ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 49.1

ตอนที่ 49.1

ตอนที่ 49-1 พายุหิมะ

ฮูหยินใหญ่ยิ้มและกล่าวอย่างคลุมเครือว่า:

“ข้าคิดว่า บิดาของเจ้าจะมิละทิ้งความตั้งใจของตนเองอย่างแน่นอน

แผนการนี้ จะต้องมิจบลงด้วยความล้มเหลวเพียงเพราะเหตุการณ์ในวันนี้

มันจะต้องดำเนินต่อไป แต่สิ่งเดียวที่แตกต่างคือผู้ที่จะดำเนินการ

หากเจ้ามิสามารถทำได้ เรายังมีฉางเซียวกับฉางซีอยู่

หากพวกนางยังมิสามารถประสบความสำเร็จได้ ก็ยังมีฉางหลูบุตรสาวของสะใภ้รอง

แล้วในตอนนี้ยังจะมีหลี่เว่ยหยางที่ชาญฉลาดอีกคน

มิว่าจะเป็นบุตรของภรรยาเอกหรือหยินเหนียงก็เป็นบุตรสาวของบ้านตระกูลหลีเช่นเดียวกัน

ดังนั้นสิทธิ์ในการตัดสินใจยังคงอยู่ในมือท่านพ่อของเจ้า”

นิ้วของหลี่จางเล่อสั่นสะท้าน ขณะที่ความตื่นตระหนกได้ผุดขึ้นในหัวใจของนาง

ฮูหยินใหญ่สังเกตเห็นผล

กระทบที่เกิดขึ้นกับนาง จึงตัดสินใจว่า มิจำเป็นที่จะต้องทำให้นางหวาดกลัวอีกต่อไป:

“ข้าจะบอกกล่าวความจริงให้เจ้าได้รับรู้ก็ได้ อันที่จริงแล้ว

ที่ตระกูลหลี่เลี้ยงดูพวกนางเป็นอย่างดีนั้น เพียงเพราะหวังว่าเมื่อเติบโตขึ้นพวกนางจะมีประโยชน์สำหรับเรา

แต่สุดท้ายแล้วพวกนางก็เป็นเพียงสะพานที่ให้เจ้าใช้เดินข้ามไปเท่านั้น เข้าใจหรือไม่?

นั่นคือเหตุผลที่เจ้าต้องมิทำสิ่งใดผิดพลาดอีก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับพี่ชายใหญ่ของเจ้า”

ในขณะนี้ภาพที่เห็นภายใต้แสงเทียน ดูเหมือนว่าน้ำตากำลังปริ่มอยู่ในดวงตาของหลี่จางเล่อ

และคำกล่าวเหล่านั้นสามารถปลุกใจคนผู้หนึ่งได้:

“ท่านแม่…”

ฮูหยินใหญ่กุมมือบุตรสาวเอาไว้และตบอย่างแผ่วเบา:

“เจ้าเป็นหยกล้ำค่า และมีความงดงามในแบบของตนเอง เหตุใดต้องเอาไปเปรียบเทียบกับกระเบื้องที่ด้อยค่า?

หากข้าสามารถทนได้ เจ้าก็สามารถทนได้เช่นกัน และเราจะอดทนรอโอกาสที่เหมาะสม”

หลี่จางเล่อก้มหน้าลงและมิได้ตอบสนองด้วยท่าทีใด ๆ และในที่สุดนางจึงตอบตกลงอย่างแผ่วเบาเพียงคำเดียวเท่านั้น

“อืม”

ในช่วงปลายปี เมืองหลวงทั้งเมืองจะถูกปกคลุมด้วยหิมะไปทั่วทุกที่

เจ้าหน้าที่และขุนนางทุกคนในเมืองหลวงต่างก็ดื่มเหล้าฉลอง และจ้องมองหิมะที่โปรยปรายด้วยจิตวิญญาณแห่งความสุขใจ

แต่หลังจากนั้น ก็มิมีผู้ใดสามารถที่จะยิ้มอย่างมีความสุขได้อีกต่อไป

เพราะหิมะตกเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือนและกลายเป็นพายุหิมะในที่สุด

ประชากรหลายหมื่นคนที่บริเวณชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส

ด้วยความเป็นห่วงราษฎรจักรพรรดิจึงทรงสั่งให้เพิ่มงบประมาณในการบรรเทาทุกข์อย่างเร่งด่วน

และทรงรับสั่งให้เจ้าหน้าที่พลเรือนและทหารช่วยกันวางแผนมาตรการรับมืออย่างเข้มแข็ง

หลังจากนั้นมินาน ได้มีข้อเสนอมากมายทูลเกล้าต่อองค์จักรพรรดิเหมือนดั่งเช่นพายุหิมะที่ตกลงมา

ณ บ้านตระกูลหลี่

ขณะนี้เมื่อมองจากระยะไกลเข้าไปในศาลาพักร้อน จะสามารถเห็นบุรุษรูปงามที่มีชื่อว่า ทัวเป่าเจิ้น

วันนี้เขาแต่งกายด้วยชุดสีน้ำเงินเข้ม และที่บริเวณแขนเสื้อถูกปักอย่างประณีตด้วยรูปนกกระเรียนกำลังบินอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆด้วยเส้นไหมสีเงิน

อีกทั้งยังประดับประดาด้วยเข็มขัดสีทองแกะสลัก และหยกสีเขียวอ่อนคล้ายสีของใบไผ่

แม้ว่าได้เห็นการปรากฏตัวเพียงครู่เดียวของเขา ก็สามารถสร้างความประทับใจมิรู้ลืมได้

หมากรุกสีดำในมือของเขายังคงลอยค้างอยู่กลางอากาศ เหนือกระดานหมากรุกนั้น

หลี่หมินเฟิงจ้องมองมาที่เขา พร้อมกับยิ้มเล็กน้อยขณะที่กล่าวว่า:

“องค์ชายสาม ท่านยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ของพายุหิมะเช่นนั้นหรือ?”

สีหน้าของทัวเป่าเจิ้นมิได้มีความเคร่งเครียดเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขายิ้มเล็กน้อยและวางตัวหมากลง:

“ไม่เลย เพราะองค์รัชทายาทสามารถจัดการเรื่องเร่งด่วนทั้งหมดได้

ข้าเป็นเพียงผู้ที่ว่างงาน และกำลังหลงระเริงไปกับความมั่งคั่งและศักดิ์ศรี”

หลี่หมินเฟิงกล่าวอย่างตัดพ้อว่า:

“องค์ชายสาม เรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว ท่านยังมีความลับต่อข้าอยู่อีกหรือ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น ทัวเป่าเจิ้นจึงมิสามารถเก็บซ่อนความรู้สึกของตนเองได้อีกต่อไป เขาทำแค่เพียงยิ้มกว้างและกล่าวว่า:

“หมินเฟิง ดูเหมือนว่า เจ้าจะมีวิธีแก้ไขปัญหาพายุหิมะอยู่แล้วใช่หรือไม่?”

หลี่หมินเฟิงวางตัวหมากรุกสีขาวลง และกล่าวอย่างใจเย็นว่า:

“จากการที่ใคร่ครวญอย่างดีแล้ว มีเพียงทางเดียวเท่านั้น นั่นคือการเปิดยุ้งฉางหลวงเพื่อบรรเทาทุกข์ในกรณีฉุกเฉินเช่นนี้”

ทัวเป่าเจิ้นพยักหน้า และยิ้มออกมาขณะที่เขากล่าวว่า:

“นั่นเป็นเรื่องที่ข้าคิดเช่นเดียวกัน และในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ฝ่าบาทได้ทรงตำหนิขุนนางในราชสำนักหลายครั้ง

เขาสั่งให้หามาตรการรองรับ เพื่อจัดการกับผลกระทบที่เกิดจากพายุหิมะภายในสามวัน

เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่มิมีผู้ใดกล้ายื่นข้อเสนอนี้”

บางทีพวกเขาอาจมีความเกรงกลัว และตงมิมีผู้ใดยอมเสี่ยงกับการสูญเสียอำนาจและสถานะของตนเองเพื่อสิ่งนี้?

หลี่หมินเฟิงกล่าวออกมาเพื่อเป็นการกระตุ้นเขาว่า:

“องค์ชายสาม นี่เป็นโอกาสของท่านแล้ว”

จากนั้นทัวเป่าเจิ้นมิได้กล่าวอันใดออกมา เขาทำเพียงแค่จ้องมองผ่านหน้าของหลี่หมินเฟิงออกไปยังด้านนอกศาลา

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท