ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 3.2

ตอนที่ 3.2

ตอนที่ 3-2 กินขนมปัง

ที่บ้านซอมซ่อของโจวชิง ประตูบานใหญ่ค่อย ๆ เปิดออก มีเด็กสาวอายุประมาณเกือบสิบสามปีหยิบอ่างไม้และเดินออกมาด้วยความระมัดระวัง

ในอ่างไม้นั้น เต็มไปด้วยเสื้อผ้าของผู้คนในบ้านโจว

เว่ยหยางสวมชุดสีน้ำเงิน แต่ในตอนนี้ชุดนั้นได้กลับกลายเป็นสีดำไปเสียแล้ว

เป็นเพราะมันผ่านการใช้งานมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และในตอนนี้บริเวณด้านหลังของเสื้อมีร่องรอย ของการปะชุนอยู่หลายแห่ง

ผมยาวนั้นได้ถูกมัดให้เป็นเปียสองข้าง สิ่งที่สวมใส่นั้น หากคนทั่วไปจะเรียกมันว่า ‘ผ้าขี้ริ้ว’ ก็คงได้

แต่ท่าทีของเด็กสาวผู้นี้ดูเงียบสงบ และนิ่งเฉยเสียจนน่าสงสัย

นางมีใบหน้ารูปไข่ที่บอบบาง มีสีผิวที่ขาวนวลเหมือนไข่มุกชั้นดี

คิ้วยาวได้รูป พร้อมกับดวงตาที่มีประกายสดใสคู่หนึ่ง คล้ายกับแสงจันทร์ที่กำลังส่องแสงในยามค่ำคืน

จมูกที่โด่งเป็นสันพองาม และรูปปากเล็กและเรียวบาง

ผมสีดำขลับเป็นเงาสะท้อนกับแดดในยามเช้าของวันนี้ แสงนั้นส่องสว่างทำให้เห็นรูปร่างของนางได้อย่างชัดเจน

เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านแล้ว นางดูงดงามกว่ามากอย่างไร้ข้อกังขา

สิ่งนี้เป็นผลให้ เมื่อเดินออกจากบ้านไป มีสายตาผู้คนจำนวนมากต่างก็จ้องมองมาที่นาง

หลี่เว่ยหยางสวมเสื้อผ้าที่มีราคาถูก มาก และมิได้ประทินโฉมใด ๆ ทั้งสิ้น

แต่ใบหน้านั้นยังคงมีความงดงามตามธรรมชาติ และกิริยาท่าทางยังคงสงบ และเรียบร้อย

ราวกับว่า มิได้สังเกตเห็นการจ้องมองเหล่านั้นเลย

เพราะเพียงคิดว่า มีอ่างไม้อยู่ในมือและกำลังจะเดินไปซักผ้า จะจ้องมองอันใดกันนักหนา?

ก่อนหน้านี้ นางเคยคิดว่า รูปลักษณ์ของตนเองนั้นค่อนข้างมีความโดดเด่นเช่นกัน

แต่เมื่อเดินทางกลับไปที่เมืองหลวง และได้เห็นใบหน้าของหลี่จางเล่อผู้เป็นพี่สาว

จึงเข้าใจถึงความหมายของคำกล่าวที่ว่า ‘ความงดงามดังเช่นนางฟ้า’ เป็นเช่นไร

เมื่อเปรียบเทียบกับจางเล่อแล้วความงามของนางนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ธรรมดามาก หรืออาจจะกล่าวว่าธรรมดาที่สุดก็ว่าได้

หลี่เว่ยหยางหยุดและยืนนิ่งบริเวณริมแม่น้ำ จากนั้นจึงนั่งยอง ๆ

และใช้ท่อนไม้ทุบสิ่งสกปรกออกจากเสื้อผ้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี เสียงท่อนไม้ที่ทุบลงบนเสื้อผ้าดังจบกลบเสียงสายน้ำในลำธาร

น้ำกระเซ็นขึ้น และฉีดพ่นลงบนเสื้อผ้าและใบหน้าของเด็กสาว แต่นางยังคงมุ่งมั่นซักผ้าต่อไปด้วยความตั้งใจ

เว่ยหยางทำทุกอย่างด้วยอาการปกติเหมือนเช่นที่เคยทำมา

แต่ขณะนั้น เด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่กำลังซักผ้าได้สังเกตเห็นนางเข้า

พวกนางเขยิบเข้าหากัน และมองมาด้วยหางตา และเริ่มมีการสนทนากันเบา ๆ ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส

อีกทั้งยังมีเสียงซุบซิบกันเหมือนฝูงนกกระจอกที่กำลังจะแตกรัง

“ดูสิ! มีสาวน้อยกำลังซักผ้าอยู่ตรงนี้ด้วย”

“ช่างน่าสมเพชเสียจริง! พวกเจ้าดูสิ่งที่นางสวมใส่สิ เทียบกับเรามิได้เลยด้วยซ้ำ”

“นางเป็นบุตรสาวขุนนางใหญ่จริงหรือ? เหตุใดจึงมิเคยเห็นข้าราชสำนักสักผู้เดียวมาเยี่ยมนาง?”

“อัยหยา เจ้ามิรู้หรือ นางเกิดในเดือนกุมภาพันธ์ จึงถูกกล่าวว่า เป็นคำสาปที่จะส่งผลต่อบิดาของตนเอง! พวกเขาจึงรีบไล่นางออกมาจากบ้าน

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเขามิต้องการจะพบนางอีก!”

“โอ้ เป็นหญิงสาวในหมู่บ้านอย่างพวกเราเสียยังจะดีกว่า

เกิดมาเป็นบุตรสาวที่เขามิต้องการ! หากเป็นข้า คงจะโกรธแทบเป็นบ้าตาย!”

“ถูกต้อง! ให้ข้าเป็นเช่นนี้ ข้าก็มิต้องการเช่นกัน!”

ทุกคำกล่าวนั้น เข้าหูของหลี่เว่ยหยางโดยมิได้ตกหล่น

เว่ยหยางจำได้ว่า ตอนที่ยังเป็นเด็กกว่านี้ เคยมีความหวังและความฝันว่า ต้องมีสักวันที่จะต้องได้กลับไปที่เมืองหลวงเพื่อมีชีวิตที่สดใสกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่นึกภาพนั้นความสมเพชตนเองก็จะทวีความรุนแรงขึ้น พร้อมกับความเศร้าโศกและความเสียใจอย่างสุดซึ้ง…

มุมริมฝีปากของนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม

ในชาติที่แล้ว เป็นเพราะคำกล่าวของผู้คนเหล่านี้ ทำให้นางต้องหลั่งน้ำตานับพันครั้ง

แต่ในขณะนี้ เว่ยหยางลุกขึ้นยืนและเดินไปยังบริเวณที่ใกล้กับเด็กหญิงพวกนั้นที่สุด

ผ้าผืนนี้เป็นสิ่งที่นางหลิวใช้เป็นถุงเท้า ผ้าผืนยาวและมีกลิ่นที่เหม็นมาก

หลี่เว่ยหยางจับไม้ยาวตีและฟาดลงไปที่มันด้วยความรุนแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้

น้ำที่สกปรกและเหม็นเน่านั้นกระเด็นอย่างแรง และลอยไปตามกระแสน้ำที่เด็กหญิงคนอื่น ๆ อยู่

เด็กหญิงเหล่านี้นยังคงหมกมุ่นอยู่กับการซุบซิบนินทา ดังนั้นพวกนางจึงมิได้สังเกตเห็น

เมื่อซักเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วหลี่เว่ยหยางจึงคว้าอ่างและรีบลุกขึ้นยืน

ทุกคนต่างมองนางด้วยความแปลกใจ และมีความรู้สึกราวกับว่า มีบางอย่างที่เกี่ยวกับนางเปลี่ยนแปลงไป

แม้ว่าพวกนางจะกล่าวอันใดกับเว่ยหยางตั้งมากมาย แต่ก็ยังคงรักษาท่าทางที่สงบนิ่ง และเงียบกริบ

ราวกับว่า ผู้ใหญ่กำลังมองดูเด็กที่มิรู้เรื่องอันใดเลย…

เมื่อกลับมาถึงบ้านโจว ในตอนนั้นท้องฟ้ายังคงแจ่มใส

หลังจากนางหลิวทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังนั่งใช้ไม้จิ้มฟันแคะฟันอยู่ที่บริเวณระเบียงบ้าน

เมื่อเห็นเว่ยหยางเดินกลับมา คิ้วของนางจึงขมวดขึ้นในทันที

ดูเหมือนกับว่า ต้องการที่จะกล่าวอันใดบางอย่าง

แต่ด้วยเหตุผลบางประการ นางได้กลืนมันลงไป และลุกขึ้น จากนั้นจึงเดินกลับเข้าไปด้านใน

นางหม่าออกมาพร้อมกับส่งขนมปังให้เว่ยหยางชิ้นหนึ่ง และกล่าวด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาว่า

“ท่านลุงกลับมาแล้ว”

โจวชิง? หลี่เว่ยหยางเลิกคิ้ว และจ้องมองนางหม่าด้วยความสงสัย

นางหม่านิ่งเงียบ และมีอาการตกตะลึง

หลี่เว่ยหยาง เด็กหญิงผู้นี้ยังเด็กมาก แต่สายตาของนางนั้น… มีบางอย่างที่มิสอดคล้องกับอายุของนางเลย

มันเหมือนสายตาของผู้ใหญ่ และเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

มิน่าแปลกใจ ที่นางหลิวมิได้ตะโกนกล่าวคำหยาบคาย หรือดุด่าในวันนี้ .

ภายในพริบตา มีรอยยิ้มสดใสเกิดขึ้นบนใบหน้าของหลี่เว่ยหยางราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานเต็มที่ในฤดูใบไม้ผลิ

นางกล่าวขอบคุณนางหม่า ก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม และกินขนมปังนั้นในทันที

ลำคอที่แห้งผากจนถึงจุดที่มันเจ็บมาก แต่ก็ฝืนกินมันอย่างมีความสุข

นั่นเป็นเพราะโอกาสทองในการลงโทษนางหลิวได้มาถึงแล้ว

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท