ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 5.2

ตอนที่ 5.2

ตอนที่ 5-2 เสียงอันใด

หลี่เว่ยหยางใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาบนใบหน้าของตนเอง และดูราวกับว่า นางมีความเสียใจมาก

“ก่อนหน้านี้ ครอบครัวของข้าได้ส่งเงินเป็นจำนวนสิบเหรียญทุกเดือนตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้พวกเขามิได้ส่งอีกต่อไปแล้ว . .”

“ห๊า อันใดนะ?! สิบเหรียญทุกเดือนเช่นนั้นรึ?!”

เมื่อได้ยินดังนั้น หวังเซียนเฉินจึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

หวังเซึยนเฉินทุ่มเทความรู้ความสามารถในการสอนหนังสือให้กับเด็กนักเรียนในหมู่บ้าน

ในแต่ละปีเขาได้รับเงินบริจาคเพียงแค่สองเหรียญเท่านั้น! มันมิมีความยุติธรรมจริง ๆ !

เขาถอยหายใจอย่างหนักหน่วง และมองไปยังหลี่เว่ยหยาง โดยมีความคิดว่า

โจวชิงเป็นผู้ที่มีความโลภมากจนเกินไป เงินสิบเหรียญในช่วงระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา เป็นจำนวนเงินมิใช่น้อยเลย

ซึ่งหมายความว่า ห้าปีที่ผ่านมาพวกเขาได้รับเงินมาแล้วถึงหกร้อยเหรียญ

การเลี้ยงดูเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จะมีค่าใช้จ่ายสักเท่าใดกันเชียว?

แม้ว่าพวกเขาจะต้องเลี้ยงดูนางไปตลอดชีวิต ก็ยังมิต้องเสียเงินถึงหกร้อยเหรียญด้วยซ้ำ!

แต่ถึงกระนั้น พวกเขายังปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นทาสรับใช้ เพื่อให้พวกเขาได้ออกคำสั่งตามที่ต้องการ ไร้เหตุผลสิ้นดี!

เขาเปล่งประกายที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองต่อความอยุติธรรม

“ไปกันเถิด! เราต้องการคำอธิบายที่ชัดเจนจากโจวชิง!”

เมื่อเห็นบัณฑิตที่ได้รับการยกย่อง และมีการศึกษาสูงของหมู่บ้านเดินนำไปข้างหน้า ผู้นำหมู่บ้านจึงรีบเดินไล่ตามไปในทัน

แต่มิได้ลืมหลี่เหว่ยหยาง ขณะที่เขากอดคอ และกล่าวว่า

“ไปกันเถิด! มิต้องร้องไห้แล้ว!”

หลี่เว่ยหยางเช็ดน้ำตาแห่งการเสแสร้ง และรีบเดินตามพวกเขาไป

ในขณะนี้ เว่ยหยางได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยแปลก ๆ นางจึงหยุดเดิน และหมุนคอกลับไปดู

แต่มองมิเห็นผู้ใดเลยสักคนเดียว บางทีอาจจะหูฝาดไปเอง ก็เป็นได้?

หลี่เหว่ยหยางขมวดคิ้ว นางได้ยินเสียงหัวหน้าหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าเร่งให้ตามไปให้ทัน

นางมองไปบริเวณโดยรอบอีกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันว่า มิมีผู้ใดอยู่จริง ๆ

จากนั้นจึงเริ่มออกเดินอีกครั้ง หรือจะเป็นเสียงกิ่งไม้?

ทันทีที่เขาก้าวผ่านประตูเข้ามาในบ้านโจว หวังเซียนเฉินได้ตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า

“โจวชิง! ออกมาที่นี่เดี๋ยวนี้! พวกเจ้าจะปล่อยให้เด็กหญิงผู้นี้ไปเลี้ยงหมูได้อย่างไร? นางมิใช่คนรับใช้ของพวกเจ้า!”

โจวชิงรีบเดินออกจากห้องด้วยความตกใจ เมื่อได้เห็นภาพนี้ เขาจึงมีความรู้สึกมึนงง หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวว่า

“ถูกต้องแล้ว จริงอยู่ ที่นางมาอาศัยอยู่ที่บ้านของเจ้า แต่ทางครอบครัวนางก็ให้เงินแก่เจ้ามากมาย

พวกเจ้าเอาเงินไป แล้วยังจะรังแกนาง โดยการบังคับให้ทำงานหนักอีกหรือ?”

จากนั้นนางหม่า และหลานซิ่วก็ได้ก้าวเดินออกมา และจ้องมองไปยัง

หลี่เว่ยหยางด้วยความตกใจ

หลี่เว่ยหยางกล่าวอย่างน่าสงสารว่า

“ท่านลุงผู้นำหมู่บ้าน เป็นข้าเองที่ต้องการจะช่วยพี่หลานซิ่ว อย่าโทษนางเลย นางมิได้บังคับให้ทำ! มันเป็นความผิดของข้าเอง

ในตอนแรก ข้าคิดว่า ถังสกปรกมากเกินไป และมิควรปล่อยให้หมูได้กินอาหารที่สกปรก นั่นคือเหตุผลที่ข้านำเอามันไปล้างทำความสะอาด

ในที่สุด ข้าก็ประมาท และทำอาหารของหมูทั้งหมดหลุดมือตกลงไปในบ่อน้ำ มันเป็นความผิดของข้าเอง!

ข้าซุ่มซ่ามจนมิสามารถทำงานง่าย ๆ ให้สำเร็จได้!”

ผู้นำหมู่บ้านมองไปยังโจวชิง และกล่าวออกมาว่า

“เจ้าทำเช่นนั้น . . เจ้าสั่งให้นางไปเลี้ยงหมู แต่นางเป็นเด็กสาวจากเมืองหลวง

นางจะทำเป็นได้อย่างไร! มิต้องมาอ้างว่า นางอาศัยอยู่บ้านเจ้า เพราะเจ้าได้เงินจากนางไปแล้ว

แม้ว่าพวกเขาจะหยุดส่งเงินให้เจ้า แต่จำนวนเงินที่เจ้ารับมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น มันมากเกินพอที่จะเลี้ยงดูนางไปอีกแปดสิบปี!

เจ้ามิควรปฏิบัติต่อนางเยี่ยงสาวใช้เช่นนี้!”

เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ผู้คนนินทาและทำให้เสื่อมเสียเกียรติของตระกูลโจว

เวลาที่นางหลิวจะด่าทอมักจะปิดประตูบ้านอย่างแน่นหนาอยู่เสมอ เป็นผลให้โจวชิงมิเคยรู้เรื่องราวเหล่านี้เลย

โชคมิดีที่หัวหน้าหมู่บ้าน และบัณฑิตผู้เดียวของหมู่บ้านอยู่ที่นี่ในขณะนี้ ทำให้เพื่อนบ้านต่างก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

สิ่งนี้เป็นการทำลายศักดิ์ศรีของ

โจวชิงอย่างแท้จริง เขาหมุนตัวไปด้านข้าง และเตะเข้าที่ลำตัวของโจวหลานซิ่วผู้เป็นบุตรสาวอย่างโหดร้าย

“เจ้ามันตัวขี้เกียจ ข้าสั่งให้เจ้าไปเลี้ยงหมู มิใช่นาง เว่ยหยางจะรู้วิธีเลี้ยงหมูได้อย่างไร!”

หลี่เหว่ยหยางก้มหัวลงเพื่อแสดงการความขอโทษจากใจจริง ในสายตาของผู้อื่น นางช่างดูเป็นเด็กสาวที่น่าสงสารยิ่งนัก

แม้ว่าชาวบ้านจะชอบนินทา และอิจฉาในความงดงามของหลี่เว่ยหยางมากเพียงใด

แต่พวกเขาก็ยังคงมีจิตใจที่มีความยุติธรรม และรู้จักผิดชอบชั่วดี

ในความเห็นของพวกเขา

โจวชิงได้รับเงินจำนวนมากจากบ้านตระกูลหลี่แล้ว

บ้านโจวก็ควรปฏิบัติต่อบุตรสาวของพวกเขาด้วยความเมตตากรุณา

พวกเขาจะกลั่นแกล้งนางแทนได้อย่างไร?

เมื่อเพื่อนบ้านใกล้ชิดของเขามามุงดูเหตุการณ์กันหลายคน ทำให้โจวชิงมีความรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก

โจวชิงจึงมิสามารถควบคุมอารมณ์โกรธของตนเองเอาไว้ได้ จึงตบไปที่ใบหน้าของโจวหลานซิ่วอย่างรุนแรง

“เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า ที่ทำให้ข้าต้องมีปัญหา!”

หลี่เว่ยยางคิดอยู่ภายในใจว่า: นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

มินานหลังจากนั้น พวกเขาได้เห็น

โจวเจียงวิ่งมาที่หน้าบ้านด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว และเขาร้องออกมาว่า

“ท่านพ่อ! หมู! หมูหนีไปหมดแล้ว!”

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท