ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 33.2

ตอนที่ 33.2

ตอนที่ 33-2 คำตัดสินสุดท้าย

แม่นมหลัวทำตามคำสั่งโดยการพาคนรับใช้ทั้งหมดที่มิมีส่วนเกี่ยวข้องออกไปทันที

หลี่เสี่ยวหรันจึงกล่าวอย่างจริงจังว่า

“คุกเข่าลง!”

หลี่เว่ยหยางคุกเข่าลงบนพื้นหินอย่างว่าง่าย ขณะที่ก้มศีรษะลงและมองลงไปที่พื้น

ในทางกลับกัน หลี่จางเล่อยังคงยืนนิ่ง และมิมีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

มันเป็นเรื่องจริงที่หลี่เสี่ยวหรันรักและตามใจนางมาตลอด แต่ตอนนี้เขามีความรู้สึกโกรธมาก

จึงตะคอกใส่นางด้วยความโกรธทั้งหมดที่มี:

“นังตัวร้าย! คุกเข่าลงด้วย!”

ตั้งแต่เด็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่บิดาของนางขึ้นเสียงใส่บุตรสาวผู้นี้

และเมื่อเห็นบุตรสาวอันเป็นที่รักของนางคุกเข่าลง น้ำตาของเจียงชิก็เริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาคู่นั้น นางกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า:

“ท่านพี่ ท่านทนดูบุตรสาวของเราคุกเข่าลงบนพื้นในสภาพอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ได้หรือ?

หากนางป่วยขึ้นมา ท่านจะว่าอย่างไร?…”

ตอนนี้บุตรสาวผู้นี้ผิวเริ่มซีดขาวราวกับหิมะ และริมฝีปากของนางช่างเหมือนกับกลีบดอกไม้ นางดูอ่อนแอและมีความบอบบางเป็นอย่างมาก

หลี่เสี่ยวหรันจ้องมองไปยังหลี่จางเล่อ ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อนาง

ในขณะที่หัวใจของเขาเริ่มอ่อนระทวยลง จึงต้องการให้นางลุกขึ้น

แต่ในขณะเดียวกัน ก็เหลือบไปเห็นหลี่เว่ยหยางกำลังจ้องมองมาที่เขา

ดวงตาคู่นั้นของนางเปล่งประกายความปรารถนาที่จะแสวงหาความยุติธรรมในเรื่องนี้

จากนั้นหลี่เว่ยหยางจึงเปิดปากกล่าวว่า:

“เว่ยหยางทำไปโดยประมาท ข้าส่งคนไปทุบตีคนผู้นั้น โดยมิทราบมาก่อนว่าเป็นขโมยหรือคุณชายเกาจิน

ข้าทำให้ท่านพ่อและท่านแม่ต้องมีปัญหากัน เว่ยหยางรู้สึกละอายใจยิ่งนัก จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านพ่อจะลงโทษข้า”

น้ำเสียงของนางมีความเย็นชาอย่างแท้จริง และประโยคสุดท้ายนั้นมีความคมชัดเป็นพิเศษ

นี่นางหมายความว่าอย่างไร!

ในตอนนี้หลี่เสี่ยวหรันรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

เว่ยหยางกำลังขอรับโทษอย่างชัดเจน แต่ในความเป็นจริงแล้วมีแรงจูงใจบางอย่างแอบแฝงอยู่!

ฮูหยินใหญ่จ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยาง นางเกลียดเด็กสาวผู้นี้จนแทบจะเป็นบ้าตาย

แต่ก็ตระหนักว่า หากมีการสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด หลี่จางเล่อก็จะถูกเปิดโปงในที่สุด

“โอ้บุตรสาวที่รัก ท่านพ่อของเจ้ารู้ดีว่า เจ้าเพิ่งกลับมาอยู่ที่บ้าน

ดังนั้นจึงยังไร้เดียงสา เราจะปล่อยให้เจ้าถูกลงโทษได้อย่างไร? รีบลุกขึ้นเถิด…”

ฮูหยินใหญ่แสร้งทำเป็นส่งสัญญาณให้คนรับใช้ช่วยพยุงเว่ยหยางให้ลุกขึ้น

หลี่เว่ยหยางปัดมือสาวใช้ผู้นั้นออกทันที โดยมีสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองมาด้วยความสนใจ แต่นางมิแยแสผู้ใดทั้งสิ้น

ริมฝีปากของนางเหยียดออกอย่างแผ่วเบา และน้ำเสียงนั้นมีความหม่นหมองแฝงอยู่อย่างเห็นได้ชัด

แต่มันทำให้ผู้อื่นรู้สึกได้ ถึงการมีตัวตนของนาง

“หากท่านพ่อมิลงโทษ ข้าก็จะมิลุกขึ้น”

เห็นได้ชัดว่า ทัศนคติของนางคือ กำลังต้องการคำตัดสิน

นางจะมืยอมพ่ายแพ้ จนกว่าจะถึงที่สุด และได้ขอร้องให้ลงโทษตนเอง แต่สุดท้ายสิ่งที่ต้องการคือการพุ่งเป้าไปยังหลี่จางเล่อ!

เนื่องจากจดหมายฉบับนี้ทำให้หลี่จางเล่อมิสามารถอธิบายถึงที่มาที่ไปได้

ในตอนแรก นางใช้จดหมายฉบับนี้เป็นเครื่องมือในการล่อลวงหลี่เว่ยหยาง

แต่ตอนนี้กลับมีคำสองคำคือ ‘เซียนฮุ่ย’เพิ่มเข้ามาในตอนท้าย

เมื่อเป็นเช่นนี้ นางจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

และมิว่าอย่างไร นางคงมิสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้!

เมื่อฮูหยินใหญ่เห็นสถานการณ์แล้ว จึงกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น

และคุกเข่าลงทันทีอย่างที่มิมีผู้ใดคาดคิด หลี่จางเล่อเอื้อมมือไปจับนางและกล่าวว่า:

“ท่านแม่ ท่านกำลังจะทำอันใด?”

ฮูหยินใหญ่เหลือบมองผู้เป็นสามีอย่างระมัดระวัง และเปล่งเสียงออกมาอย่างลึกซึ้ง:

“บุตรสาวของเราถูกลากเข้ามาในเรื่องนี้ เพราะข้าหละหลวมเอง

หากท่านพี่ต้องการที่จะลงโทษผู้ใดสักคน ขอให้เป็นข้า

เพราะร่างกายของจางเล่อนั้นอ่อนแอ ส่วนเว่ยหยางก็ยังไร้เดียงสา…”

ในตอนนี้นางกำลังสำลักเสียงสะอื้น ราวกับว่าตนเองกำลังเป็นผู้ที่กระทำผิดเสียเอง

เมื่อได้ยินคำกล่าวของมารดา หลี่จางเล่อจึงหันกลับมา และจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางอย่างเคียดแค้นทันที

“้เหตุใดเจ้ามิช่วยท่านแม่! เป็นเจ้าที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้!”

อย่างไรก็ตามหลี่เว่ยหยางยังคงคุกเข่าอยู่เช่นเดิม ดวงตาของนางนั้นมองลงไปที่พื้นอย่างเฉยเมย ราวกับว่า ตอนนี้นางมิได้เห็นอันใดทั้งสิ้น

หลี่เสี่ยวหรันรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก และมองไปยังคุณหนูใหญ่ ขณะที่คิดอยู่ในใจว่า

หญิงสาวจากตระกูลที่มีคนนับหน้าถือตา เหตุใดจึงมิเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ที่มีคุณธรรม

และยังมิรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว อีกทั้งยังมิรู้จักความเหมาะสม

เด็กสาวผู้นี้ไปไกลจนมิเหลือเส้นทางให้ถอยแล้ว…

ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน

มีเพียงเสียงเดียวที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทุกคนได้ยินได้อย่างชัดเจน

นั่นคือ เสียงลูกประคำพุทธของท่านย่าใหญ่

เป็นเพราะฝนหยุดตกไปได้มินานทำให้บริเวณนั้นเปียกชื้นไปหมด และมีความหนาวเย็นเป็นอย่างมาก

ในสภาพอากาศเช่นนี้ เพียงแค่ยืนเฉย ๆ ก็นับว่าเป็นการทรมานตนเองมากแล้ว

นับประสาอันใดกับการคุกเข่า โดยการใช้มือประกบลงบนพื้น และเท้าที่ต้องทุกข์ทนกับความหนาวเหน็บ

สำหรับหลี่เว่ยหยาง ตอนนี้นางยังมิได้เช็ดผมที่มีความเปียกโชก แต่ยังคงคุกเข่าลงกับพื้นอย่างแน่วแน่

หลี่เสี่ยวหรันจ้องมองบุตรสาวผู้ที่อยู่ห่างจากเขามิถึงสิบก้าวด้วยความรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

ทุกคนเงียบืขณะที่จ้องมองไปยังหลี่เสี่ยวหรัน และกำลังรอให้เขาประกาศคำตัดสินขั้นสุดท้าย!

ว่าเขาจะเข้าข้างหลี่จางเล่อผู้เป็นที่รัก หรือจะสอบสวนจนถึงที่สุด เพื่อให้ความยุติธรรมแก่หลี่เว่ยหยาง!

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท