ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 10.2

ตอนที่ 10.2

ตอนที่ 10-2 ผู้ใดทำ

หลี่ฉางซีมิได้กล่าวอันใดออกมาอีกทำเพียงแค่ จ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางด้วยความโกรธเคือง

พี่ใหญ่ก้าวเดินมาด้านหน้าของน้องสาม และใช้มือจับแขนของนางอย่างแผ่วเบา

“จากนี้ไปเจ้าเป็นพี่สาวที่ดี อย่าทะเลาะกับน้อง ๆ อีก และควรทำใจให้กว้างมากขึ้น น้องห้า เราควรไปกันได้แล้ว

น้องสามเจ้าก็ควรรีบไปคารวะท่านพ่อด้วย ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานจะเป็นการเสียมารยาท”

หลี่เว่ยหยางสังเกตเห็นว่า ผู้ที่นางเรียกว่า ‘พี่ใหญ่’ พยายามปกป้องหลี่ฉางซีอย่างเห็นได้ชัด แต่แสร้งทำเป็นมิใส่ใจ

ในตอนนี้หลี่ฉางซีเก็บความโกรธเคืองที่มีอยู่ภายในใจเอาไว้มิอยู่อีกต่อไป

ขณะที่หลี่เว่ยหยางกำลังจะก้าวขาออกเดิน ทันใดนั้นนางจึงตั้งใจที่จะเหยียดเท้าออกมาขวาง

หลี่ชางซีแสยะยิ้มออกมาพรัอมกับแสดงสีหน้าเยาะเย้ย ขณะที่รอให้เว่ยหยางทำตัวขายหน้าต่อหน้าทุกคน

แต่หลี่เว่ยหยางรู้อยู่แล้วว่า ฉางซีจะต้องทำเช่นนี้ จึงทำตามแผนการที่มีอยู่ภายในใจ

ฉางซีเพียงแค่ได้ยินเสียงพี่สามของตนเองร้องออกมาเบา ๆ

แต่มิทราบเป็นเพราะเหตุอันใด หลี่จางเล่อได้สะดุดล้มลงด้วยเช่นกัน และทั้งคู่ได้ตกลงไปในสระน้ำ

หลี่ฉางซีตกใจกลัวเป็นอย่างมาก

“พี่ใหญ่! พี่ใหญ่!”

หลี่ฉางเซี่ยวซึ่งกำลังเดินตามมาข้างหลัง จึงรีบวิ่งเข้ามาหาด้วยความรวดเร็ว

ขณะนี้ร่างของหลี่เว่ยหยางถูกปกคลุมไปด้วยน้ำโคลน ทำให้ดูเหมือน ลูกเป็ดน้อยกำลังคลานต้อมเตี้ยมขึ้นมาจากสระน้ำ

และเมื่อยืนขึ้นแล้ว จึงรีบยื่นมือไปดึงหลี่จางเล่อขึ้นมาจากสระในทันที

น้ำในสระมีระดับความสูงเพียงแค่เอวเท่านั้น จะมิมีอันใดเกิดขึ้นตราบใดที่พวกเขายืนขึ้น

แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้ กระโปรงและชุดอันงดงามของหลี่จางเล่อได้สกปรกเลอะเทอะไปหมดแล้ว

และผมเผ้านั้นก็เต็มไปด้วยขี้โคลน

นางมีความรู้สึกตกใจ และอยู่ในอาการงุนงงโดยมิรู้ว่า เกิดอันใดขึ้นกันแน่

หลี่ฉางซีมิได้คาดหวังว่า พี่ใหญ่ของนางจะล้มลงด้วย ความตั้งใจเพียงอย่างเดียวที่มีคือ ต้องการทำให้หลี่เว่ยหยางได้รับความอับอาย

และในตอนนี้ ทุกคนต่างก็อยู่ในความเงียบ และมีความรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

หลี่ฉางเซี่ยวรีบสั่งคนรับใช้ที่กำลังยืนงุนงงอยู่ด้านข้าง

“ยังจะยืนเฉยกันอยู่อีก! รีบช่วยพี่ใหญ่ กับพี่สามสิ เร็วเข้า!”

หลี่จางเล่อและหลี่เว่ยหยางค่อย ๆก้าวขึ้นมาจากสระน้ำ และขณะนี้ร่างของทั้งสองได้เปียกโชกไปด้วยน้ำโคลนทั้งตัว

ขณะที่หลี่เว่ยหยางกำลังก้าวขึ้นมา นางกล่าวด้วยท่าทีที่สงสัยว่า

“น้องห้า ข้ารู้ว่าเจ้ามิชอบหน้าข้า แต่เจ้าจะผลักพี่ใหญ่ลงไปในสระด้วยเหตุใด? เจ้าทำเกินไปแล้ว!”

ทันใดนั้นสายตาของทุกคนได้หันไปมองหลี่ฉางซี

เนื่องจากความจริงที่ว่า นางเติบโตมาภายใต้การเลี้ยงดูของฮูหยินใหญ่ และมีความสนินสนมกับหลี่จางเล่อเป็นอย่างมาก

จึงมักจะใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างในการวางอำนาจ และเหยียบย่ำทุกคนในบ้าน

แต่ในตอนนี้ แม้แต่นางเอง ก็ยังมิเชื่อว่า เหตุการณ์จะกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

จึงกล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนกว่า

“ไม่นะ…พี่ใหญ่ ข้ามิได้ . . ข้าเพียงแค่ต้องการจะผลักนางเท่านั้น. . ข้ามิรู้ว่า เหตุใดมันจึงเป็นเช่นนี้ไปได้!”

กล่าวแล้วจึงมองไปยังหลี่ฉางเซี่ยวผู้ซึ่งเป็นพี่สาวของตนเอง

“พี่สี่ เจ้าเห็นใช่หรือไม่ ช่วยกล่าวอันใดออกมาบ้างสิ ข้ามิได้ผลักพี่ใหญ่!

มันเป็นหลี่เว่ยหยางที่เป็นผู้ดึงพี่ใหญ่ลงไป! เป็นนางแน่นอน! นางดึงพี่ใหญ่ลงไป!”

ความจริงแล้ว หลี่ฉางเซี่ยวได้เห็นความพยายามของหลี่ฉางซีที่ตั้งใจจะให้หลี่เว่ยหยางล้มลง

อย่างไรก็ตาม นางมิทันได้เห็นว่าหลี่เว่ยหยางทำอันใด และมิรู้ว่าเหตุใดพี่ใหญ่จึงสะดุดล้มลงไปเช่นนั้น

ฮูหยินใหญ่รักบุตรสาวผู้นี้ดุจแก้วตาดวงใจ แม้ว่าจะเป็นความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย แต่พวกนางก็อาจถูกถลกหนังได้ เพราะสิ่งนี้ อาจเป็นอันตรายต่อจางเล่อ

หลี่ฉางเซี่ยวตระหนักถึงความสำคัญในข้อนี้ดี

ใบหน้าของคุณหนูสี่จึงเริ่มซีดขาวลงในทันที ขณะที่กล่าวปกป้องอย่างรวดเร็ว

“พี่ใหญ่, ฉางซีมิได้ตั้งใจที่จะทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน ”

หลี่เว่ยหยางก้มศีรษะลง ทำให้ดูน่าสงสารมากยิ่งขึ้น

“พี่ใหญ่ ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง หากข้ามิได้ทำให้น้องห้าโกรธ สิ่งนี้ก็คงจะมิเกิดขึ้นกับท่าน”

เมื่อกล่าวจบ นางจึงเริ่มใช้เสื้อผ้าของตนเองเช็ดรอยเท้าบนกระโปรงของหลี่จางเล่อ

ก่อนหน้านี้ เมื่อหลี่ฉางซีพยายามจะทำให้เว่ยหยางสะดุดล้ม นางได้ใช้โอกาสนี้เหยียบกระโปรงของหลี่จางเล่อ

และลากพี่ใหญ่ผู้นี้ลงไปด้วย ทำให้จางเล่อตกลงไปในสระน้ำ พร้อมกับตนเอง

หลี่จางเล่อจ้องมองไปยังหลี่ฉางซี และหลี่เว่ยหยาง ด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก

ในช่วงที่กำลังสับสนวุ่นวายนั้น นางจำได้เพียงลาง ๆ ว่า มีผู้ใดบางคนคว้าตัวนางไว้ แต่มิรู้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่

ความลำบากใจของหลี่ฉางซี ได้กลายเป็นความโกรธแค้นในทันที จึงชี้นิ้วไปที่หลี่เว่ยหยาง พร้อมกับตะโกนว่า

“เหตุใดต้องแกล้งทำตัวน่าสงสาร! ในเมื่อทั้งหมดมันเป็นความผิดของเจ้า!”

นางพยายามที่จะเข้ามาคว้าแขนของหลี่เว่ยหยางในทันที

คนรับใช้เหล่านั้นต่างก็อยู่ในอาการสับสน และมิรู้ว่าจะทำเช่นใดดี

จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น

“เกิดอันใดขึ้น?”

ทุกคนหันกลับมามอง

เสียงนั้นมิใช่อื่นใด เป็นเสียงของ ‘อำมาตย์หลี่’ ผู้เป็นบิดาของพวกนางนั่นเอง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท