ตันหวายถูมือไปมาไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี เขานั่งอยู่ในศาลาหลังเล็กที่ไม่รู้จักชื่อภายในวัง คิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้น่าจะมีน้ำชาสักกาหนึ่ง แบบนี้ไม่เพียงสามารถขจัดความหนาวจากร่างกาย แต่ยังสามารถปกปิดความประหม่าตอนเขาเจอจวินเฉิงได้อีกด้วย
เขานึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะได้พบกับจวินเฉิงที่นี่ อีกฝ่ายเพียงแค่ตบบ่าเขาเบาๆ ก็ทำให้เขาแทบอยากปิดหน้าวิ่งหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอดอย่างทำอะไรไม่ถูก
ก่อนหน้าที่เขาจะมายังโลกใบนี้ พอเห็นไป๋เยว่ทีไรเป็นต้องเสียอาการทุกที ไม่นึกว่ามาถึงที่นี่แล้วบังเอิญพบจวินเฉิงที่หน้าตาเหมือนไป๋เยว่ทุกระเบียดนิ้ว เขาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม สง่างดงามอย่างเสียอาการ
“บังเอิญดีแท้” ตันหวายเอ่ยขึ้น
จวินเฉิงผงกศีรษะ “ช่างบังเอิญยิ่งนัก”
จันทร์เพ็ญคล้อยลงทางทิศตะวันตก สายลมอ่อนโชยกลิ่นหอมของดอกไม้มาปะทะใบหน้า คนทั้งสองนั่งหันหน้าเข้าหากันโดยไม่รู้จะกล่าวอะไร
เนิ่นนาน ตันหวายจึงค่อยถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว “ท่านหลับตาลงได้หรือไม่?”
“อะไรหรือ?” จวินเฉิงนึกว่าตนฟังผิดไป
ตันหวายกำหมัดเบาๆ ก่อนรวบรวมความกล้ากล่าวอีกครั้ง “ท่านหลับตาลงได้หรือไม่?”
จวินเฉิงนัยน์ตาประกายวูบไหว จ้องมองตันหวายไม่เอ่ยวาจา บรรยากาศชวนอึดอัดแผ่ปกคลุมระหว่างคนทั้งคู่ จู่ๆ ตันหวายก็นึกเสียใจขึ้นมาที่กล่าวคำพูดงี่เง่าเช่นนั้นออกไป
“ได้”
ตันหวายเงยหน้าขวับขึ้นมองจวินเฉิงอย่างคาดคิดไม่ถึง
จวินเฉิงคลี่ยิ้มให้เขา ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง
บนดวงตาของจวินเฉิงมีไฝจุดเล็กๆ อยู่ระหว่างรอยพับของเปลือกตาทั้งคู่ เหมือนกับไป๋เยว่ไม่มีผิดเพี้ยน ไฝเล็กนี้ยามลืมตาจะมองไม่เห็น ต้องหลับตาลงก่อนเท่านั้นถึงจะมองเห็นได้
ตันหวายพบว่าไป๋เยว่มีไฝเม็ดเล็กก็เพราะเหตุบังเอิญ แรกเริ่มเดิมทีเขาแค่คิดว่าไฝเม็ดเล็กนี้อยู่ในบริเวณที่ค่อนข้างพิเศษ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเห็นข้อความตอนหนึ่งบนแอพเวยป๋อว่า ยามอวี้เยาว์วัย พักตร์งามดุจหยก เพียงมีไฝดวงเล็กอยู่หว่างกลาง เบิกเนตรกลับซ่อนเร้น หลุบเนตรจึ่งปรากฏ เช่อกล่าวหยอกอวี้ว่า ‘อวี้ (หยก) ใช่ไร้ตำหนิ? อวี้ใช่มีตำหนิ?’ อวี้หลุบนัยน์ตอบว่า ‘ยามยลเจ้ากลับไร้ ยามมิยลกลับมี’
นี่เป็นบทสนทนาระหว่างสหายเช่อและอวี้ ผู้แต่งคือผู้มีใจรักในศิลปวรรณคดีนามว่าไป๋ฮว่ากับหงซย๋า และนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ตันหวายก็ค้นพบจุดที่โรแมนติกของไฝเม็ดเล็กนี้ ยามลืมตาขึ้น มองเห็นคนในดวงใจ ตำหนิเพียงเล็กน้อยนั้นบนร่างกายก็ดูเหมือนว่าจะไม่สำคัญอะไรอีก ตันหวายคิดว่าการถูกจ้องมองด้วยดวงตาคู่นี้ คงจะเป็นเรื่องที่โชคดียิ่งนัก
แพขนตาที่อยู่ห่างเพียงคืบกระพือไหว ก่อนจะยกขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นนัยน์ตาที่ซ่อนไว้ภายใต้
“ไป๋เยว่…”
“ไป๋เยว่?” จวินเฉิงงุนงง “ไป๋เยว่อะไรหรือ?”
คำพูดของจวินเฉิงเรียกสติตันหวายทันทีทันใด เขาไม่ใช่ไป๋เยว่ เขาคือจวินเฉิง คนยุคโบราณที่หน้าตาเหมือนกับไป๋เยว่ไม่มีผิดเพี้ยน
จวินเฉิง “จริงสิ ข้า…”
(ท่านเจ้าของร่าง) ระบบกระเด้งขึ้นมากล่าวคำพูด (เมื่อสักครู่ได้รับข้อมูลจากศูนย์บัญชาการ ภารกิจกำหนดเวลาให้สามเดือน ท่านมีเวลาสามเดือนเพื่อบรรลุปณิธานการแก้แค้นของเจ้าของร่างเดิม)
ตันหวายเลิกคิดถึงไป๋เยว่ในทันที ยังไม่ทันได้ถามจวินเฉิงว่าตกลงมีอะไรจะพูด ก็ทิ้งจวินเฉิงไว้ทั้งอย่างนั้นแล้ววิ่งไปทางตำหนักเย็น วิ่งพลางล้มพลางกล่าวว่า “คุณล้อเล่นอะไรอยู่เนี่ย! สามเดือน! พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ! ไม่อยากให้ผมอยู่ต่อก็พูดออกมาเลย!”
(ท่านเจ้าของร่าง โปรดใจเย็นลงก่อน…)
“ใจเย็นกับผีสิ!” ตันหวายตัดบทมันอย่างหยาบคาย “เหอจินหมิงเป็นใคร? ฮ่องเต้! ต่อให้ผมประจบประแจงซีหนานอ๋อง แต่สามเดือนจะไปทำอะไรได้? ให้ลากเขาลงมาจากบัลลังก์หรือโค่นล้มการปกครองของเขาดีล่ะ?”
(ท่านเจ้าของร่าง ท่านต้องมีความเชื่อมั่น ซีหนานอ๋องฝีมือไม่ใช่เล่นเลย)
ตันหวาย “???” เชื่อเอ็งก็บ้าแล้ว!
“ต่อให้ซีหนานอ๋องเก่งกาจแค่ไหน ผมเปิดทางให้เขาเข้าหาแล้ว คุณไม่คิดว่าสามเดือนมันไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยเหรอ?”
ระบบเองก็อับจนหนทาง (เวลาดังกล่าวเราวิเคราะห์จากข้อมูลสถิติ ท่านอาจจะยังไม่ชำนาญงานจึงรู้สึกว่ายาก ที่จริงแล้วภารกิจนี้นับว่าค่อนข้างง่าย ท่านลองไปอีกสักสองสามโลกก็จะทราบเอง)
“…” เขาปฏิเสธได้ด้วยหรือไง!
ปิดประตูห้องเก็บฟืนเสียงดังปัง ตันหวายขบคิดใคร่ครวญมาตลอดทาง ถือเสียว่ายอมรับชะตากรรมก็แล้วกัน ไม่ยอมรับก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ยังหนุ่มยังแน่น ไม่อยากตายเลยสักนิดเดียว!
พอนึกถึงจวินเฉิงที่ถูกเขาทิ้งไว้ในศาลา ตันหวายก็รู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย จึงถามขึ้นว่า “ดูสิทีคุณจะพูดอะไรก็โผล่มาบอกในหัวผมได้เลย งั้นคราวหน้าคุณก็ดูว่าตอนผมอยากพูดอะไรกับคุณ แค่คิดขึ้นมาคุณก็รู้เลยหรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นพอเจอเหตุการณ์ฉุกละหุก ผมคงได้แต่ทิ้งคนอื่นเขากลางคันแล้ววิ่งหนีทุกทีน่ะสิ”
ระบบกล่าวตอบอย่างเด็ดขาด ไม่ได้! แถมยังพูดเสียสวยหรูว่าเพื่อประโยชน์ของท่านเจ้าของร่างเอง
(ความคิดของท่านเจ้าของร่างเป็นเรื่องส่วนตัว หากท่านคิดอะไรแล้วเราทราบหมด นั่นจะไม่ทำให้ท่านทุกข์ใจหรอกหรือ?)
เอาล่ะ เหตุผลนี้หนักแน่นเหลือเกิน ตันหวายยอมแพ้แล้ว เทียบกับตนไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย ยุ่งยากสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร เจ้าระบบนี่เป็นปีศาจที่ชอบทรมานผู้คนจริงๆ
(จริงสิท่านเจ้าของร่าง จากการตรวจสอบโดยระบบ ระดับความประทับใจที่ซีหนานอ๋องมีต่อท่านคือสี่สิบเปอร์เซ็นต์ การปฏิวัติยังไม่สำเร็จ มิตรสหายยังต้องพยายามตีสนิท)
ตันหวายกลอกตา ในที่สุดก็ค้นพบประโยชน์อันน้อยนิดจากระบบสักที