ตอนที่ 48 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (17)
ตันหวายไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้ากับพงศาวดารประเภทนี้ด้วยความรู้สึกแบบไหน เขาอ่านชีวประวัติของจวินเฉิงจนจบอย่างเร็วที่สุด รู้สึกทั้งผิดหวังทั้งยินดี
เรื่องที่น่ายินดีคือ ชีวิตของจวินเฉิงไม่มีจุดด่างพร้อยเลยแม้แต่น้อย เขากลายเป็นวีรบุรุษของยุคสมัยนั้นสมดังที่คาดหมายไว้ ไม่มีความเกี่ยวพันกับตันฝูเซิงผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่คนนั้นแต่อย่างใด เรื่องที่น่าผิดหวังคือ ที่แท้ในสายตาของคนรุ่นหลัง ตันฝูเซิงกับจวินเฉิงก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่มีความเกี่ยวข้องต่อกันเลย
ในพงศาวดารไม่มีบันทึกเกี่ยวกับตันฝูเซิง คนผู้นั้นจมดิ่งลงสู่กระแสธารแห่งประวัติศาสตร์ไปเนิ่นนานแล้ว ไม่มีผู้ใดจดจำได้นอกจากตัวเขาเอง
เริ่นตงหลิวเบิกเปลือกตาขึ้น เมื่อสังเกตเห็นว่าสีหน้าของตันหวายไร้ซึ่งความบ้าคลั่งเช่นก่อนหน้านี้แล้วก็ค่อยเบาใจลงบ้าง
นั่งขัดสมาธิกับพื้นด้วยความรู้สึกสับสน ตันหวายคืนหนังสือให้กับเริ่นตงหลิวด้วยอารมณ์หม่นหมอง พลางหงุดหงิดตัวเองว่าทำไมตอนนั้นถึงได้นั่งไม่ติดที่ ถ้าหากเริ่นตงหลิวถามขึ้นมา เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะอธิบายอย่างไร
เริ่นตงหลิวไม่ได้ถามอะไรตันหวาย แต่กลับเติมให้เขาใหม่จนเต็มแก้วในทันที “อยากดื่มเหล้าไม่ใช่หรือ เอ้าดื่ม” ระหว่างพูดตนเองก็รินเหล้าดื่มเอง
ตันหวายรู้สึกใจฝ่อ ก่อนหยิบแก้วขึ้นมาดื่มเหล้าจนเกลี้ยงประหนึ่งอำพรางไว้
ตันหวายได้รู้เป็นครั้งแรกว่าเริ่นตงหลิวดื่มเหล้าเก่งขนาดนี้ เขาดื่มไปแค่ไม่กี่แก้ว ครึ่งไหก็ลงไปอยู่ในท้องของเริ่นตงหลิวหมดแล้ว
แบบนี้ก็ดี ตันหวายคิดในใจ รีบเมาเร็วๆ เขาจะได้ปฏิบัติการภารกิจลับซะที จะกอดจูบลูบคลำอะไรก็ยิ่งสะดวกมากขึ้น
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเริ่นตงหลิวเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาหรี่ปรือ ทว่ามือก็ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด รินให้ตัวเองแก้วแล้วแก้วเล่า
เอื้อมมือไปโบกปัดตรงหน้าเริ่นตงหลิว ตันหวายพบว่าเขาเมาแล้วจริงๆ ดวงตาเริ่มเลื่อนลอยไม่รู้สติแล้ว
“ถ้าคุณง่วงแล้ว จะงีบหลับสักหน่อยไหม?” ตันหวายกล่าวกับเริ่นตงหลิวเสียงแผ่วเบา
ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะฟังตันหวายพูดรู้เรื่องหรือเปล่า เริ่นตงหลิวเงยหน้าขึ้นชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะฟุบหลับลงไปบนโต๊ะ
ตันหวายผ่อนลมหายใจ จ้องมองเริ่นตงหลิวอย่างสับสนว้าวุ่น ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี
ถ้าไม่อย่างนั้น จูบทีหนึ่งก่อนแล้วกัน ขั้นตอนถัดไปเดี๋ยวคงจะจัดการง่ายเอง
(ติ๊ดๆๆ ระบบ H3883 ขอแจ้งเตือนท่าน จูงมือต้องประสานสิบนิ้ว จุมพิตต้องปากประกบกัน โอบกอดต้องประคองรอบเอว)
ตันหวาย ‘…ระบบ ตกลงว่าภารกิจนี้เกี่ยวข้องกับการก้าวสู่จุดสูงสุดของชีวิตเขาอย่างไรไม่ทราบ?’
แต่ตันหวายขี้เกียจจะถามเต็มที จะให้ทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ขาดทุน
แต่ว่า เขาต้องถามให้แน่ใจก่อน
เดินไปอยู่ตรงหน้าเริ่นตงหลิวอย่างไร้สุ้มเสียง ตันหวายนั่งชันเข่าพลางตบหน้าเริ่นตงหลิวเบาๆ กล่าวแนบชิดกับใบหูของเขาว่า “นี่ เริ่นตงหลิว ตกลงว่าตอนนี้คุณเป็นโสดอยู่หรือเปล่า?”
ตันหวายถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก พอนึกถึงซีหร่านที่ปรากฏตัวอยู่ในห้องเริ่นตงหลิวกลางดึกคืนนั้น หัวใจเขาก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
เริ่นตงหลิวฟังไม่ชัด ลืมตาอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย จ้องมองตันหวายด้วยสีหน้างุนงง
“ผมถามว่าคุณเป็นโสดหรือเปล่า!” ตันหวายเสียงดังยิ่งกว่าเดิม ให้ความรู้สึกเหมือนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ลางๆ
คราวนี้เริ่นตงหลิวได้ยินชัดเจนแล้ว หลังจากตั้งสติอยู่หลายวินาที ก็ค่อยส่ายศีรษะอย่างเชื่องช้า แล้วจึงมุดหัวเข้ามาคลอเคลียในอ้อมแขนของตันหวาย กล่าวพึมพำว่า “ไม่มี”
ลมหายใจของเริ่นตงหลิวเป่ารดบริเวณต้นคอของตันหวาย ทำเอาตันหวายผิวกายลุกเกรียวกราวไปตามๆ กัน
ตันหวายถูกเริ่นตงหลิวคลอเคลียจนหน้าแดงทำตัวไม่ถูก หากไม่ใช่เพราะเขาเห็นเริ่นตงหลิวดื่มเหล้าหนักขนาดนั้นกับตา เขาคงต้องคิดว่าคนคนนี้ตั้งใจทำแน่ๆ
เริ่นตงหลิวไม่รับรู้ถึงความลำบากใจของตันหวายโดยสิ้นเชิง ยังคงคลอเคลียคล้ายจะตั้งใจไม่ตั้งใจอยู่แถวหน้าอกของตันหวาย เหมือนกับอ้อมอกตันหวายซ่อนของอะไรน่าอร่อยเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
ตันหวายกะพริบตาปริบๆ พลางสูดหายใจเข้าลึก ยื่นนิ้วมือไปหยิกใบหน้าของเริ่นตงหลิวยกขึ้น ก่อนกล่าวอย่างเขินอายว่า “ภาพลวงตา ทั้งหมดนี้เป็นภาพลวงตา ได้ยินไหม?”
เริ่นตงหลิวปรือตาผงกหัว ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงเขาได้ยินหรือเปล่า ไม่ว่าได้ยินหรือไม่ได้ยิน โยนความผิดให้ว่าเมาเหล้าก็จบเรื่องแล้ว
ตันหวายครุ่นคิดชั่งใจ พอเห็นใบหน้ากับริมฝีปากแดงเปล่งปลั่งด้วยฤทธิ์เหล้าของเริ่นตงหลิว ก็จิตใจเตลิดเปิดเปิงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ตอนที่ 49 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (18)
ชั่วพริบตาที่ริมฝีปากประกบกัน หัวใจของตันหวายพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาเกิดมายี่สิบกว่าปี ก็เคยจูบแค่จวินเฉิงกับเริ่นตงหลิว อีกทั้งสองคนนี้ยังเป็นคนคนเดียวกัน
ถ้าบอกว่าแต่ก่อนเขายังสงสัยอยู่บ้างนิดหน่อย เช่นนั้นตอนนี้ก็เชื่อมั่นอย่างหมดหัวใจ เพราะว่ายามที่คุณชอบใครสักคน ทุกการกระทำอันแนบสนิทชิดใกล้ล้วนสามารถกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณจดจำเข้าได้
ริมฝีปากตันหวายถูกดูดดุนจนเริ่มจะชา โพรงปากถูกเรียวลิ้นรุกล้ำพื้นที่ จูบที่หนักหน่วงดุดันเช่นนี้ทำให้เขาตื่นตระหนก
แกร๊ก
ประตูห้องอาหารส่วนตัวถูกเปิดออก ตันหวายสะดุ้งหวังจะผลักเริ่นตงหลิวออกไป คิดไม่ถึงว่าไม่เพียงผลักไม่ไป แต่ยังถูกกอดรัดแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เริ่นตงหลิวรวบประคองเอวของตันหวายไว้อย่างแนบแน่น ไม่ยอมให้เขาผละห่างจากตนแม้สักนิดเดียว
คุณผู้หญิงเฉินที่หน้าประตูเห็นคนทั้งสองนัวเนียกันอยู่ก็อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนปิดประตูลงอย่างงงงัน ส่วนตนเองก็ถอยกลับออกไป
ตันหวาย “…”
หน้าล่ะ ทำไมคุณมองไม่เห็นหน้าผม!
เมื่อเห็นว่าไม้กลายเป็นเรือ ตันหวายก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ก่อนเอื้อมไปรวบจับมือของเริ่นตงหลิวที่กอดเอวตนเอาไว้ นิ้วมือสอดประสานเข้ากับซอกนิ้วของเริ่นตงหลิวอย่างไม่ยอมให้ปฏิเสธ
เริ่นตงหลิวหยุดชะงัก จากนั้นก็จูบอย่างดุเดือดยิ่งกว่าเดิม
(ขอแสดงความยินดีกับท่านเจ้าของร่าง ภารกิจลับสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์สองร้อยแต้ม)
คำพูดของระบบปรากฏขึ้นในสมองอันพร่าเลือนของตันหวาย ตันหวายผ่อนลมหายใจ ยิ่งมึนเมามากกว่าเดิม
สัมผัสได้ว่าร่างลอยหวิวขึ้นกลางอากาศ ตันหวายตกใจ เมื่อมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าได้ชัดเจนแล้วก็อึ้งหนักเข้าไปใหญ่ ตนกลับถูกภรรยาของตัวเองอุ้มไว้ในท่าเจ้าหญิง
ด้านหลังฉากกั้นในห้องอาหารส่วนตัวมีเตียงเล็กสำหรับนอนเล่นพักผ่อนได้ เริ่นตงหลิววางตันหวายลงบนเตียง ส่วนตนเองมุดหัวเข้ามานอนหลับอยู่ข้างกายตันหวาย
ตอนแรกตันหวายที่ยังตื่นตระหนกนิดหน่อยตะลึงงันไป จากนั้นจึงค่อยผ่อนลมหายใจ สัมผัสเมื่อครู่นี้ยังไงก็รู้สึกแปลกๆ โชคดีที่เริ่นตงหลิวผล็อยหลับไปแล้ว
ตอนเช้าตรู่ ตันหวายถูกกลิ่นอาหารหอมฉุยปลุกให้ตื่น ก่อนผุดกายลุกขึ้นนั่งบนเตียง ตันหวายยืดตัวบิดขี้เกียจ รู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่ดูแปลกตาเล็กน้อย พอหันหน้าไปก็มองเห็นเริ่นตงหลิวนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเล็ก ตันหวายตกตะลึง พลันนึกถึงวีรกรรมที่ตนก่อไว้เมื่อคืนขึ้นมาได้
ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันนิ่งเงียบ ในที่สุดตันหวายก็เอ่ยปากพูดก่อน
“คือว่า…เมื่อวานผมดื่มหนักไปหน่อย เผลอเมาอาละวาดหรือเปล่าครับ?” ตันหวายใจฝ่อ “ผมคอไม่ค่อยแข็งสักเท่าไหร่”
เริ่นตงหลิวจ้องมองตันหวายอย่างลึกล้ำ เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงกล่าวโทษอย่างเต็มเปี่ยม “เมื่อวานคุณบังคับผมจูบ”
???
“คุณบังคับผมกอดด้วย”
ตันหวายนิ่งอึ้ง ทำไมเขาถึงจำได้แม่นขนาดนี้!
“คุณยังมาลักหลับผมอีก”
เดี๋ยวก่อน! อันนี้เหมือนจะไม่ตรงกับในความทรงจำนิดหน่อยนะ!
ไม่จริง!
ตันหวายเบิกตาค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ กล่าวเสียงสั่นเครือว่า “ผมไม่มีทางทำ—”
พูดไปได้ครึ่งเดียว ตันหวายก็หยุดเงียบลง หรือว่าเมื่อคืนนี้หลังจากหลับไปแล้วเกิดอาการเมาค้าง เขาเลยจับเริ่นตงหลิวทำ…
พอเหลือบมองเริ่นตงหลิวที่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก ตันหวายก็ใจฝ่อหนักยิ่งกว่าเดิม ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ ในฐานะที่ตนอยู่ข้างบน ไม่รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอเนี่ย?” คุณผู้หญิงเฉินยกน้ำแกงชามหนึ่งเข้ามา พอมองเห็นตันหวายก็เผยรอยยิ้มเป็นเชิงว่าฉันเข้าใจดี คุณคงลำบากแย่เลยจริงๆ
“ไม่ลำบากครับไม่ลำบาก ยินดีรับใช้ประชาชน” ตันหวายหลุดปากกล่าวอย่างเหนียมอาย หลังจากพูดจบก็รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย
ทั้งสองคนที่อยู่ในห้องต่างพากันมองมาทางเขา สายตาดูไม่เป็นมิตรกับเขาสักเท่าไหร่นัก
ตอนนี้ตันหวายอยากถามตัวเองเหลือเกินว่าไม่กี่วินาทีก่อนตนบ้าไปแล้วหรือเปล่า ทำไมถึงพูดอะไรบ้าบอแบบนี้ออกไปนะ!
คุณผู้หญิงเฉินดูออกว่าตันหวายกระอักกระอ่วนใจ จึงวางน้ำแกงลงอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถอยฉากออกไป
มองไปทางเริ่นตงหลิวอย่างไร้เดียงสา ตันหวายกะพริบตาปริบ บอกเป็นนัยว่าตนไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ
เริ่นตงหลิวหลุบตาลง หยิบตะเกียบบนโต๊ะคีบอาหารเรียกน้ำย่อยกินคำหนึ่งแล้วกล่าว “กินข้าวเถอะ”
ตันหวายเดินอืดอาดไปนั่งลงข้างโต๊ะ ก่อนเงยหน้าขึ้นกล่าวอย่างหนักแน่น “ผมจะรับผิดชอบคุณเอง”
เริ่นตงหลิว ‘…เจ้านี่ท่าจะติ๊งต๊องซะล่ะมั้ง’