ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 24.1

ตอนที่ 24.1

ตอนที่ 24-1 น่าสงสาร

ขณะนี้ทุกคนเลือกผ้าไหมได้แล้ว และลากลับไปยังตำหนักของตนเองอย่างมีความสุข

จากนั้นหลี่เว่ยหยางจึงกลับมาอีกครั้งในช่วงบ่าย เพื่อมาชงชาให้กับท่านย่าใหญ่

ท่านย่าใหญ่ให้ความสนใจเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเว่ยหยางในช่วงที่ยังมิได้กลับมาที่บ้านตระกูลหลี่แห่งนี้

และมักจะตั้งคำถามกับนางเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง

หลี่เว่ยหยางจึงเล่าเรื่องราวน่าสนใจที่นางได้พบเจอที่บ้านตระกูลหลี่ในเมืองผิงเฉิงด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน

อย่างไรก็ตาม ท่านย่าใหญ่จะส่ายหัวและกล่าวว่า

“เว่ยหยาง เจ้าล้อเล่นกับข้าใช่หรือไม่”

เมื่อมองไปยังท่านย่าด้วยดวงตาที่ชัดเจน ในที่สุดหลี่เว่ยหยางจึงกล่าวขึ้นหลังจากนั้นมินานนัก

“ท่านย่า ท่านต้องการทราบเรื่องราวที่แท้จริงหรือ?”

ท่านย่าใหญ่พยักหน้า

“ข้าต้องการทราบความจริงทั้งหมด”

หลี่เว่ยหยางหายใจเข้าลึก ๆ และทบทวนเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง

หากคนผู้หนึ่งต้องการที่จะรู้ความจริงบางอย่าง

ในที่สุดพวกเขาก็จะพยายามค้นหาความจริงอยู่ดี ดังนั้นจึงมิจำเป็นที่จะต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้

“ข้าอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ในเมืองผิงเฉิงจนกระทั่งได้อายุเจ็ดขวบ และท่านพ่อยังมิได้ส่งผู้ใดมารับตัวข้า

ดังนั้นพวกเขาจึงส่งข้าไปอยู่กับตระกูลโจวที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแถบชนบททันที

แม่บ้านของตระกูลโจวมีชื่อว่า หลิวชิ

นางดุร้าย และโหดเหี้ยมมาก และโดยปกติจะมิค่อยให้อาหารกิน

ในตอนที่ยังเด็ก ข้ามิเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ดังนั้นจึงแอบขโมยอาหารจากในครัว แต่หากถูกจับได้ นางจะลงโทษข้าอย่างรุนแรง”

หลี่เว่ยหยางดึงแขนเสื้อขึ้น และเผยให้เห็นรอยแผลเป็นบนข้อมือของนาง

“มีแผลเป็นตรงนี้ และที่หลังขาของข้าก็มีรอยแผลเป็นทั้งหมด”

แม่นมหลัวอยู่ในอาการตกตะลึง และท่านย่าใหญ่ได้จ้องมองมายังเว่ยหยางอย่างมิอยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“แล้วนางรู้หรือไม่ว่า เจ้าเป็นบุตรสาวของท่านอำมาตย์หลี่”

หลี่เว่ยหยางหัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะนางรู้ว่า ท่านย่ามิเชื่อในคำกล่าวของนาง แต่ทุกอย่างมันเป็นความจริง

“ข้าร้องไห้ และบอกกล่าวกับท่านป้าหลิวชิว่า บิดาของข้าเป็นข้าราชบริพารในเมืองหลวง แต่นางกลับเย้ยหยันข้า

ข้าอาศัยอยู่กับบ้านตระกูลโจวเป็นเวลาหกปี

ในช่วงฤดูร้อน จะนอนมิค่อยหลับเพราะยุงที่นั่นจะชุกชุมมาก

ส่วนในฤดูหนาวนั้น ห้องนอนจะเป็นเหมือนกับธารน้ำแข็ง ที่มีความเยือกเย็นไปถึงขั้วหัวใจ

บุตรสาวของบ้านโจวคิดว่าข้าเป็นม้า ดังนั้นนางจึงขี่ข้าทุกวัน จนมือและหัวเข่าของข้าถูกขูดจนเลือดออก

ส่วนนิ้วของข้านั้นเต็มไปด้วยบาดแผลเช่นกัน เพราะการหว่านเมล็ดและต้องทำงานหนัก

และแม้แต่เท้าของข้าก็เปื่อยไปหมด”

นางมิได้เอ่ยถึงช่วงเวลาที่ถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมจนเกือบจะมิมีชีวิตรอด

แต่น้ำเสียงที่ปรับระดับนั้น บ่งบอกถึงความเจ็บปวดความยากลำบากและความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก

ทั้งท่านย่าใหญ่และแม่นมหลัวยังคงอยู่ในอาการสยองขวัญ

ท่านย่ามองมายังมืออันเรียวเล็กคู่นั้นตามสัญชาตญาณ ก่อนที่จะค่อย ๆ เอื้อมมือไปหาเว่ยหยางอย่างอบอุ่น

ตอนนั้นเองที่นางสังเกตเห็นว่า มีรอยแผลเป็นอยู่บนมืออันบอบบาง

ในตอนแรกนางมองมิเห็นรอยแผลเป็นนั้น เพราะมันค่อนข้างจาง

จนกระทั่งตอนนี้จึงได้เห็นมันอย่างชัดเจน เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ

แม่นมหลัวส่ายหัวด้วยความรู้สึกสงสาร คุณหนูทุกคนในบ้านตระกูลหลี่ต่างก็คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด

พวกเขามีความเป็นอยู่ที่หรูหรา ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และมีความสุขสบายทุกอย่าง

แต่คุณหนูสามต้องอยู่กับความจริงอันโหดร้าย

ถึงอย่างไรในร่างของนางก็ยังมีเลือดของท่านอำมาตย์หลี่อยู่ แต่นางกลับถูกรังแกโดยภรรยาของชาวนาที่ต่ำต้อย

ยิ่งจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยาง,ก็ยิ่งทำให้ท่านย่าใหญ่รู้สึกเจ็บปวดเข้าไปถึงก้นบึ้งในห้วใจของนาง

นางนึกมิออกเลยว่า เด็กอายุเพียงแค่เจ็ดขวบจะรอดชีวิตจากการใช้ชีวิตแบบวันแล้ววันเล่าในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นได้อย่างไร

และมิสามารถจินตนาการได้เลยว่า สิ่งนี้จะทำให้นางมีความเป็นผู้ใหญ่ได้มากเพียงใด

ท่านย่าใหญ่ค่อย ๆ กล่าวออกมาว่า

“โธ่ เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานมาก ข้ามิเคยรู้มาก่อนเลยว่า พวกเขาโหดร้ายกับเข้าถึงเพียงนี้”

หลี่เว่ยหยางยิ้ม และดวงตาสีเข้มคู่นั้นดูเหมือนจะกำลังสะท้อนใบหน้าของท่านย่าใหญ่

“ไม่ ข้ามิได้รู้สึกทุกข์ทรมานกับสิ่งเหล่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เจ็บปวดมากที่สุดก็คือ เมื่อเทศกาลต่าง ๆ มาถึง

ข้าจะต้องดูแลผู้อาวุโสอยู่ที่บ้านหลี่ โดยที่ครอบครัวของเขาจะออกไปฉลองกันข้างนอก

ข้าเพียงต้องการให้ท่านพ่ออยู่ที่นั่นเพื่อที่จะได้ออกไปชื่นชมดอกไม้กับท่านพ่อ และฉลองเทศกาลโคมไฟด้วยกัน

แต่ผู้อื่นมักจะตะโกนด่าว่าข้า พวกเขามักจะกล่าวว่า ข้าเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่มิมีพ่อแม่”

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท