ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 71.1

ตอนที่ 71.1

ตอนที่ 71-1 วางอํานาจ

การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนในตอนนี้นั้นแสดงให้เห็นว่า เกิดความสะเทือนใจที่ได้เห็นภาพตรงหน้า แต่หลี่จางเล่อกลับยกมุมริมฝีปากของตนเองขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย

ในท้ายที่สุดทั่วเปาเจิ้นก็ก้มศีรษะลงและจิบชาต่อไป เขามิได้กล่าวอันใดออกมาเลย เนื่องจากการชิงดีชิงเด่นกันภายในตระกูลหลี่นั้นมิเกี่ยวข้องกับเขา

“หยุด!”

ทันใดนั้นมือของเกาจินก็ถูกผู้ใดบางคนกุมเอาไว้

เกาจนร้องตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว

“ หลี่เว่ยหยางเจ้ากล้าดีอย่างไร?!”

“ท่านที่ ท่านกําลังพยายามทําสิ่งใดกับน้องสามต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้”

เสียงของหลี่เว่ยหยางเรียบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยอํานาจ

เกาจินยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า

“แล้วมันเป็นกงการอันใดของเจ้า!”

หลี่เว่ยหยางกล่าวอย่างใจเย็นว่า

“ท่านย่าสั่งให้น้องชายสามเข้าไปพบที่ตําหนักเหอเซียงหยวน มิทราบว่าพี่เกาจริงมีปัญหาอันใดหรือไม่?”

การแสดงออกของเกาจินดูแข็งกร้าว แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็มิรู้ว่าจะกล่าวอันใดออกมา

หลังจากพ่ายแพ้ครั้งที่แล้ว เขาก็หวาดกลัวหลี่เว่ยหยางลึกเข้าไปถึงกระดูกดําของตนเอง

หากวันนี้มีมีผู้คนมากเช่นนี้ เขากลัวว่าขาของตนเองจะอ่อนแรงลงจนมิมีแม้แต่แรงที่จะยืน

ทันใดนั้นเกาหมินได้เดินเข้ามาหา และจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางอย่าง เคร่งเครียดและกล่าวว่า:

“เจ้ากล้ากล่าวกับพี่รองของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”

ดวงตาที่เปิดเผยของหลี่เว่ยหยางกระพริบและยิ้มอย่างอ่อนหวานก่อนที่จะกล่าวว่า

“ข้าต้องการเอ่ยถามพี่เกาหมินว่า พี่รองของท่านนั้นอยู่อันดับใด?

เมื่อได้ยินคํากล่าวนั้นจบลง เกาหมินจึงอยู่ในอาการตะลึง เกาจนเป็นคนเสเพลแล้วเขาจะมียศตําแหน่งอันใดได้?

และหลี่หมินเฟิงกับน้องสาวของเขาผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างมีการแสดงออกที่เปลี่ยนไปในทันทีขณะที่หลี่จางเล่อใช้มือลูบไล้ไปบนเส้นผมของตนเองโดยมิรู้ตัว

ครั้งสุดท้ายเพื่อต้องการที่จะอยู่ในบ้าน นางต้องใช้มาตรการที่รุนแรงจึงทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้

ทําให้ทุกครั้งที่นางเห็นหลี่เว่ยหยางมันจะเตือนตนเองเสมอว่า แผลเป็นของนางเกิดขึ้นได้อย่างไร

และมันทําให้หญิงสาวเกิดความขุ่นเคืองใจแต่ต้องสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ และกล่าวออกมาอย่างใจเย็นว่า

“พี่เกาหมิน ความหมายของน้องสามคือ ตําแหน่งของนางนั้นเป็นถึงเซียนจูแห่งอันผิงผู้ยิ่งใหญ่ พี่เกาจินมีคู่ควรที่จะกล่าวกับนางเช่นนั้น”

คํากล่าวเหล่านี้บ่งบอกเป็นนัยว่า หลี่เว่ยหยางมีอํานาจเหนือกว่าอย่างไร

เมื่อได้ยินดังนั้นองค์ชายห้าจึงขมวดคิ้วและกล่าวว่า

“เซียนจูแห่งอันผิง เป็นเพียงแค่ขุนนางอันดับสองเท่านั้น เหตุใดจึงวางท่าใหญ่โตถึงเพียงนี้?!”

ดวงตาขององค์ชายห้าจดจ้องไปที่หลี่จางเล่อ หลี่เว่ยหยางมิเคยคาดหวังว่าเขาจะกล่าวเอาใจคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้ จึงยิ้มออกมาเล็กน้อยและกล่าวว่า

“องค์ชายห้า ท่านคิดว่าอันดับสองนั้นต้อยต่ําเกินไปเช่นนั้นหรือ?

โอ้! สําหรับเว่ยหยางแล้ว การได้รับพระราชทานตําแหน่งจากจักรพรรดิก็นับว่าเพียงพอแล้ว

ในส่วนลึกแล้ว เว่ยหยางมิเคยโหยหาอันดับหนึ่งเลย แต่มิว่าจะอยู่ในตําแหน่งใดก็ตามจักรพรรดิทรงเป็นผู้แต่งตั้งตําแหน่งนี้ให้กับเว่ยหยางด้วยพระองค์เอง

ในเมื่อองค์ชายตรัสเช่นนี้ แสดงว่าพระองค์มเห็นด้วยกับฝ่าบาทเช่นนั้นหรือ?”

ทั่วเปารุ่ยรู้สึกขุ่นเคืองใจขึ้นมาขณะที่กล่าวว่า

“หลี่เหว่ยหยาง อย่าสามหาวให้มากนัก”

“องค์ชายห้ากําลังตรัสว่า เว่ยหยางกําลังวางอํานาจเช่นนั้นหรือ? เว่ยหยางมิบังอาจ…”

หลีเว่ยหยางกล่าวอย่างสบาย ๆ และมีการเยาะเย้ยเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาสีดําสนิทของนาง

ทั่วเปาปุยอาจจะหลงลืมไปแล้วว่า ตนเองมีตําแหน่งอันใดในวังหลวง เนื่องจากกําลังหลงใหลในความงดงามของคุณหนูใหญ่

หลี่จางเล่อทราบดีว่า มิว่าตําแหน่งเซียนจูแห่งอันผิงจะต่ําต้อยหรือสูงส่งสักเพียงใด แต่ก็ยังคงได้รับการแต่งตั้งจากจักรพรรดิ เพื่อให้ได้รับการขนานนามว่า เซียนจู

ในฐานะบุตรสาวของขุนนางทั้งหมดในเมืองหลวงนั้น อาจกล่าวได้ว่า เว่ยหยางเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ได้รับพระราชทานตําแหน่งนี้จากองค์จักรพรรดิ

และแม้แต่องค์ชายก็มิสามารถแสดงความเย่อหยิ่งต่อมันได้อย่างแน่นอน

ทั่วเปาเจิ้นกระแอมเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวว่า

“น้องห้า, เซียนจูแห่งอันผิงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ตําแหน่งของนางในฐานะเซียนจูนั้นได้รับการพระราชทานจากพระบิดาของเราน้องห้าควรจะให้เกียรติกับนางให้มากกว่านี้”

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น การจ้องมองของเขาก็อดมิได้ที่จะตกลงไปที่หลี่เหว่ยหยางขณะที่น้ําเสียงของเขาลดลงเล็กน้อย

“องค์ชายห้าหุนหันพลันแล่นเกินไป ข้าหวังว่าเขียนจูจะมีตําหนิเขา”

” พระองค์กําลังตรัสอันใด?

หลี่เว่ยหยางกล่าวพร้อมกลับหัวเราะเยาะเย้ย

“ข้าจะกล้าทําให้องค์ชายขุ่นเคืองพระทัยได้อย่างไรกัน?”

“ที่เกาจินกําลังหยอกล้อคุณชายสามอยู่ในขณะนี้”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ทั่วเปาเจิ้นก็หยุดชะงักลงกลางคัน เพราะเกาจินตะโกนแทรกขึ้นมาว่า

“ข้ามิได้ล้อเล่น!”

จากนั้นทั่วเปาเจิ้นจึงกระแอมอย่างแผ่วเบา

ทําให้เกาจินรีบหดคอของตนเองทันที แต่เมื่อเห็นว่า ทุกคนจ้องมองมาที่เขา จึงรู้สึกทนมิได้เล็กน้อยขณะที่กล่าวว่า:

“องค์ชายสาม, หญิงสาวผู้นี้”

เขายังมิยอมแพ้อย่างเห็นได้ชัด!องค์ชายสามจึงก้มหน้าขณะที่ดุเขาอย่างแผ่วเบาว่า:

“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้!”

ด้วยความตกใจเกาจินจึงตัวแข็งทันที

และการแสดงออกของเกาหมินได้บ่งบอกถึงความอิจฉาริษยามากยิ่งขึ้นเมื่อนางใช้สา ยตาจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยาง

คุณหนูสามจ้องมองไปยังทิศทางของหลี่จางเล่อพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนหวาน

และมิแปลกใจเลยว่า มีร่องรอยของความเป็นศัตรูที่ไร้ขีดจํากัด หลั่งไหลออกมาจากดวงตาของนาง

ตอนนี้ทั่วเปาเจิ้นรู้สึกว่า สติปัญญาของหลี่เว่ยหยางนั้นสูงส่งกว่าผู้คนธรรมดาทั่วไปมากแต่น่าเสียดายที่นางเกิดมาจากหยินเหนียงเท่านั้น

และในใจของท่านอํามาตย์หลี่ นางมิมีทางเทียบกับหลี่จางเล่อได้ จากนั้นเมื่อมองดูหลี่หมิน เตือที่อยู่ห่างไกลมิมากนัก ก็มีความเยาะเย้ยในสายตาของเขา

“คุณชายสาม เก่าจินเพียงแค่หยอกล้อเจ้าเท่านั้น จงอย่าได้คิดโกรธเคืองเขาเลย”

สายตาของทุกคนพุ่งตรงไปที่ผู้ถูกกระทํา ซึ่งก็คือหลี่หมิ่นเต่อนั่นเอง

หลี่เว่ยหยางกําหมัดแน่นโดยมิรู้ตัว หากสามารถทําร้ายเขาได้ นางจะทําให้ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นพังยับเยินเสียตั้งแต่ในตอนนี้

หลี่หมินเพื่อมิได้กล่าวอันใดออกมาเลย หลังจากนั้นมินานนัก เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นขณะที่ดวงตาของเขามีแต่ความเศร้าเสียใจ และกล่าวว่า

“ใช่ ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง มันมิมีส่วนเกี่ยวข้องกับพี่เกาจิน”

จากนั้นได้ปรากฏรอยยิ้มที่สดใสขึ้นบนใบหน้าของเขาขณะที่กล่าวอย่างแผ่วเบาว่าง

“พี่สาม ท่านอย่าโกรธเคืองไปเลย”

ทั่วเปาเจิ้นยิ้มเล็กน้อยและกลับมามีสีหน้าปกติขณะที่กล่าวว่า

“หากเป็นเช่นนั้น เซียนจูได้โปรดพาเขาไปเถิด”

คํากล่าวขององค์ชายสามทําให้คิ้วของหลี่เว่ยหยางขมวดขึ้นขณะที่ดวงตาแห่งความยุติธรรมส่องประกายวูบวาบไปทั้งทั่วใบหน้าของนาง

ดูเหมือนว่าจะมีความเศร้าเสียใจปะปนอยู่ในแววตาคู่นั้น

หลี่เวยหยางรู้สึกโกรธเคืองเขาอย่างจริงจัง เมื่อเห็นดังนั้นหลี่หมินเต๋อจึงรู้สึกตกใจ

และทันใดนั้นความเป็นปฏิปักษ์และความโกรธแค้นที่อยู่ในใจของเขาก็ลดลงในทันที

หลี่เว่ยหยางเปล่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบาว่า :

“หมินเต็อไปกันเถิด”

หลี่จางเล่อจ้องมองอย่างเย็นชา ขณะที่นางกระพริบตาเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างไปที่เกาหมิน

จากนั้นเกาหมินได้ก้าวไปข้างหน้าทันที และผลักร่างของเกาจินด้วยความโกรธเกรี้ยว

และในช่วงเวลาต่อมา เกาจินได้ก้าวไปคว้าแขนเสื้อของหลี่หมินเพื่อเพื่อดึงร่างของเด็กชายเอาไว้

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน