ตอนที่144 ความสูญเสีย
ข้างในกําแพงชั้นใน เขตแดนผ้าไหมของหยางจิงอู่ขยายออกไป ราวกับว่าพวกมันกําลังเต้นรําอยู่ในอากาศและทะลวงผ่านร่างของอสูรธรรมดาไปอย่างเงียบงัน เมิ่งชวนเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและพุ่งไปทั่วแถบนั้น ในขณะที่พุ่งไปเขาก็ปล่อยกระแสพลังวินาศสีดําออกไปด้วย แม้ว่ามันจะกระจายออกกว้างและอ่อนกําลังลง แต่มันก็ยังสามารถแช่แข็งอสูรธรรมดาให้กลายเป็นก้อนน้ําแข็งได้
ฟุบ
จากนั้นเมิ่งชวนก็เดินไปด้านหน้าและเปลี่ยนเป็นเส้นสายฟ้าทะยานไปในอากาศขึ้นไปบนกําแพงชั้นใน
“อาชวน” เปลวเพลิงรอบตัวหลิวชีเยว่ก็หายไปขณะที่เธอต้อนรับเขา
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” เมิ่งชวนเห็นว่ามีราชาอสูรระดับสองหลายตัวมุ่งหน้าไปทางชีเยว่
“พวกมันเป็นแค่ราชาอสูรระดับสอง อีกอย่าง ศิษย์พี่ฟานก็อยู่นี่ด้วย” หลิวชีเยว่กล่าวยิ้มๆ “เพราะมีศิษย์พี่ฟานอยู่ตรงนั้น พวกมันเลยเข้าใกล้ข้าไม่ได้ซักนิด”
“ฮ่าๆ เจ้าก็ชมข้าเกินไป” ฟานเฉิงเก็บโล่ขนาดใหญ่ไปไว้บนหลังของเขา เขาถือค้อนไว้ในมือ และยิ้ม “ราชาอสูรระดับสามแค่นิดหน่อยไม่คณามือข้าหรอก ราชาอสูรระดับสองจะมากเท่าไหร่ก็เหมือนกัน ก็เหมือนกับข้ากําลังรังแกพวกมันก็เท่านั้น น้องเมิ่ง เจ้าน่ะสุดยอดไปเลยจริงๆ เจ้าสังหารราชาอสูรระดับสามได้ถึงห้าตัวในพริบตาทั้งๆที่สู้กับพวกมันพร้อมๆกัน”
ฟุบๆๆๆๆ!
จางหวินอู่ หยางจึงอู่ หยูจีหยาน ฉีฉิวและมู่ฉิงร่อนลงมาที่กําแพงเมืองอย่างนุ่มนวลด้วยเขตแดนผ้าไหมสีฟ้า
“น้องเมิ่ง คงจะมีเจ้าแค่คนเดียวที่สามารถกระโดดขึ้นมาบนกําแพงของด่านเปยเหอได้ในการกระโดดเพียงครั้งเดียว” จางหวินอู่กล่าวยิ้มๆ
“น้องเมิ่งกระโดดขึ้นมาแค่วูบเดียวก็ถึงเลย! ถ้าพวกราชาอสูรกระโดดขึ้นมาวูบเดียวถึงได้แบบเจ้าพวกเราคงจะเจอปัญหาหนักแน่ๆเลยล่ะ” ฉีฉิวพูดแบบยิ้มๆ
“มีเพียงเทพอสูรที่ฝึกร่างอสูรตัดสายฟ้าเท่านั้นถึงจะเก่งแบบนี้ได้ เป็นเรื่องที่หาได้ยากมากในหมู่พวกอสูร” จางหวินอู่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ครั้งนี้พวกเจ้าทุกคนทําได้ดีมาก เอาล่ะ กลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว”
“เอาล่ะ ได้เวลากลับไปอาบน้ําแล้ว” ฟานเฉิงยิ้มและแบกค้อนกลับไป
“ข้าจะไปหาอะไรดื่มจะได้หลับสบาย” ฉีฉิวยิ้มและเดินจากไป คนอื่นๆเองก็ไปเช่นกัน
แค่นี้เทพอสูรธรรมดาก็จัดการที่เหลือได้แล้ว พวกเขาไม่จําเป็นต้องช่วยอะไร
เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่ไม่รีบกลับเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกในสนามรบของพวกเขา เขาพึ่งจะทําใจให้เย็นลงได้
“เคารพนายพล”
“เคารพนายพล”
เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่เดินผ่านทางเดินที่เชื่อมกันระหว่างเมืองด่านในและนอก ทหารทุกคนต่างก้มหัวให้พวกเขาด้วยความเคารพ
ทหารธรรมดาเหล่านี้เรียกนายพลทั้งเก้าว่านายพล
“นี่สินะสนามรบ” หลิวชีเยวมองไปที่พื้นที่ระหว่างเมืองด่านชั้นในและนอก มันกลายเป็นทะเลเพลิงมาซักพักแล้ว เหล่าเทพอสูรกําลังไล่สังหารอสูรที่เหลืออยู่
“ถ้าเราหยุดมันไม่ได้ มันจะกลายเป็นพวกอสูรที่สังหารพวกเราแทน” เมิ่งชวนกล่าว
“ใช่แล้ว เมืองตงหนิงเองก็เหมือนกัน ตอนนั้นพวกอสูรมันก็สังหารมนุษย์เองอย่างไม่ปรานีเหมือนกัน” หลิวชีเยว่กล่าว การบุกรุกของอสูรนั้นทําให้เธอเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล
ทั้งคู่เดินไปดูไป
พอไปถึงกําแพงชั้นใน สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทหารคนหนึ่งกอดขาตัวเองและร้องออกมาด้วยความเจ็บ ขาของเขาหายไปหนึ่งข้าง อีกคนหนึ่งกุมท้องเอาไว้ มีรูที่โชกเลือดอยู่บนท้องของเขา มีทหารบาดเจ็บมากมาย บางคนกําลังรักษาบาดแผลตัวเอง ในขณะที่หลายคนยังต้องรอแพทย์สนาม!
มีทหารอีกหลายคนที่นิ่งไม่ไหวติง พวกเขาตายกันหมดแล้ว ทหารคนอื่นๆกําลังเคลื่อนย้ายศพ
“ท่านนายพล” หัวหน้ากองนายหนึ่งในระดับควบแน่นแก่นแท้กล่าว
“เราสูญเสียไปเท่าไหร่?” เมิ่งชวนถามแบบค่อนข้างจะใจเย็น
“พวกเรายังนับไม่เสร็จขอรับ” นายทหารคนนั้นกล่าวด้วยความเคารพ “จากที่เราคาดการณ์แล้ว มีทหารที่เสียชีวิตประมาณ 800 ราย อีกกว่า 2000 คนบาดเจ็บ มีทหารจํานวนหนึ่งที่บาด เจ็บไม่รอดชีวิตขอรับ บางคนพิการ มีเพียงเล็กน้อยที่สามารถรักษาได้หายขาดได้ขอรับ”
“มากขนาดนั้นเลยรึ?” หลิวชีเยว่กล่าว “น่าจะมีอสูรน้อยกว่าพันตัวนะที่รอดออกไปถึงเมือง ชั้นนอก”
เธอมองไปรอบๆและนึกถึงความสูญเสีย
นายทหารคนนั้นกล่าวด้วยความเคารพ “ขอรับ มีน้อยกว่าพันตัวที่รอดออกไปถึงเมืองชั้นนอกได้ แต่ว่าพวกมันส่วนมากแข็งแกร่งเทียบเท่ากับอสูรระดับสูง กว่าเจ็ดส่วนของทหารเราอยู่ในระดับชําระแก่นแท้ อีกสองส่วนอยู่ในระดับก่อกําเนิด มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไปถึงระดับไร้ตําหนิ แต่ไม่ว่าพวกเราจะเตรียมตัวดีแค่ไหน พวกเราก็ยังเจอกับความสูญเสียในการต่อสู้ที่วุ่นวายเช่นนี้”
พอจางหวินอู่เดินมาพอดี เขาก็โบกมือให้นายทหารคนนั้นและบอก “ไปทําหน้าที่ของเจ้าเถอะ”
“รับทราบขอรับท่านนายพล” เขากลับไปด้วยความเคารพ
จางหวินอู่มองดูทหารที่กําลังเคลื่อนย้ายศพ เขาถามอย่างใจเย็น “รู้สึกรับไม่ได้รึ?”
“มีประมาณ 2000 คนที่ตายหรือพิการจากการต่อสู้ครั้งนี้” เมิ่งชวนถามออกไป “คราวนี้พวกเราควรจะชนะขาดสิขอรับ ทําไมพวกเรายังสูญเสียมากขนาดนี้อีก?”
จางหวินอู่พยักหน้า “เราจะไปทําอะไรได้ในเมื่อพวกมันไม่สนใจชีวิตของเรา? พวกเราพยายามกันราชาอสูรเอาไว้อย่างเต็มที่แล้ว มีพวกอสูรธรรมดาแค่ไม่กี่ตัวที่รอดไปเมืองด่านชั้นนอกได้ มีน้อยกว่าพันตัวที่ไปถึงกําแพงชั้นนอกได้ การที่มีอสูรหนีออกไปได้น้อยกว่าพันตัวจากกว่าแสนตัว การที่เราสูญเสียน้อยขนาดนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นชัยชนะครั้งใหญ่แล้ว”
“สูญเสียน้อยแล้ว?” เมิ่งชวนและหลิวซีเยว่งุนงง
“นี่เรียกได้ว่าสูญเสียน้อยมากแล้ว ปีที่แล้วด่านเปยเหอโดนพวกอสูรโจมตีเข้าสองครั้ง มีจํานวนคนที่ตายและบาดเจ็บจนไม่สามารถต่อสู้ได้ทั้งหมด 11000 คน” จางหวินอู่กล่าว และเมื่อท้ายปีที่แล้ว ด่านเปยเหอของเราก็มีทหารใหม่ 11000 นาย”
เมิ่งชวนตกใจ
ปีที่แล้วพวกเขาต้องเจอกับการโจมตีถึงสองรอบ แต่ละครั้งมีการสูญเสียประมาณ 5000 คน แน่นอนว่าส่วนมากพิการและไม่สามารถสู้ต่อไปได้ แต่ว่านั่นก็น่าตกใจอยู่ดี
“มนุษย์ธรรมดาจะรับราชการทหารเป็นเวลาห้าปี” จางหวินอู่กล่าว “อันที่จริงแล้วเกินครึ่งก็ต้องตายไป ที่เหลือก็พิการ มีเพียงสองส่วนเท่านั้นที่ยังอยู่อย่างสงบสุข! ไม่พวกเขาแข็งแกร่งจนไปถึงระดับไร้ตําหนิก็มีประสบกาณ์โชกโชน ทหารผ่านศึกส่วนมากเลือกที่จะรับราชการทหารต่อไป บางคนถึงขั้นใช้ชีวิตกว่ายี่สิบปีที่นี่เลยด้วยซ้ํา นอกจากบางคนที่อยากแสดงฝีมือของตน ส่วนมากก็แค่อยากจะลดความสูญเสียของทหารใหม่ลงบ้าง”
เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่นิ่งไป
“ในฐานะเทพอสูรแล้ว ที่เราต้องทําก็คือกันพวกราชาอสูรเอาไว้ รวมไปถึงราชาอสูรระดับสามพวกนั้นด้วย” จางหวินอู่กล่าว “หากพวกเรายื้อมันไว้ได้ก็จะมีทหารของเราเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ต้องสูญเสีย และหากพวกเรารั้งมันเอาไว้ไม่ได้ ก็จะไม่ได้มีแค่ด่านเปยเหอเท่านั้นที่จะกลายเป็นซาก แต่ผู้คนนับหมื่นนับแสนจะก็ตายเช่นกัน พวกอสูรมันจะกระจายไปทุกทิศทาง ผู้คนนับล้านจะต้องตาย”
“พวกเราต้องกันมันไว้ให้ได้ทุกครั้ง แต่ว่าอสูรพวกนี้มันก็ไม่ได้โง่ มันขัดเกลารูปแบบทัพของมันจากการต่อสู้อย่างเจ้าน่ะ เมิ่งชวน มันคาดไม่ถึงถึงความแข็งแกร่งของเจ้า นั่นทําให้พวกเราชนะอย่างราบคาบ แต่หลังจากที่มันกลับไปแล้ว เมื่อมันกลับมาอีกครั้ง ข้าเกรงว่ามันคงจะคิดหาวิธีที่จะจัดการกับเจ้าไว้ได้แล้ว” จางหวินอู่กล่าว “การต่อสู้นี้คือการประชันระหว่างความกล้าหาญ และสติปัญญา! แม้เราจะระมัดระวังมากเท่าไหร่ แต่หากทําพลาดเพียงนิดเดียว ก็อาจจะเสียชีวิตได้”
“อย่างที่แม้ฟานเฉิงจะอยู่คอยกันราชาอสูรระดับสองที่โจมตีกําแพงนั้น เขาก็ไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจไปช่วยเทพอสูรธรรมดาที่พยายามหยุดราชาอสูรอย่างเต็มที่ได้ในครั้งนี้สามคน
บาดเจ็บสาหัส นี่ยังไม่นับรวมอีกคนที่บาดเจ็บเล็กน้อย” จางหวินอู่กล่าว “โชคดีที่เทพอสูรอย่างเรามีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง พวกเขารักษาตัวได้ แต่หากการโจมตีของพวกอสูรมันรุนแรงกว่านี้ เทพอสูรเหล่านั้นอาจจะตายเลยก็ได้”
เมิ่งชวนและหลิวชีเยวพยักหน้า สีหน้าของพวกเขาดูจริงจังขึ้น
“มีเทพอสูรมากมายที่ต้องจากไปในช่วงหลายปีมานี้ เมื่อปีที่แล้วมีเทพอสูรของเขาหยวนชู 27 คนที่ตายไปในการต่อสู้
“ปีก่อน ด่านหุยซานก็แตกพ่าย” เมิ่งชวนกล่าว
“ในอนาคตอาจจะมีด่านอื่นที่ถูกพวกมันทะลวงได้สําเร็จอีก” จางหวินอู่กล่าว “เจ้ารู้สึกรีเปล่าว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ จํานวนเทพอสูรของเขาหยวนชูที่ตายไปเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ”
เมิ่งชวนพยักหน้า “สถานการณ์ในตอนนี้แย่ลงไปเรื่อยๆขอรับ”
“ข้าเกรงว่าคงอีกไม่นานที่เงื่อนไขรับศิษย์ใหม่จะเพิ่มจํานวนขึ้น” จางหวินอู่กล่าว “เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะรับศิษย์ใหม่ 30 ถึง 40 คนต่อปี”
เมิ่งชวนและหลิวซีเยว่จมอยู่กับความคิด
ยี่สิบคนต่อปีนั้นเป็นกฎเก่าของเขาหยวนซู นั่นก็เพราะเขาหยวนชูได้ทั้งความสมดุลระหว่างการแจกจ่ายทรัพยากร หากว่ามีศิษย์มากเกินไป ทรัพยากรที่ต้องใช้ก็จะมากเกินไป วันหนึ่งทรัพยากรนี้อาจจะไม่เพียงพอ อย่างเช่นพลังของบ่อโลหิตเทพอสูรที่จะถูกใช้จนหมด
“แม้ว่าพวกเราจะสูญเสียไปมากมาย แต่ผลการต่อสู้นั้นมันดีกว่ามาก” จางหวินอู่กล่าว “อย่า งวันนี้พวกเราสังหารราชาอสูรระดับสามไปได้ 10 ตัว และราชาอสูรระดับสองไปได้ 63 ตัว! และมี อสูรธรรมดาอีกเยอะกว่านี้มาก! แม้ว่าพวกอสูรจะแข็งแกร่งกว่าพวกเรา แต่พว กมันก็ล่าถอยไปในทันทีหลังจากที่เราสังหารราชาอสูรระดับสามมันไปได้สิบตัว พวกมันก็เจ็บเข้า เหมือนกัน”
“พวกมันไม่ได้ไม่มีวันหมด หากพวกเราสังหารมันไปมากพอ มันก็จะเริ่มรู้สึกไม่คุ้มและถอยก ลับไป” จางหวินอู่กล่าว “แต่ก็แน่นอนว่าสิ่งที่สําคัญที่สุดไม่ใช่การสังหารราชาอสูร แต่เป็นการรักษาด่านเปยเหอเอาไว้ให้ได้ พวกเราปกป้องคนในดินแดนนี้เอาไว้ได้”
“ตราบใดที่พวกเรารับมือได้ มนุษย์ก็จะเจริญต่อไป และตราบใดที่พวกเรายังยืนหยัด พวกเราก็จะต้องชนะในที่สุด” จางหวินอู่กล่าว นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ซักวันหนึ่ง อาจจะมีเทพอสูรที่ทรงพลังอย่างไม่มีผู้ใดเทียบเกิดขึ้นมา หรือไม่บางทีจู่ๆประตูพิภพอาจจะหายไป ในเมื่อมันโผล่ขึ้นมาได้แล้ว มันก็น่าจะหายไปได้ มีความเป็นไปได้อีกมากมายหลายอย่างนัก”
“ตราบใดที่เรายังยืนหยัด มันก็ยังมีความหวัง” จางหวินอู่มองไปที่เมิ่งชวนและหลิวชีเยวยิ้มๆ “เอาล่ะ ข้าจะไปพักซักหน่อย แขนขาคนแก่ของข้ามันต้องพักซักหน่อย แบบนั้นข้าจะได้ยืนหยัดต่อไปได้อีกหลายๆปี” จากนั้นเขาก็หันหลังเดินกลับไป