ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art – ตอนที่ 147

ตอนที่ 147

ตอนที่147 การช่วยเหลือของเมิ่งชวน

เมื่อราชาอสูรสามหัวเดินออกมาจากประตูพิภพ มันก็ปล่อยพลังออกมาในทันทีและขึ้นเป็นราชนอสูรระดับสาม! ราชาอสูรระดับสองห้าตัวตามหลังมันไป

“เมืองฉงชานอยู่ทางนั้นขอรับ” ตัวนิ่มในชุดคลุมสีดําชี้ไปยังทางหนึ่ง

“บุกทะลวงเมืองฉงชานให้เร็วที่สุด!” ดวงตาของจูโม่เปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่งและดุร้ายเสียงของมันดังก้องไปทั่วทั้งภู

โอวววววว

“บุกกก!”

“สังหารมนุษย์ให้หมด!”

เหล่าอสูรพุ่งไปยังเมืองฉงชานอย่างบ้าคลั่ง จูโม่ไม่คิดจะหลบๆซ่อนๆ พลังอสูรของอสูรจํานวนนับหมื่นนั้นเด่นสะดุดตาเกินไป เทพอสูรคงจะรับรู้ได้ถึงการมาถึงของพวกมันในทันที

“ไปสังหารเทพอสูรของเมืองฉิงชานก่อนเป็นอันดับแรก” จูโม่กล่าว

“เอาล่ะ หลังจากเรากําจัดเทพอสูรได้เรียบร้อย พวกเราก็จะล่าสังหารพวกมนุษย์ในเมืองฉิงชานได้ตามใจ” ราชาอสูรระดับสองทั้งห้าเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

ฟุบๆๆๆ!

ราชาอสูรทั้งหกตนนั้นมีร่างที่แตกต่างกันไป แต่พวกมันทุกตัวต่างรวดเร็วและกําลังมุ่ง หน้าไปยังเมืองฉงชาน

เทพอสูรนั้นมีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมต่อกระแสพลัง กระแสพลังของอสูรนับหมื่นมุ่งหน้ามายังเมืองนั้นก็ดูเด่นสะดุดตาราวกับพระอาทิตย์ในยามค่ําคืน

เจ้าวังหยกสุริยันของเมืองฉงชาน หวังฟูเฉิง เช่นเดียวกันกับผู้นําตระกูลเทพอสูรในพื้นที่ หูเซ่ยว ต่างกําลังนอนหลับอย่างสบายใจ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็รีบใส่ชุดและพุ่งออกมาที่หลังคาในทันทีเมื่อรับรู้ได้ถึงอสูรกว่าสามหมื่นตนที่โผล่ออกมาจากประตูพิภพ

“อสูรมาแล้ว” สีหน้าของหวังฟูเฉิงบิดเบี้ยวและรีบส่งกระแสเสียงไปยังทหารยามในทันที“พวกอสูรกําลังโจมตี แจ้งให้ชาวเมืองทราบเร็ว”

“อสูรกําลังจะโจมตี?” ยามสองคนที่ประจําการอยู่ที่ระฆังโบราณต่างหวาดกลัว ” ขอรับท่านเจ้าวัง!”

ทหารยามทั้งสองอยู่ในระดับไร้ตําหนิ และยังเป็นจอมยุทธของวังหยกสุริยัน พวกเขาเข้าใจว่าจะต้องทําอย่างไรหากมีอสูรโจมตีเข้ามา พวกเขารวบรวมพละกําลังและลั่นระฆังโบราณนั้นอย่างต่อเนื่องส่งเสียงดังก้องไปทั่ว! เสียงระฆังนั้นดังก้องไปทั่วเมืองฉงชาน

ฟุบๆ!

หวังฟูเฉิงและหูเซี่ยวเปลี่ยนเป็นลําแสงและมุ่งหน้าไปยังกําแพงเมืองทิศเหนือให้ไวที่สุดเท่าที่จะทําได้

หูเซี่ยวเดินเข้าไปหาหวังฟูเฉิงและส่งกระแสเสียงออกไป “ท่านเจ้าวัง ท่านรู้รึเปล่าว่ามีราชาอสูรกี่ตัว? แล้วจํานวนของพวกอสูรด้วย”

” ข้าไม่รู้ แต่กระแสพลังอสูรที่หนาแน่นเช่นนี้ คงจะมีกองทัพอสูรกําลังโจมตีเป็นแน่”

“ท่านขอความช่วยเหลือไปหรือยัง?” หูเซียวถามผ่านกระแสเสียง

“แน่นอน ข้าขอความช่วยเหลือไปตั้งแต่ตอนที่รู้ตัว” หวังฟูเฉิงเป็นกังวลมาก “แต่ว่าพวกเราอยู่ห่างจากเมืองหลวงถึง 900 ลี้ แม้จะเฟิงโหวเทพอสูรจะรวดเร็ว แต่คงจะใช้เวลาเกือบหนี้งก้านธูปกว่าพวกเขาจะมาถึง ในระยะเวลานั้น เมืองฉงชานคงจะเหลือเพียงซากแล้ว”

“พวกเราจะสามารถสังหารอสูรธรรมดาได้ง่ายๆหากจัดการกับราชาอสูรได้แล้ว” คู่เซี่ยวกล่าว

“ไปกันเถอะ” หวังฟูเฉิงพยักหน้า

เทพอสูรเฟิงโหวนั้นมีจํานวนน้อยเกินไป บางคนประจําการอยู่ที่เมืองด่านขนาดกลางและไม่สามารถจะออกไปไหนได้โดยไม่มีเหตุจําเป็น ดังนั้นจึงมีน้อยนิดที่จะสามารถเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ที่กระจายอยู่ไปทั่วได้

ในแคว้นหนึ่งแคว้นของราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่นั้น มีเฟิงโหวเทพอสูรเพียงหนึ่งคนที่สามารถจะช่วยเสริมกําลังในเวลาไหนก็ได้ นี่เป็นเรื่องปกติ!

มีเมืองนับร้อยในราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ ระยะห่างระหว่างเมืองที่ใกล้ที่สุดกับเมืองหลวงของแคว้นนั้นห่างกันประมาณสองร้อยถึงสามร้อยลี้ หากใครอยู่ที่เมืองแถบชายแดน นั่นก็คงจะอยู่ไกลเกือบสองพันลี้เลยด้วยซ้ํา ยกตัวอย่างเช่นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดของราชวงศ์โจว เมืองบางเมืองอยู่ห่างจากเมืองหลวงแคว้นถึงห้าพันลี้ แน่นอนว่าแคว้นนี้เป็นเขตชายแดน และสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ

อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วเมืองต่างๆจะอยู่ห่างจากเมืองหลวงแคว้นประมาณพันลี้ เทพอสูรเฟิงโหวนั้นมักจะใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งก้านธูปสําหรับระยะทางเช่นนั้น

แต่หวังฟูเฉิงไม่รู้ว่าคนที่รับผิดชอบการช่วยเหลือเมืองฉงชานนั้นคือผู้พันของด่านเปยเหอเพิ่งชวน! ชื่อของคนที่จะมาช่วยเหลือนั้นเป็นความลับ! เทพอสูรเฟิงโหวหลายคนไม่รู้หน้าที่ของตัวเองเท่าไหร่ ที่พวกเขารู้ก็มีเพียงพื้นที่เหล่านี้อยู่ในการดูแลของพวกเขา

ในคืนเดียวกันที่ด่านเปยเหอ

ภายในคฤหาสน์ของพวกเขา เพิ่งชวนและหลิวชีเยว่กําลังนอนหลับอยู่ ทันใดนั้นเองตราหยกสีขาวที่วางอยู่ใต้หมอนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงในทันที เพิ่งชวนหลอมมันเข้ากับพลังปราณของเขาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถรับรู้ความเปลี่ยนแปลงได้ในทันที

โอ๊ะ? เพิ่งชวนที่กําลังหลับอยู่เปิดตาขึ้นมาในทันที เขายืนขึ้นและหยิบตราหยกสีขาวออกมาจากหมอน ตราลาดตระเวนนี้นั้นสําคัญมาก ในตอนนอน เขาจะวางมันใต้หมอนทุกครั้งและถือติดตัวไปตลอดเวลา ไม่ปล่อยให้ห่างตัวเด็ดขาด

เมืองฉงชาน? เมิ่งชวนเหลือบตามองดูแผนที่ของเมืองทั้งสิบแปดเมืองบนตราหยกสีขาว ที่ที่เมีองฉิงชานอยู่นั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง มันคือต้นเหตุของความร้อนที่ถูกปล่อยออกมาจากตราหยก

หลิวชีเยวตื่นขึ้นมาและถาม “ตื่นขึ้นมามีอะไรเหรอ?”

“เมืองฉงชานต้องการความช่วยเหลือ อีกเดี๋ยวข้าจะกลับมา” เพิ่งชวนหันไปมองหลิวชีเยว่และใส่รองเท้าในทันที พกดาบและเสื้อติดตัวไป หน้าต่างห้องเปิดออกเองก่อนที่เพียงพริบตาเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นสายฟ้าและพุ่งออกไปจากหน้าต่าง

หลิวชีเยวลุกตัวขึ้นนั่งและมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอเห็นเส้นสายฟ้าพุ่งผ่านและหายไปในท้องฟ้ายามค่ําคืนอย่างรวดเร็ว

อาชวนกําลังไปช่วยคนอย่างนั้นรึ?” หลิวชีเยว่นั่งอยู่บนเตียง เธอรู้เรื่องหน้าที่อีกอย่างของเมงชวนอยู่แล้ว แต่ว่าก็ผ่านมากว่าครึ่งปีนับตั้งแต่ที่พวกเขามาอยู่ในด่านเปยเหอ นี่เป็นครั้งแรกที่เม่งชวนออกไปช่วยเหลือเมืองอื่น

“ข้าหวังว่าเขาจะไปได้ทันและช่วยคนให้ได้มากๆ ข้าขอให้อาชวนกลับมาอย่างปลอดภัยด้วย” หลิวชีเยวมองดูจันทร์เสี้ยวนอกหน้าต่างและภาวนาเงียบๆ

เพิ่งชวนกําลังมุ่งหน้าไปยังสนามรบ ในตอนนี้เธอได้แต่ภาวนา เธอไปกับเขาไม่ได้

กําลังเสริมนั้นต้องไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะทําได้! หากพาหลิวชีเยว่ไปด้วยก็คงจะลดความเร็วของเพิ่งชวนไปประมาณสี่ส่วน และคงจะใช้เวลานานกว่าปกติกว่าจะไปถึง

ที่กําแพงทางทิศเหนือของเมืองฉงชาน

ราชาอสูทั้งหกมาถึงก่อน พวกมันไวกว่าหวังฟูเฉิงและหูเซียวที่วิ่งมาจากใจกลางเมือง เจ้าวังหยกสุริยันอยู่ห่างจากกําแพงทิศเหนือ 18 ลี้ ในขณะที่พวกอสูรต้องเดินทางเพียง 6 ล้ํา

ตูม!

ราชาอสูรทั้งหกเคลื่อนที่นือกําแพงเมืองและพุ่งเข้าใส่เทพอสูรสองคนโดยไม่ปกปิดพลังแม้แต่น้อย

ราชาอสูรเองก็ปล่อยพลังอสูรออกมาเช่นกัน หมอกสีเทาแผ่กระจายออกไประยะกว่าร้อยจิ้งรอบตัวพวกมัน ทหารบางคนที่ลาดตระเวนอยู่บนกําแพงในระยะร้อยดั้งนั้นก็กลายเป็นกองเลือดในทันที จากนั้นเหล่าราชาอสูรก็เดินทางเข้าเมืองอย่างง่ายๆและทําลายบ้านเมืองและสังหารคนที่อยู่ในวิสัยของพวกมันในทันที

เมื่อทหารคนอื่นๆเห็นภาพนี้จากไกลๆ พวกเขาทําได้แค่เพียงเก็บความเศร้าโศกเอาไว้พวกเขารู้ดีว่าราชาอสูรกับมนุษย์ธรรมดานั้นแตกต่างกันเกินไป! ราชาอสูรเหล่านี้สังหารมนุษย์ราวกับเป็นเพียงมดปลวก และนี่ยังไม่เริ่มการล่าสังหารที่แท้จริงเลยด้วยซ้ํา

“พวกเรายังมีเทพอสูรอยู่” เหล่าทหารยังคงเฝ้ามองดูจากที่ไกล พวกเขารู้สึกได้ถึงพื้นดินที่สั่นสะเทือน

“กองทัพอสูร!” เหล่าทหารพบกองทัพอสูรที่กําลังบุกเข้ามา

เปลวเพลิงบนกําแพงเมืองถูกจุดขึ้น ส่องพื้นที่โดยรอบให้สว่างไสว พวกเขามองเห็นกองทัพอสูรจํานวนมากพุ่งเข้ามาใส่กําแพงเมืองจากความมืด เหล่าอสูรที่อยู่แนวหน้านั้นไวมากๆ ไวจนร่างของพวกมันดูพร่ามัวขณะที่พุ่งเข้ามา

“พวกมันมาแล้ว พวกอสูรมาแล้ว” เหล่าทหารรู้ดีว่าแม้จะต้องเสี่ยงชีวิตก็จะปกป้อง เมืองของพวกเขาเอาไว้ให้ได้

สายฟ้าพุ่งทะยานผ่านท้องฟ้ามา ข้ามยอดเขาสามยอดภายในพริบตา เมิ่งชวนใช้ยอดเขาแต่ละแห่งเพื่อเป็นที่วางเท้าและพุ่งเข้าหาเมืองฉงชาน

ฟุบๆๆๆๆ!

สายฟ้าปะทุออกมาจากร่างกายของเมิ่งชวนในขณะที่พุ่งไปยังเมืองฉงชาน

เทพอสูรระดับมหาสุริยันธรรมดาที่มีร่างอสูรตัดสายฟ้าที่สมบูรณ์สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เทียบเท่าได้กับเฟิงโหวเทพอสูร เพียงก้าวกระโดดหนึ่งครั้งก็สามารถพุ่งไปได้ถึงสองลี้! แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากที่เพิ่งชวนขึ้นเป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยัน สายฟ้าในร่างของเขานั้นก็แข็งแกร่งขึ้น ร่างเทพอสูรของเขาถูกสร้างขึ้นมาโดยอัสนีสวรรค์ถึงเก้าสาย ซึ่งมากกว่าจํานวนปกติ อีกทั้งยัง ได้รับกายาเพชระมาอีก ซึ่งนั่นทําให้เส้นลมปราณของเขาสามารถทนต่อแรงระเบิดของพลังปราณ ได้มากกว่าเดิม และนั่นจึงทําให้เขาสามารถเดินทางได้ถึงสามล้ําในการกระโดดเพียงหนึ่งครั้ง

ความเร็วเช่นนี้ถือได้ว่าเร็วมากในหมู่เทพอสูรเฟิงโหว

“เร็วเข้าๆ เร็วกว่านี้ เพิ่งชวนรีบรุดมุ่งหน้าไปยังเมืองฉงชาน เขาก้าวกระโดดกว่าสิบก้าวถึงจะข้ามผ่านเขตภูเขามาได้

เพิ่งชวนข้ามแม่น้ํามู่มะที่กว้างห้าลื้อย่างรวดเร็ว แม่น้ํามู่มะที่โหมกระหนํานี้นั้นเป็นแม่น้ําที่กว้างที่สุดในแคว้นหยวน

ฟุบ!

เขาใช้กระบวนท่านกนางแอ่นหนึ่งครั้งกลางอากาศ พุ่งผ่านแม่น้ํามู่มะไปในพริบตา หลังจากวูบหายไปอีกสองครั้ง เขาก็หายลับไปกับขอบฟ้า

ในตอนนี้เพิ่งชวนเร็วราวกับสายฟ้าฟาด และกําลังพุ่งเข้าใส่เมืองฉงชานด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ!

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

Status: Ongoing

โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ

เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท