ตอนที่ 37-2 หลานชาย
หลี่หมินเฟิงจึงกล่าวออกมาอย่างแข็งกร้าวว่า:
“การจะสั่งสอนเด็กสาวผู้นี้นั้น เป็นเรื่องที่ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ
มิจำเป็นต้องให้น้องสาวโกรธและอารมณ์เสีย
แค่คอยดูพี่ชายใหญ่ของเจ้า เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าหาทางแก้แค้นเอง!”
หลี่จางเล่อได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้น และค่อย ๆ เดินไปที่ข้างหน้าต่าง
ทำให้กระโปรงลายหงส์สีทองของนางเกิดเสียงกรอบแกรบเบา ๆ
หลังจากเงียบไปสักพัก นางได้หันกลับมาพร้อมกับสายตาที่โกรธแค้น และเปล่งเสียงอย่างเย็นชา:
“ท่านพี่ ข้ามิได้ต้องการเพียงให้ท่านแก้แค้นเท่านั้น แต่สิ่งที่ข้าต้องการคือ ชีวิตของนาง!”
ตั้งแต่เกิดมา มิมีผู้ใดกล้าที่จะทำให้นางรู้สึกมิพอใจ จางเล่อจึงทนสิ่งนี้มิได้!
หลี่หมินเฟิงอยู่ในอาการตกตะลึงทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นการแสดงออกที่ดุร้ายเช่นนี้ปรากฏบนใบหน้าของน้องสาวของตนเอง
ซึ่งมันกำลังทำลายความงดงามบนใบหน้านั้น ให้หายไปจนหมดสิ้น
“มิต้องรีบร้อนจนเกินไป เราต้องวางแผนให้รอบคอบมาก กว่าเดิม”
ณ ตำหนักเหอเซียงหยวน
เมื่อย่างเท้าเข้ามาด้านในหลี่หมินเฟิงจึงเห็นผู้อาวุโสหลี่กำลังนั่งอยู่บนชุดเก้าอี้รับแขก ผ่านสายตาอันเฉียบคมของเขา
หลี่เว่ยหยางสวมชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อน และนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้าง
ซึ่งตอนนี้นางกำลังนวดขาของท่านย่าใหญ่อยู่
และนางได้เงยหน้าขึ้น เพื่อกล่าวอันใดบางอย่างกับท่านย่า
สำหรับฮูหยินสามนั้น นางนั่งอยู่ด้านข้างท่านย่า
นางกำลังจิบน้ำชา ขณะที่ยิ้มเล็กน้อย และร่วมสนทนากับทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า
ท่านแม่, น้องหลี่จางเล่อ, น้องสี่, น้องห้า และคนของฮูหยินรองต่างก็นั่งพักผ่อนอยู่ห่างออกไป
ท่านย่าใหญ่คงต้องชื่นชอบเว่ยหยางเป็นพิเศษ จึงอนุญาตให้นางอยู่ในตำแหน่งเคียงข้างตนเอง
ดวงตาของเขาจดจ่ออย่างครุ่นคิด ดูเหมือนว่า สิ่งที่น้องสาวของเขาเล่าให้ฟังนั้นจะเป็นความจริง
ในฐานะบุตรสาวของหยินเหนียง
หลี่เว่ยหยางทำตัวโดดเด่นมากเกินไป อีกทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากท่านย่าอีก
เมื่อหมินเฟิงมองกลับมา จึงเห็นว่า ท่านย่ากำลังจ้องมองมายังทิศทางของเขา
เขายับยั้งคลื่นความร้อนที่กำลังเกิดขึ้นในใจทันที และเดินเข้าไปหาเพื่อแสดงความเคารพด้วยความอ่อนน้อม
ผู้อาวุโสหลี่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขและยื่นมือมาช่วยพยุง ในขณะที่มองเขา และนางได้กล่าวอย่างชื่นชมว่า:
“เด็กผู้นี้จากไปเพียงแค่ปีเดียว เมื่อกลับมาเจ้าเปลี่ยนไปจนย่าแทบจะจำมิได้
ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่มีความสง่างามยิ่งนัก”
หลี่หมินเฟิงยิ้มอย่างเคารพและกล่าวว่า
“เดิมทีท่านพ่อจะมิยอมให้หลานชายผู้นี้กลับมาในช่วงปีใหม่
แต่เมื่อข้าเขียนจดหมายกลับมาว่า ข้าคิดถึงท่านย่าและท่านแม่ ดังนั้นท่านพ่อจึงยอม
มาคราวนี้หมินเฟิงนำผลิตภัณฑ์พิเศษของเมืองฉางโจวกลับมาด้วย
ซึ่งก็คือ ‘เป็ดพันปี’ ที่มักจะเป็นถูกมอบให้เป็นของขวัญแก่จักรพรรดินีและจักรพรรดิ! มาลองดู!”
ท่านย่ายิ้มกว้างจนแทบจะหุบมิลงและกล่าวว่า:
“เป็นเรื่องดีมาก ที่เจ้ามีความกตัญญู”
หลี่หมินเฟิงยิ้มอย่างอ่อนโยน:
“เนื้อเป็ดนี้ สามารถทำให้อารมณ์ของท่านย่ามีความรื่นรมย์ และยังสามารถกระตุ้นความต้องการทานอาหารได้มาก
จักรพรรดินีองค์ปัจจุบันชอบเสวยเนื้อเป็ดมาก ดังนั้นทุกปีเป็ดจะถูกส่งจากเมืองฉางโจวมาที่เมืองหลวงของเรา
การอธิบายของหลี่หมินเฟิงเป็นไปอย่างจริงใจ ดังนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของท่านย่าจึงอบอุ่นมากขึ้น
หลี่จางเล่อกล่าวอย่างอบอุ่นว่า:
“ใช่แล้ว เป็ดสี่ตัวนี้ยังมีความหมายอีกอย่าง!
น้องสาม เจ้ารู้ความหมายของมันหรือไม่”
เมื่อเห็นพวกเขาพยายามให้นางเข้าเข้าไปมีส่วนร่วมในวงสนทนาด้วยโดยมิมีเหตุผลอื่นใด นอกจากจะกลั่นแกล้ง
เว่ยหยางจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า:
“เว่ยหยางคงต้องเรียนรู้จากพี่ใหญ่”
รอยยิ้มของหลี่จางเล่อลึกล้ำขึ้นทันที:
“ก่อนราชวงศ์ซ่งซี กวีผู้มีชื่อเสียงได้เล่าถึงช่วงเวลาแห่งความสุขสี่ครั้งในชีวิต:
ฝนที่ตกชุกหลังจากภัยแล้งอันยาวนาน
การรวมตัวกันของเพื่อนที่คบกันมายาวนาน
ฉลองงานแต่งงาน
และการผ่านการสอบคัดเลือกจากทางราชสำนัก
ความนิยมนี้ได้แพร่กระจายไปในหมู่ผู้คน
และจากนั้นเมื่อนำมาปรุงในตำหรับอาหารที่ยอดเยี่ยม จึงนำความโชคดีมาให้
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ฉางซีบ่งบอกว่ากำลังชื่นชมหลี่จางเล่อผู้เป็นพี่สาว:
“ยังคงเป็นพี่ใหญ่ที่มีความรู้กว้างขวาง และมีประสบการณ์มากมาย
คนส่วนใหญ่มักจะรู้วิธีกินมัน แต่มิรู้ประวัติเบื้องหลังอาหารที่กินเข้าไป!”
ดวงตาของหลี่เว่ยหยางหลบสายตาขณะที่กล่าวว่า:
“แน่นอน เว่ยหยางมิได้อ่านหนังสือมากนัก และมิมีประสบการณ์อันใดเลย…”
ท่านน่าใหญ่หัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบาและกล่าวว่า:
“มิมีประโยชน์อันใด ที่เด็กผู้หญิงจะอ่านหนังสือมากมาย
ขอเพียงแค่ เป็นผู้ที่อ่อนโยนและมีมารยาทดีก็นับว่าเพียงพอแล้ว
การเป็นคนขยันหมั่นเพียรมากเกินไป อาจทำให้ผู้อื่นเกิดความอิจฉาได้”
สีหน้าของหลี่จางเล่อหม่นหมองลงในทันที และฟื้นกลับมาเป็นปกติเพียงชั่วอึดใจ:
“ใช่แล้ว คำกล่าวของท่านย่านั้นถูกต้องที่สุด
และสายตาของหลี่หมินเฟิง กำลังจ้องมองมายังหลี่เว่ยหยางอย่างเย็นชา
โดยมิสามารถทำอันใดบุตรสาวของหยินเหนียงผู้นี้ได้