ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 29.2

ตอนที่ 29.2

ตอนที่ 29-2 จดหมายจากมารดา

“บ่าวรับทราบ ฮูหยินหลี่เป็นผู้ที่มีน้ำใจมากที่สุด

หลังจากกลับจากตำหนักหนานหยวนในครั้งที่แล้ว ท่านได้แสดงความคิดเห็นว่า สภาพความเป็นอยู่ที่นั่นแย่มาก

หลังจากนั้นจึงส่งคนรับใช้ไปเพิ่มอีกสี่คน เพื่อดูแลชิหยินเหนียง

และหลังจากท่านได้ส่งท่านหมอไปตรวจดูอาการของนางแล้ว

ณ ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นมาก สิ่งนี้อาจเกิดจากกรรมดีของบุตรสาวนาง”

ผู้อาวุโสพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวนั้น

“นับว่าเป็นโชคดีของชิหยินเหนียง ที่มีบุตรสาวเฉลียวฉลาดเช่นนี้”

แม่นมหลัวกล่าวว่า

“โดยปกติเมื่อใดก็ตามที่ฮูหยินสวดมนต์ คุณหนูสามก็จะแวะมาพอดี

อย่างไรก็ตามเด็กทั่วไปมักจะมิค่อยมีความอดทนในการนั่งสวดมนต์เป็นเวลานาน

แต่ตุณหนูสามกลับตรงกันข้าม ซึ่งมันค่อนข้างที่จะแปลก

นางสามารถนั่งภาวนากับฮูหยินได้ถึงสองสามชั่วโมง

เห็นได้ชัดว่า นางมีพระพุทธเจ้าอยู่ในหัวใจอย่างแท้จริง”

ผู้อาวุโสหัวเราะออกมาเบา ๆ

“ข้ามิใช่ผู้ที่ตาบอด ผู้ใดเป็นของแท้ และผู้ใดมิใช่ ข้ารู้ดีทุกอย่าง

เป็นเพราะสิ่งที่เด็กผู้นี้กำลังมองหาคือ ผู้ที่ให้การสนับสนุนนาง

และที่สำคัญที่สุดคือ นางมีค่าคู่ควรแก่การสนับสนุน”

แม่นมหลัวช่วยพยุงร่างของผู้อาวุโสให้นอนลง

“หวังว่าคุณหนูสามจะมิทำให้ความตั้งใจดีของฮูหยินหลี่ตัองสูญเปล่า”

ผู้อาวุโสปิดตาของนางลง ขณะที่กล่าวว่า

“แม้ว่าจะมีความเฉลียวฉลาด แต่นางก็ยังอ่อนต่อโลกมาก…” เมื่อกล่าวจบแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง

แม่นมหลัวเกิดอาการสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ แต่นางมิกล้าที่จะกล่าวสิ่งใด

ในตอนค่ำหลี่เว่ยหยางพบหนังสือการประดิษฐ์ตัวอักษรเบื้องต้นวางไว้บนโต๊ะ จึงเริ่มฝึกเขียนมันอย่างตั้งใจ

เมืองหลวงมีความขาดแคลนหญิงสาวที่มีทักษะและความสามารถเช่น

หลี่จางเล่อ

ในตอนที่มีอายุได้หนึ่งขวบ นางสามารถอ่านหนังสือได้

เมื่อตอนสามขวบนางสามารถท่องบทกวีได้

ตอนห้าขวบนางสามารถจดจำปรัชญาชีวิต ของนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงได้หลายท่าน

นางเป็นผู้ที่มีความสามารถเหนือกว่าผู้คนรอบข้าง และได้รับคำชื่นชมมากมาย

ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ เมื่อเว่ยหยางกลับมาอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่

นางได้เริ่มต้นเรียนรู้การประดิษฐ์ตัวอักษร และฝึกอ่านหนังสือ

เมื่อเทียบกับสตรีผู้สูงศักดิ์คนอื่น ๆ แล้ว นับว่าเว่ยหยางล้าหลังกว่าหญิงสาวเหล่านั้นมากนัก

แม้ว่านางจะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่นางก็สามารถจดจำตัวอักษรได้แค่บางตัวเท่านั้น

ทักษะการประดิษฐ์ตัวอักษรของนางได้รับการวิจารณ์ในทางลบจากหลาย ๆ คน

และในที่สุด นางจึงเลิกอ่านและเขียนหนังสือไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตาม การฝึกคัดลายมือในตอนนี้นั้น สามารถช่วยในการเพิ่มสมาธิ และช่วยให้มีความคิดที่ลึกซึ้งได้

ซึ่งนับได้ว่า มันเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเว่ยหยาง

จากนั้นมินานได้เกิดเสียงดังจากการผลักหน้าต่างให้เปิดออก

และสายลมหนาวได้พัดผ่านเข้ามา ทำให้หน้าหนังสือที่ถูกลมพัดพลิกอย่างรวดเร็ว

ไป๋จื่อซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านข้างลุกขึ้นมาปิดหน้าต่างทันที

และเมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ คิ้วของนางจึงขมวดขึ้นเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้มีแดดจัดและมีความอบอุ่นอย่างเห็นได้ชัด

แต่ตอนนี้อากาศขมุกขมัวและมืดครึัม ลงภายในเวลาอันรวดเร็ว

นางได้หันกลับมา และกล่าวกับ

หลี่เว่ยหยางว่า

“คุณหนู มันมืดมิดไปหมดเลย ท่านมิควรฝึกเขียนหนังสือในที่มืด ข้าจะจุดเทียนเพิ่มให้ท่านอีกเล่ม”

หลี่เว่ยหยางพยักหน้า แต่มิได้เงยหน้าขึ้นจากหนังสือนั้น

ไป๋จื่อรู้ว่าตอนที่เว่ยหยางฝึกเขียนหนังสือ นางมิชอบให้ขัดจังหวะ

สาวใช้จึงปิดหน้าต่างให้เบาที่สุด และย่องออกไปโดยมิให้เกิดเสียงรบกวน

จากนั้นสามสิบนาทีผ่านไป ท้องฟ้าได้เริ่มมืดลง และเปลี่ยนเป็นสีเทาแล้ว

มีแสงวาบจากเส้นขอบฟ้า และตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องกึกก้อง จากนั้นฝนจึงเริ่มตกลงมาสู่พื้นดิน

หลี่เว่ยหยางเงยศีรษะพร้อมกับยืนขึ้น และเปิดหน้าต่างออกดู

นางมองออกไปภายนอกขณะที่ร่างกายนั้น มีอาการสั่นเล็กน้อย

นางมิชอบให้ฝนในตอนเที่ยงคืนเลย เพราะในคืนที่หยูลี่เสียชีวิตนั้น มีฝนตกหนักเช่นกัน

ดังนั้นทุกครั้งที่มีฝนตกหนักเหมือนดังเช่นวันนี้ ความทรงจำอันแสนเจ็บปวดเหล่านั้นจะหวนกลับมาหานางทุกทีไป

จากนั้นจื่อหยานได้รีบเดินเข้ามาที่บริเวณประตู และวางร่มไม้ไผ่ลง

หลังจากเช็ดหน้าที่เปียกชุ่มให้แห้งแล้ว นางจึงก้าวเข้ามาด้านในห้อง

“คุณหนู เมื่อครู่ข้าเห็นเห็นหรงเอ๋อ ผู้ที่คอยรับใช้ชิหยินเหนียง

นางกล่าวว่า ชิหยินเหนียงให้ส่งจดหมายมาหาท่าน”

หรงเอ๋อเป็นสาวใช้คนใหม่ที่ถูกส่งไปยังตำหนักหนานหยวน ที่ชิหยินเหนียงอาศัยอยู่

นางเป็นหญิงสาวที่ชาญฉลาด และมีไหวพริบมาก

หลี่เว่ยหยางรับจดหมายที่จื่อหยานส่งให้ และรีบอ่านเนื้อหาของมัน:

‘มีบางอย่างที่สำคัญ และต้องการที่จะหารือด้วย และมันเป็นความลับจงรีบมาหาด่วน’

หลี่เว่ยหยางถือจดหมายเอาไว้ในมือ แล้วหันหน้าไปหาจื่อหยาน

“เจ้าเห็นหรงเอ๋อที่ใด”

จื่อหยานตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า

“ในบริเวณสวน ข้าไปที่นั่นเพื่อไปเก็บเมล็ดดอกพลัม และบังเอิญเจอหรงเอ๋อกำลังรีบมาที่นี่”

หลี่เว่ยหยางหยุดคิดครู่หนึ่ง

“ตอนนั้นฝนเริ่มตกแล้ว จากตำหนักหนานหยวนมาที่นี่ใช้เวลาเพียงสามสิบนาที”

ฝนตกมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้ว . .

จื่อหยานมิเข้าใจว่า เว่ยหยางกำลังบ่นพึมพำเรื่องอันใด

แต่นางรู้สึกได้ว่า ต้องมีบางอย่างที่เว่ยหยางเกิดความสงสัย

“คุณหนู ท่านกำลังกล่าวอันใดหรือ?”

ตามจดหมาย ชิหยินเหนียงมีความลับสำคัญที่จะหารือกับนาง

ดังนั้นเห็นได้ชัดว่า นางจะต้องมาด้วยตนเอง

นิ้วของหลี่เว่ยหยางลูบที่จดหมายอย่างแผ่วเบา ขณะที่นางกล่าวอย่างใจเย็นว่า

“ออกไปเรียกคนรับใช้และแม่นมในบริเวณนี้ออกมาให้หมด

และสั่งให้สวมเสื้อกันฝนด้วย ข้ามีคำแนะนำที่จะต้องให้ปฏิบัติตาม”

ด้วยเหตุผลบางอย่างจื่อหยานมีความรู้สึกว่า จะมีบางสิ่งบางอย่าง ที่เป็นเรื่องร้ายกำลังจะเกิดขึ้น . .

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท