ชีวิตความเป็นอยู่หลังตันหวายกลับถึงวังหลวงยังนับว่าสงบราบรื่น ราวกับเขาถูกลืมเลือนไปในฉับพลัน สามวันแล้ว จวินเฉิงยังไม่เคยแวะมาหาเขาเลย
“ระบบ ตรวจสอบค่าความประทับใจของจวินเฉิงต่อผมหน่อย” ตันหวายกอดแมวกล่าวอย่างเหงาหงอย
(จากการตรวจสอบระบบ ค่าความประทับใจของจวินเฉิงต่อตัวท่านคือแปดสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ ท่านเจ้าของร่างโปรดพยายามต่อไป)
ค่าความประทับใจยังสูงถึงขนาดนี้เชียวหรือ? ตันหวายแปลกใจเล็กน้อย
ตันหวายลูบขนแมว กล่าวโพล่งขึ้นมาว่า “นี่ระบบ คุณพูดจาทางการซะขนาดนี้ คงไม่ได้เป็นพวกปัญญาประดิษฐ์หรอกนะ”
ระบบนิ่งเงียบไปสักครู่ (ไม่ใช่ เรามีความคิดเป็นของตัวเอง วิธีการสื่อสารเป็นเพียงกฎเกณฑ์ที่เรากำหนดขึ้น)
“โอ้?” ตันหวายชักเริ่มสนใจ “พวกคุณมีความคิดด้วย?”
(เจ้าของร่างที่ปฏิบัติภารกิจล้มเหลวจะกลายเป็นระบบ ดูแลเจ้าของร่างอื่นขณะปฏิบัติภารกิจ)
ตันหวายนิ่งอึ้ง แมวในอ้อมแขนเกือบจะร่วงออกมาจากอ้อมแขนเขา
เขาถามตะกุกตะกักว่า “ไม่…ไม่สำเร็จ…จะกลายเป็นระบบ”
(ถูกต้อง)
ตันหวายเม้มริมฝีปาก ไม่ได้กล่าวอะไรอีก
(ท่านเจ้าของร่าง ข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจลับบันทึกเสร็จสมบูรณ์แล้ว ท่านเจ้าของร่างโปรดตรวจสอบโดยเร็ว)
ตันหวายส่งเสียงอืมอย่างฝืดๆ “ตรวจสอบตอนนี้เลยแล้วกัน”
ที่แท้ระบบภารกิจลับก็เหมือนการสั่งสมค่าประสบการณ์ ระบบจะได้รับค่าประสบการณ์แตกต่างกันไปตามแต่ละภารกิจลับเพื่อนำมาแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของชนิดต่างๆ ในร้านค้าแลกแต้ม สิ่งของแต่ละอย่าง ก็ต้องการค่าประสบการณ์แตกต่างกัน อย่างเช่นความสามารถเยียวยาบาดแผลขั้นพื้นฐานที่สุดต้องการค่าประสบการณ์เพียงสิบแต้ม แต่การกลับสู่โลกความจริงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงกลับต้องการค่าประสบการณ์หนึ่งพันแต้ม
ตันหวายลูบคาง มองค่าประสบการณ์ที่ตนมีอยู่เพียงหนึ่งร้อยแต้มอย่างไม่แยแส
สำรวจหาสิ่งของที่สามารถแลกเปลี่ยนในร้านค้าได้อีกที ตันหวายก็เหลือบไปเห็นกู่[1]แม่ลูกที่วางไว้ชั้นล่างสุด ด้านบนเขียนแนะนำว่า กู่ชนิดนี้สามารถควบคุมจิตใจคน ไม่ว่าผู้ใดเปิดใช้กู่ลูกล้วนต้องจำนนต่อผู้ถือกู่แม่โดยไร้เงื่อนไข เจ้าของร่างทุกท่านสามารถแลกเปลี่ยนได้เพียงหนึ่งครั้ง
ของเล่นชิ้นนี้ไม่แน่ว่าอาจมีประโยชน์ก็ได้ ตันหวายหรี่ตา
___________
ตอนที่ตันหวายหาตัวเหอหรูกู้พบ เหอหรูกู้กำลังฝึกวิชากระบี่อยู่ในสวนหย่อม ท่วงท่ารำกระบี่ของเหอหรูกู้งดงามยิ่งนัก ดังบทกวีในภาพเทพธิดาแห่งลำน้ำลั่วที่ว่า ปราดเปรียวโปร่งบางดั่งนางหงส์ เยื้องกรายองค์ดุจมังกรซอนสายสินธุ์ ส่วนเพลงกระบี่เป็นอย่างไรนั้น…ตันหวายเองก็เข้าไม่ถึง
ไม่รู้เหมือนกันว่ายามจวินเฉิงรำกระบี่จะเป็นแบบไหน คงจะน่าดูชมยิ่งกว่าเหอหรูกู้อีกเป็นแน่ ตันหวายคิด
กระบี่ยาวประกายปลาบ เกือบจะฟันโดนหน้าของตันหวาย ก่อนจะพาดจ่อที่ลำคอของตันหวายอย่างช้าๆ
เหอหรูกู้มองเขาด้วยสีหน้าเย็นยะเยียบ ก่อนชักกระบี่ในมือกลับไป เอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “เจ้ามาทำอะไร?”
“ข้า…”
จู่ๆ ประตูก็ถูกผลักเปิดออก จวินเฉิงยืนอยู่หน้าประตูจ้องมองตันหวายอย่างไม่ละสายตา ตันหวายพลันนึกคำพูดอะไรไม่ออก เขายืนอยู่ข้างนอกโดยไม่รู้จะทำตัวอย่างไร สมองเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
จวินเฉิงผินหน้า ขมวดคิ้วมองเหอหรูกู้กล่าวว่า “กระบี่ฝึกเสร็จแล้ว? ถึงได้หยุดพักทั้งอย่างนี้ ทำต่อไป ฝึกอีกสิบรอบ”
“ขอรับ!” เหอหรูกู้กุมหมัดคารวะ ปรายตามองตันหวายแวบหนึ่ง ไม่ได้กล่าวอะไรอีก ก่อนตวัดกระบี่ในมือขึ้นร่ายรำอีกครั้ง
ตันหวายจิตตก จวินเฉิงยังโกรธอยู่จริงๆ ด้วย กระทั่งสนทนาพาทีกับเขาก็ยังคร้านจะคุย ถูกแล้วล่ะ ถ้าหากเป็นเขา เขาก็คงโกรธเหมือนกัน
“เข้ามาสิ”
ตันหวายเงยหน้าขวับขึ้นมา มองแผ่นหลังของจวินเฉิงอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย แล้วจึงวิ่งตึกตักเข้าไปในเรือน ตันหวายถูไม้ถูมือพลางคลี่รอยยิ้มกว้าง
จวินเฉิงเบิกเปลือกตาขึ้น มองดูสีหน้าของตันหวายจนเต็มตา ทว่าไม่กล่าววาจาใดๆ
ตันหวายถูมือไปมา ออดอ้อนพลางกล่าวอย่างน้อยใจ “เหอจินหมิงหยุดส่งคนมาสอดแนมข้าตั้งนานแล้ว ท่านไม่มาหาข้า ข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าจะติดต่อท่านอย่างไร เลยต้องมาเสี่ยงดวงเอาที่นี่ ตอนนี้ดูเหมือนว่าโชคยังพอเข้าข้างข้าอยู่”
จวินเฉิงไม่ออกความเห็น ผลักชาจอกหนึ่งไปให้เขาพลางถาม “เหตุใดถึงปฏิเสธ?”
ตันหวายตกตะลึงลนลาน รีบรับชามาจิบคำเล็กๆ แล้วกล่าว “ข้า…ข้าคิดว่าอยู่ในวังสะดวกมากกว่า ทั้งสามารถช่วยพวกท่านตี…ตีขนาบนอกในได้”
ฝ่ามืองามดุจหยกกำแน่น จวินเฉิงลุกพรวดขึ้นมา คว้าบีบปลายคางของตันหวายแล้วกล่าวอย่างเดือดดาล “ตีขนาบนอกใน? ข้าต้องให้เจ้าช่วยตีขนาบนอกในด้วยรึ? กระทั่งสองปีเจ้าก็รอไม่ได้เชียวหรือ เจ้ารู้หรือไม่ ขอเพียงเจ้าพูดประโยคเดียว เจ้าก็สามารถหลุดพ้นจากวังหลวงกินคนนี่แล้ว หรือจะพูดว่า เจ้าหลอกข้ามาตั้งแต่แรก คนในดวงใจที่เจ้ารักใคร่ยังคงเป็นเหอจินหมิง?”
ตันหวายถูกจวินเฉิงบีบจนเจ็บปวด แต่กลับทนเจ็บพลางกุมมือจวินเฉิงเอาไว้ กล่าวอย่างจริงจังว่า “รอไม่ได้ อย่าว่าแต่สองปีเลย หนึ่งปีข้าก็รอไม่ได้”
ตันหวายจับมือของจวินเฉิงสอดประสานกับมือของตน กล่าวแผ่วเบา “ข้าจะลากเขาลงจากบัลลังก์ภายในสามเดือน เอาให้เขาไม่ได้ผุดได้เกิดอีก!”
——
[1] กู่ (蛊) คือสัตว์พิษร้ายแรงซึ่งได้จากการนำสัตว์พิษหลายชนิดมากักขังในภาชนะให้กัดกินกันเองจนเหลือรอดเพียงหนึ่งเดียว มักนำมาใช้ในกิจกรรมทางไสยศาสตร์