ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 45.2

ตอนที่ 45.2

ตอนที่ 45-2 ร้านขายยา

ทันใดนั้นหลี่เสี่ยวหรันจึงสำลักน้ำลายตนเองในทันที จากนั้นจึงกล่าวว่า:

“เว่ยหยาง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพี่ชายใหญ่และพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นห่วงท่านย่า…“

หลี่เว่ยหยางจ้องมองไปยัง

หลี่เสี่ยวหรัน ขณะที่ความรู้สึกน้อยใจค่อย ๆ เผยให้เห็นบนใบหน้าของนาง:

“ท่านพ่อ เว่ยหยางมิได้ตั้งใจที่จะบังคับผู้ใด แต่ข้าเพียงแค่รู้สึกน้อยใจ

ข้าตั้งใจที่จะรับใช้ท่านย่าด้วยความจริงใจ แต่กลับถูกกล่าวหาว่าข้ากระทำผิด?

เป็นเรื่องจริง ที่สถานะของเว่ยหยางมิสามารถเทียบได้กับสถานะอันสูงส่งของพี่ชายใหญ่

แต่ข้าก็ปฏิบัติต่อท่านพ่อท่านแม่ และท่านย่าด้วยความเคารพเช่นเดียวกับพี่ใหญ่เสมอมา

เหตุใดท่านพ่อจึงกล่าวว่าจะขับไล่เว่ยหยางออกจากบ้านตระกูลหลี่โดยมิใส่ใจความรู้สึกของข้าเลย?”

ณ จุดนี้ คำกล่าวของหลี่เว่ยหยางทำให้เขาถึงกับชะงักงัน

นางกล่าวต่ออีกว่า:

“ท่านพ่อ เว่ยหยางมิได้เติบโตมาเคียงข้างท่าน แต่ความใฝ่ฝันของข้าในยามที่อยู่ห่างไกลคือ ต้องการพบหน้าท่านในทุก ๆ วัน

เพราะบุตรสาวผู้นี้เชื่อว่า ความสัมพันธ์ของเราสองพ่อลูกมิอาจถูกตัดขาดจากกันได้

ท่านจะต้องปกป้องและอยู่เคียงข้างเว่ยหยางอย่างแน่นอน

และจะมิปล่อยให้ผู้อื่นมาทำร้ายข้า…”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เสี่ยวหรันจึงเกิดความรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ขณะที่มองยังใบหน้าที่บอบบางนั้น

และความโศกเศร้าในแววตาของบุตรสาวผู้นี้ ได้ทำให้เขาตระหนักถึงความเป็นกลางของตนเอง

เมื่อท่านย่าได้เข้าใจทุกอย่างแล้วนางจึงกล่าวว่า:

“เว่ยหยางมิต้องน้อยใจ ท่านย่าของเจ้ายังอยู่ที่นี่ทั้งคน ข้าจะต้องตัดสินทุกอย่างเป็นธรรมที่สุด”

หลี่เว่ยหยางรู้สึกซาบซึ้งใจท่านย่าเป็นอย่างมาก และกล่าวหลังจากนั้นว่า:

“พี่ชายใหญ่มีพยาน และเว่ยหยางก็มีพยานเช่นเดียวกัน

เช่นนั้น ข้าขอให้ท่านย่าอนุญาตให้เว่ยหยางเรียกพยานเข้ามา”

ผู้อาวุโสหลี่พยักหน้าเป็นการตอบรับ จากนั้นหลี่เว่ยหยางจึงสั่งให้หลูซินเรียกบุคคลภายนอกเข้ามา

ตามที่คาดไว้ หลังจากนั้นมินานนัก หลูซินได้เดินนำหน้าชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างสูงโปร่งและซูบผอมผู้หนึ่งเข้ามา

เมื่อเขาเข้ามาแล้ว ก็ได้แสดงความเคารพทุกคน และสีหน้าของเขาดูเหมือนจะเป็นการแสดงออกที่ต้องการจะเล่าเรื่องบางอย่าง

หลี่เว่ยหยางมองเขาเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็ได้กล่าวอย่างใจเย็นว่า:

“พี่ชายใหญ่ ท่านจำเขาได้หรือไม่?”

หลี่หมินเฟิงยิ้ม ขณะที่กล่าวว่า:

“เขาเป็นผู้ใด ข้าจะรู้จักเขาได้อย่างไรกัน!”

หลี่เว่ยอย่างเหลือบมองไปยัง

ทัวเป่าเจิ้น ด้วยดวงตาที่เผยให้เห็นความเยือกเย็นเล็กน้อย:

“แน่นอนว่าพี่ชายใหญ่มีความคุ้นเคยกับบรรดาเชื้อพระวงศ์และขุนนางเท่านั้น

ดังนั้นจึงมิสามารถจดจำเจ้าของร้านขายยาของท่านเกาได้อย่างแน่นอน

ท่านจำเขามิได้ แต่เขาสามารถจำท่านได้ เจ้าของร้านเกาโปรดกล่าวตามความเป็นจริง”

ในตอนนี้สีหน้าของเจ้าของร้านเกาเริ่มแสดงความลังเลใจ แต่ในที่สุดเขาได้เปิดปากกล่าวว่า:

“เมื่อสองวันก่อน ผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นคนรับใช้ได้มาที่ร้านขายยาของข้า และเจาะจงมาขอซื้อโสมพิษ

เนื่องจากสิ่งนี้มิได้ใช้บ่อย ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกมาก ที่มีคนต้องการใช้โสมพิษ

คนผู้นั้นได้ให้ทองคำมาหนึ่งแท่งและกล่าวกับข้าว่า

หากมีผู้ใดมาซักถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ข้าจะต้องกล่าวว่า เป็นคุณหนูสาม ของบ้านตระกูลหลี่ที่มาขอซื้อโสมพิษนี้

และให้กล่าวอีกว่า คุณหนูสามจะมาที่ร้านขายยาทุกเดือน เพื่อมาขายโสมแดงให้กับข้า”

หัวใจของหลี่หมินเฟิงรู้สึกตื่นตระหนกในทันที เพราะเดิมทีเขามองว่าหลี่เว่ยหยางเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา

และมิเคยคิดว่า นางจะรับมือได้ยากถึงเพียงนี้ เขาจึงมอบหมายให้คนภายนอกทำงานนี้แทนตนเอง

เขาใช้มาตรการป้องกันนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ครัวเรือนที่สองและสามจะมิสามารถเข้าถึงพยานและหลักฐานได้

โดยการจงใจหลีกเลี่ยงการส่งคนรับใช้ของตนเองไปที่ร้านขายยานั้น

และเลือกผู้ที่มิมีผู้ใดรู้จัก ผู้ใดจะไปรู้ว่า พวกเขายังทำให้มันเกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้

เขาจ้องมองไปยังเจ้าของร้านเกาอย่างเย็นชา ขณะที่กล่าวว่า:

“ปากที่เต็มไปด้วยขยะของเจ้า มิต้องการที่จะมีลิ้นเอาไว้สอพลออีกแล้วใช่หรือไม่?!”

เจ้าของร้านเกามิทราบเรื่องราวความขัดแย้งภายในของบ้านชนชั้นสูงแห่งนี้

ดังนั้นเขาจึงยังคงยืนอยู่ที่เดิม และเกิดความรู้สึกงุนงงว่า ตนเองกล่าวสิ่งใดผิดไป

หลี่เสี่ยวหรันขมวดคิ้ว ก่อนที่จะกล่าวว่า:

“เจ้าได้รับทองเพื่อกล่าวหาคุณหนูสาม แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาเป็นพยานให้นาง”

ขณะนี้ใบหน้าของเจ้าของร้านเกาเต็มไปด้วยความสุข แต่เขาก็นิ่งเงียบ และมิได้กล่าวอันใดออกมา

หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อย :

“เขาเป็นพ่อค้า ซึ่งแน่นอนว่า ผลกำไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้นข้าจึงให้ทองคำสองแท่งกับเขา

สิ่งที่เขาได้กล่าวมาทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นความจริง

พี่ชายใหญ่ มาถึงจุดนี้แล้ว ท่านยังต้องการที่จะกล่าวอันใดอีกหรือไม่?”

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท