ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art – ตอนที่ 140

ตอนที่ 140

ตอนที่140 การต่อสู้ครั้งแรกหลังจากมาถึง

ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 7:45 น.

มีทหารกว่าสองร้อยนายคอยประจําการอยู่ในกําแพงเมืองด่านชั้นในหนึ่งชั่วยามก่อนจะเปลี่ยนกะ นั่นจะทําให้เหล่าทหารมีความตื่นตัวเต็มที่ตลอดเวลาในขณะประจําการ มีทหารธรรมดากว่า 20000 นายในด่านเปยเหอ ดังนั้นหน้าที่ประจําการจึงเป็นเรื่องง่าย แน่นอนว่าเมื่ออสูรบุกครั้งใหญ่เข้ามา ทหารจํานวนมากก็จะต้องเข้าร่วมการต่อสู้นองเลือดอันโหดร้ายนั้น โอกาสตายของมนุษย์นั้นสูงมากๆ หลายคนที่รอดก็พิการ นั่นคือหลักฐานของความโหดร้ายของสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร

เหล่าทหารจ้องมองไปที่ประตูพิภพด้วยความไม่ประมาท ข้างๆพวกเขามีเจ้าหน้าที่คอยสังเกตการณ์อยู่ด้วย! ถ้าหย่อนยานล่ะก็จะโดนลงโทษขนานหนักแน่

“หือ?”

จู่ๆก็มีร่างอันน่าสะพรึงสามสิบห้าร่างปรากฏขึ้นมาจากประตูพิภพ ประตูพิภพนี้สามารถรองรับราชาอสูรระดับสามให้ข้ามมาได้พร้อมกัน 35 ตัว!

“ราชาอสูรบุกแล้ว!” เหล่าทหารตอบสนองต่อสถานการณ์ตรงหน้าและตะโกนอย่างรวดเร็ว

ตึงๆๆๆๆ! ทหารคนหนึ่งตีกลองเต็มแรง เสียงกลองนั้นดังไปทั่วทั้งด่านเปยเหออย่างรวดเร็ว

ภายในที่พักของเมิ่งชวน เขากําลังฝึกวิชาดวงใจกระบี่อยู่ หลิวชีเยว่ไปที่ลานฝึกยิง สําหรับนักเกาทัณฑ์ระดับมหาสุรยันแล้วนั้นในที่พักไม่มีที่กว้างพอสําหรับฝึก

ตึงๆๆๆๆ!

เสียงกลองดึงความสนใจของเมิ่งชวนไป เสียงกลองดังเป็นสัญญาณของการต่อสู้ เขารอมาเนิ่นนานแล้ว เขาเฝ้ารอที่จะได้ต่อสู้ตั้งแต่อยู่บนเขาหยวนชูแล้ว

ในที่สุดมันก็มา!” ดวงตาของเมิ่งชวนเป็นประกายและเปลี่ยนเป็นสายฟ้า เพียงแวบเดียวเขาก็ไปถึงกําแพงชั้นนอกใกล้ๆคฤหาสน์ เขาพุ่งเข้าไปในเมืองด่านชั้นในในทันที

“พวกมันมากันอีกแล้วรี” จางหวินอู่ที่กําลังฝึกวิชาทวนก็หยุดมือลง เพียงแค่สะบัดมือ เขาก็พุ่งไปพร้อมกับทวนสั้นจํานวนหนึ่ง

“พี่เขย!” หยางจิงอู่เองก็แบกทวนสั้นจํานวนมากไปยังกําแพงเมืองในทันที

ซื้อซิ่วที่กําลังนอนอยู่ที่หอนางโลมก็เบิกตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงกลอง เขารีบวิ่งออกจากที่นั่นไป เสื้อและรองเท้าบนเตียงหายไป หญิงสาวชุดนอนสีแดงที่อยู่บนเตียงยังดูงุนงงอยู่ แม้ว่าเธอจะยังงๆ แต่เมื่อได้ยินเสียงกลองดังลั่นก็ตื่นขึ้นเต็มตา อันที่จริงแล้วเธอเป็นนางโลมชื่อดังของหอนางโลมเลย

เหล่าอสูรบุกด่านเปยเหอ? เธอลุกจากเตียงก่อนจะเดินไปใส่ชุดของเธอและไปที่ระเบียงแล้วมองไปทางกําแพงชั้นใน

เหล่าทหารเคลื่อนพลกันอย่างรวดเร็ว เหล่าเทพอสูรเองก็รีบมุ่งหน้าไปที่นั่น

“เราจะชนะ เราจะต้องชนะ” หญิงสามคนนั้นกุมมือภาวนาอย่างเงียบๆ

มันเริ่มแล้ว คนจํานวนมากบนถนนมองไปที่กําแพงชั้นใน ภายในกําแพงชั้นในนั้นจะกลายเป็นสนามรบนองเลือด เทพอสูรและทหารคือกําแพงอันแข็งแกร่งเพื่อป้องกันเหล่าอสูร

เราจะต้องชนะ ผู้คนต่างภาวนา แม้ว่าพวกเขาจะพบเจอการบุกรุกของอสูรสอง งสามครั้งต่อปี แต่เหล่าประชาชนของท่านเปยเทวนต่างรู้สึกเป็นกังวลทุกครั้ง พวกเขารู้ว่าหากด่านเปยเหอพังลงจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นเป็นแน่

สายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งลงบนกําแพงเมือง นั่นคือเมิ่งชวน

เมิ่งชวนเป็นคนแรกที่ไปถึงกําแพงเมืองชั้นใน เขาใส่ชุดสีน้ําเงินเข้ม เขาห้อยกระบอสูรสังหารไว้ตรงเอวและจ้องมองไปที่ประตูพิภพ ราชาอสูรสามสิบห้าตัวพยายามจะเดินออกมาจากประตูพิภพนั่น

ฟุบๆๆๆ!

เทพอสูรคนอื่นๆค่อยๆมาถึงที่ละคน

จางหวินอู่ หลิวซีเยว่ มู่ฉิง หยูจีหยาน จางหวินอู่ ฉีผิว และฟานเฉิงมายืนข้างๆเมิ่งชวน

“ประตูพิภพนั้นยาวกว่าสิบปิ้ง ในขณะที่มันกําลังเข้ามามันจะถูกช่องว่างคอยขัดขวาง” จางห วินอู่ “ประตูพิภพอันนี้ใหญ่มาก มันทําให้ราชาอสูรระดับสามสามารถผ่านเข้ามาได้ในไม่กี่วินาที แต่ว่าหากราชาอสูรระดับสาม 35 ตัว พยายามจะผ่านเข้ามาพร้อมๆกัน มันจะต้องใช้เวลามากก ว่าเดิมในการผ่านเข้ามามาก มันจะต้องใช้เวลาเกือบนาทีกว่าจะผ่านเข้ามาได้”

เมิ่งชวนและหลิวชีเยวพยักหน้า พวกเขาเป็นเพียงมือใหม่แต่ก็รู้เรื่องนี้ ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งผ่านประตูพิภพเข้ามาได้ยากมากเท่านั้น

“หากมันบุกเข้ามาแค่ตัวสองตัวพวกเราสามารถสังหารมันได้อย่างง่ายดาย แต่หากมีราชาอสูรระดับสาม 35 ตัวบุกเข้ามาพร้อมๆกันมันก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว”

“ไปกันเถอะ”

“ไปสังหารราชาอสูรพวกนั้นกัน”

พวกเขากระโดดลงจากกําแพงในทันที เมิ่งชวนมองไปที่หลิวชีเยวและพยักหน้าก่อนจะกระโดดลงไปพร้อมกับจางหวินอู่ฉีฉิว และคนอื่นๆ

มีเพียงหลิวชีเยว่กับฟานเฉิงเท่านั้นที่ยังอยู่บนกําแพง เทพอสูรเกาทัณฑ์สองคนรีบวิ่งเข้าไปหาพวกเขา

“ศิษย์พี่หลิว ศิษย์พี่ฟาน” เทพอสูรสองคนนั้นถ่อมตน พวกเขาเป็นศิษย์ของเขาหยวนชูและเป็นเทพอสูรระดับแดนอมตะ! แต่ว่าลูกศรของพวกเขานั้นสามารถทําอันตรายต่อราชาอสูรระดับสามได้

“ข้าจะปกป้องพวกเจ้าอย่างดีเลย” ฟานเฉิงถือโล่ขนาดใหญ่ด้วยมือข้างหนึ่งและค้อนในอีกข้าง

โล่ขนาดใหญ่กระแทกลงบนพื้นของกําแพงพร้อมกับพลังปราณของฟานเฉิงที่ถูกปล่อยออกไปทั่วทิศทาง เขาสร้างเขตแดนสี่ธาตุ ดิน น้ํา ลม ไฟ ขนาดกว้างกว่าร้อยจิ้งรอบตัวเขา

ฟานเฉิงเรียนรู้ร่างเทพอสูรระดับสูงมา ร่างเทพจตรลักษณ์ เขาเกิดมาพร้อมกับพละกําลังที่กล้าแข็งและรากฐานเทพอสูรที่แข็งแกร่ง และเขาเองก็ยังเก่งกาจในวิชาโล่และค้อน เขาสามารถสู้กับราชาอสูรระดับสามได้ถึงสิบตัวพร้อมๆกัน และด้วยเขตแดนจตุรลักษณ์ของเขานั้น มันทําให้เขาเก่งกาจในการปกป้องผู้อื่น เขารับหน้าที่ปกป้องเทพอสูรนักเกาทัณฑ์ และแน่นอนว่าหลิวชีเยว่เองก็ทรงพลังมากเช่นกัน

“อาชวน ระวังตัวด้วยนะ หลิวชีเยว่กระชับเกาทัณฑ์ในมือและมองลงไปจากกําแพงเมือง เฝ้า รอโอกาสเปิดฉากยิง

เทพอสูรมหาสุริยันทั้งหกลงมาจากกําแพงที่สูงกว่า 80 จัง พื้นนั้นเต็มไปด้วยน้ํา มองแวบแรกมันอาจจะดูเหมือนทะเลสาบ แต่ว่าน้ําในนี้นั้นสูงเพียงสิบห้าฉือเท่านั้น

“ดีเลย” เมิ่งชวนยืนอยู่บนผิวน้ําและพยักหน้าเบาๆ น้ําขนาดนี้เพียงพอแล้ว

“ทําตามแผนไว้” จางหวินอู่กล่าว

“รับทราบ” อีกห้าคนตอบรับในทันที ในการต่อสู้ พวกเขาต้องทําตามคําสั่งและต้องไม่บุ่มบ่าม

เมิ่งชวน มู่ฉิง และฉีฉิวจะนําการโจมตี หยางจึงอู่ หยูจีหยาน และจางหวินอู่จะคอยป้องกัน

ฟ้วๆๆๆๆ

ด้ายสีฟ้านับไม่ถ้วนทะลวงผ่านอากาศและรวมพลังฟ้าดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ด้ายสีฟ้าเหล่านั้นเพิ่มจํานวนมากขึ้นและเปลี่ยนกลายเป็นเขตแดนที่กว้างกว่าหนึ่งลื้อย่างรวดเร็ว จางหวินอู่ทุ่มเทชีวิตและการฝึกฝนไปกับเขตแดนนี้ เธอเชี่ยวชาญในการใช้เขตแดนนี้มาก เทพอสูรคนอื่นๆในด่านเปยเหอต่างด้อยกว่าเธอในด้านของเขตแดน

เขตแดนของจางหวินอู่ หลิวชีเยวและฟานเฉิงนั้นมาพร้อมกับร่างเทพอสูรของพวกเขา แต่ว่าเขตแดนของพวกเขานั้นค่อนข้างจะเล็ก และหน้าที่ของพวกมันนั้นต่างออกไป เขตแดนเพลิงของหลิวชีเยวนั้นมีไว้เพื่อสังหารศัตรู มันช่วยเหลือเพื่อนได้ไม่ดีมากเท่าไหร่นัก เขตแดนพลังวินาศของเมิ่งชวนเองก็เหมือนกัน ส่วนเขตแดนจตุรลักษณ์ของฟานเฉิงนั้นเหมาะแก่การป้องกันมากกว่า!

อีกอย่าง หลิวชีเยว่เก่งกาจในด้านของเกาทัณฑ์ เมิ่งชวนเก่งในวิชากระบี่ และจางหวินอู่ก็เก่งในด้านทวนสั้น หยางจึงอู่นั้นเน้นในด้านเขตแดนเพียงอย่างเดียว เขตแดนของเธอนั้นมีประโยชน์มาก เธอสามารถหยุดยั้ง ขัดจังหวะ โจมตี และป้องกันศัตรูให้ออกไปได้ เธอเป็นคนที่สําคัญต่อเทพอสูรคนอื่นๆมากๆ

“ระวังตัวให้ดี พวกมันกําลังมาแล้ว” จางหวินอู่พูดเสียงต่ํา

เมิ่งชวนหรี่ตามองประตูพิภพ

ไม่ว่าจะเป็นเทพอสูรที่อยู่ด้านล่างหรือเทพอสูรที่อยู่ด้านบนกําแพงกับทหารต่างทําสีหน้าเคร่งเครียด

“ราชาอสูรสามสิบห้าตัว มีเจ็ดตัวที่ไม่รู้ว่ามันทําอะไรได้” จางหวินอู่กล่าว “ทุกคนระวังตัวให้

เมิ่งชวนอ่านเอกสารมาหมดแล้ว มนุษย์ต่างรู้ความสามารถของราชาอสูรที่เคยต่อสู้ด้วยมาก่อน การจะวางแผนต่อสู้กับศัตรูที่ไม่เคยเจอมาก่อนนั้นเป็นเรื่องยาก

“มันกําลังมา”

เมิ่งชวนรู้สึกได้ว่าเลือดกําลังเดือดพล่าน แต่สติของเขายังคงชัดเจนแจ่มแจ้ง

ในตอนที่ราชาอสูรทั้ง 35 ตัวเดินออกมาจากประตูพิภพนั่นเอง

โจมตี เพียงหยางจึงอู่คิด ก็มีด้ายสีฟ้าคมกริบจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งแทงเข้าใส่ราชาอสูรอย่างคล่องแคล่ว

ลูกศรเพลิงสามลูกพุ่งมาจากกําแพงเมืองและไปถึงประตูพิภพในทันที ราชาอสูรระดับสามพากันใช้วิชาของพวกมัน ราชาอสุรสองตัวมีเถาวัลย์จํานวนมากเติบโตออกมาจากร่างของมัน อสูรสมิงส่งเสียงคําราม ปล่อยให้ลมอสูรสีดํากระแทกออกมา! ราชาอสูรบางตัวสะบัดมือปล่อยหมอกพิษออกมา ราชาอสูรบางตัวก็สร้างหนามสีดําและหนวดรยางค์ฝังลงไปบนพื้น

ราชาอสูรระดับสามสิบกว่าตนจู่โจมเข้ามาพร้อมๆกัน พวกที่เก่งในด้านการโจมตีระยะประชิดอย่างเดียวได้แต่ยั้งมือ

ลูกศรสามลูกของหลิวชีเยวนั้นทําให้ราชาอสูรที่พึ่งออกมาจากประตูพิภพต้องบาดเจ็บสาหัสในทันที พวกมันร่วมมือกันไม่ได้สมบูรณ์แบบ

ราชาอสูรแรดเอามือขนาดยักษ์ของมันออกมารับลูกศรหนึ่งลูกอย่างไม่ใส่ใจ! ลูกศรแทงทะลุมือของมันไปและเปลวเพลิงก็ลุกขึ้นเผาไหม้กลืนกินมันเข้าไป มันไม่สามารถดับไฟนั้นได้ มือของมันกําลังจะหายไปแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้น เปลวเพลิงนั่นก็เริ่มลามไปทั่วร่างของมันอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่กําลังตื่นตระหนก จางหวินอู่ก็ซัดทวนสั้นเข้าไปเต็มแรง มันเปลี่ยนเป็นลําแสงสีทอง และเร็วมากจนอากาศบิดเบี้ยว หลังจากที่ราชาอสูรแรดถูกลูกศรทะลวงไปแล้วมันก็ต้องเจอกับทวนที่โผล่ขึ้นมาตรงหน้ามันอีก มันพยายามยกมือซ้ายขึ้นมากัน แต่มันก็รับเอาไว้ไม่ได้และทวนเล่มนั้นก็แทงทะลุหวของมันไป

ราชาอสูรแรดระดับสามที่เนื้อหนังนั้นแข็งแกร่งก็ตายคาที่ตรงนั้น

จางหวินอู่นั้นแข็งแกร่งเทียบได้กับเฟิงโหวเทพอสูร เขาสามารถสังหารราชาอสูรระดับสามได้อย่างง่ายดายตราบใดที่มีโอกาส

” ระวัง”

“นั่นคือนักเกาทัณฑ์หลิวชีเยว่ อย่าปล่อยให้เพลิงของมันสัมผัสตัวเจ้าได้” เหล่าราชาอสูรเองก็มีข้อมูล แม้พวกมันจะไม่รู้ว่าเมิ่งชวนและหลิวชีเยว่มาที่ด่านเปยเหอ แต่พวกมันก็รู้ข้อมูลเบื้องต้นของเมิ่งชวนและหลิวซีเยว่

ซุบบบ!

เถาวัลย์จํานวนมากกระจายออกไปและล้อมพื้นที่โดยรอบในขณะที่ลมสีดํากําลังโหมกระหน่ํา

ผ้าใยที่แข็งแกร่งวนรอบราชาอสูรกว่าสามสิบตัว มันเริ่มสร้างเขตแดนขึ้นมา การลอบโจมตีของหลิวชีเยวนั้นได้ผลมาก เพราะศัตรูไม่รู้ว่ามีเธออยู่และทําให้พวกมันขาดเขตแดนสําหรับป้องกัน

ลูกศรสามดอกพร้อมกับทวนหนึ่งเล่มทําให้ราชาอสูรต้องตาย

“ดีมาก” จางหวินอู่และมู่ฉิงดูโล่งใจ การที่สามารถสังหารราชาอสูรระดับสามได้ตั้งแต่ที่พวกมันบุกเข้ามานั้นเป็นเรื่องยาก เพราะไม่ว่ายังไงราชาอสูรพวกนั้นก็ร่วมมือกันในการต่อสู้อยู่ดี การจะสังหารไปซักตัวนั้นไม่ง่ายเลย

“ฆ่ามัน!” จางหวินอู่สั่ง

“น้องเมิ่งไม่ต้องห่วง พวกเราจะช่วยเจ้าเอง” มู่ฉิงและฉีฉิวส่งกระแสเสียงไปหาเมิ่งชวนเพื่อที่เขาจะได้ผ่อนคลายลง ทั้งคู่นั้นรับหน้าที่ในการปกป้องคนที่เหลือไปพร้อมกับเมิ่งชวน

แต่ละคนต่างมีทําหน้าที่ในแต่ละด้าน มู่ฉิงและฉีฉิวต่างเตรียมการช่วยเสริมเมิ่งชวนเอาไว้แล้ว เขาจะไม่เป็นไรหากเริ่มชินกับมันแล้ว

“รับทราบ” เมิ่งชวนระมัดระวังตัวมาก เขาตรวจดูรอบข้างด้วยขอบเขตสัมผัสของเขาและพุ่งไปพร้อมกับมู่ฉิงและฉีฉิว

เหล่าเทพอสูรและราชาอสูรในตอนนี้อยู่ไม่ไกลจากกันมาก เพียงพริบตาทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกัน เมิ่งชวนได้ยินเสียงหายใจดังลั่นของราชาอสูรได้เลยด้วยซ้ํา

“มาแล้วล่ะ!” เลือดในตัวของเขาเดือนพล่านพร้อมกับจิตใจที่มุ่งมั่น เขากระชับกระบอสูรสังหารในมือและมองดูราชาอสูรที่พุ่งเข้ามา

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

Status: Ongoing

โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ

เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท