิญญาณกระบีของเขา มันปล่อยจิตสังหารมหาศาลออกมา
ศิษย์ของเขาหยวนชูทุกคนต้องไปให้ถึงระดับจิตวิญญาณหากพวกเขาอยากจะเป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยัน การจะไปถึงระดับจิตวิญญาณนั้นต้องมีพลังใจที่มากพอ พวกเขาต้องไปให้ถึงยอดของแท่นบูชาแห่งความมืดให้ได้ก่อน
ทําไมระดับของจิตวิญญาณต้องการพลังใจที่กล้าแข็ง? นั่นก็เป็นเพราะคนๆนั้นจะต้องหลอมรวมพลังใจเข้ากับเจตจํานง และนั่นจะทําให้มันรวมกันและก่อให้เกิดจิตวิญญาณขึ้น
พลังใจของเมิงชวนนั้นคือการ “ล่าอสูร” เขาสาบานว่าจะสังหารอสูรทุกตัวบนโลกนี้ แม้เขาจะรู้ว่ามันยากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อ เขามองแต่การมุ่งไปด้านหน้า ที่เขาสนใจก็มีเพียงการต่อสู้ ถึงจะต้องตายในการต่อสู้เขาก็ไม่เสียใจ! เขามีชีเยว่คอยเดินไปเคียงข้าง เธอพร้อมที่จะตายไปพร้อมกับเขา
ความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ทะลักออกไปทั่วถ้ําอาวุธศักดิ์สิทธิ์
เพิ่งชวนไม่เคยหยุดขัดเกลาจิตใจ พลังใจอันแข็งแกร่งของเขาทําให้อาวุธทั้งถ้ําต้องสั่นไหว
ครืนน
อาวุธศักดิ์สิทธิ์เริ่มสั่นสะเทือน จากนั้นพวกมันก็ค่อยๆลอยขึ้นมาทีละอัน กระบี่ลอยขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับมีดาบลอยขึ้นมาด้วยเลยด้วยซ้ํา! บางทีดาบเหล่านั้นคงรู้สึกว่าวิชากระบี่ของเพิ่งชวนสามารถใช้กับดาบได้เหมือนกัน