ตอนที่ 126 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 14)
ตันหวายติดนิสัยไม่ดีอย่างหนึ่ง เขาเกลียดเวลาคนที่เขาไม่ชอบหน้าตัดสายทิ้งใส่เขาเป็นที่สุด ฉะนั้นเขาจึงคิดว่าต้องชิงลงมือก่อน
ตันหวายวางสายโทรศัพท์แล้วอารมณ์ดียิ่งนัก หลังจากเล่นเกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดในมือถือไปอีกหลายตาจึงค่อยเตรียมตัวเข้านอน
ขณะหยิบมือถือขึ้นมาตั้งนาฬิกาปลุก ทันใดนั้นก็เห็นกงฉือส่งข้อความมาทางวีแชท
กง : [ราตรีสวัสดิ์ครับ]
ตันหวายยกยิ้ม จู่ๆ ก็รู้สึกอารมณ์ดียิ่งกว่าเดิม
hmy : [ราตรีสวัสดิ์นะ~]
(ท่านเจ้าของร่าง ตามหลักเกณฑ์ของนิยาย ดูจากความแตกต่างของน้ำเสียงเวลาท่านกับเขาส่งข้อความหากันก็ตัดสินฝ่ายรุกกับฝ่ายรับได้แล้ว)
ตันหวาย “เอ็งหุบปากไปซะ!”
ระบบแค่นเสียงเหอะๆ เป็นเชิงว่าตนขี้เกียจจะหนีให้พ้นเจ้าคนประสาทนี่เต็มที
ตันหวายหลับฝันดีตลอดทั้งคืน ก่อนจะถูกปลุกให้ตื่นด้วยกลิ่นอาหารเช้าหอมกรุ่นที่โชยมาเป็นระยะ
พอเดินลงมาจากบันไดก็มีอาหารเช้าวางรอไว้บนโต๊ะแล้ว ขนมปังปิ้งเสร็จใหม่ๆ คู่กับไข่ต้มยางมะตูมช่างดูน่ารับประทานยิ่งนัก
คุณแม่ฮั่วเห็นเขาลงมาก็รีบยกชามบะหมี่จากห้องครัวมาวางไว้ให้บนโต๊ะ
“อาหารเช้าจ้ะลูก”
ตันหวายตะลึงงัน พลันนึกขึ้นได้ว่าเจ้าของร่างเดิมติดนิสัยอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คืออาหารเช้าต้องเป็นอาหารจำพวกบะหมี่ ไม่เช่นนั้นจะกินไม่อิ่ม ภายหลังเจ้าของร่างเดิมแต่งงานกับเจี่ยงหลี ตนเองจึงยอมปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้กินบะหมี่เป็นอาหารเช้ามานานมากแล้ว
ตันหวายละเลียดกินบะหมี่ลงท้องจนหมด ก่อนเงยหน้าขึ้นแย้มยิ้ม “แม่ครับ ผมไปทำงานก่อนนะ”
“จ้ะ หมิงเยว่” คุณแม่ฮั่วชะโงกศีรษะออกมาจากห้องครัว “ถ้าลูกไม่สบายใจอะไรก็กลับมานะ พวกเราสกุลฮั่วเลี้ยงลูกไหวอยู่แล้ว”
ตันหวายหัวเราะ ก่อนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
วันนี้ตันหวายมีคาบสอนช่วงเช้าจึงมาถึงมหาวิทยาลัยก่อนเวลา ระหว่างคาบเรียนมีจิตสำนึกที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งเอาไว้คอยช่วยเหลือ เขาย่อมไม่จำเป็นต้องกังวล สิ่งเดียวที่ควรให้ความสนใจก็คือ คาบเรียนทฤษฎีอันน่าเบื่อหน่ายเสมอต้นเสมอปลายกลับมีคนร่วมฟังบรรยายเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง
คนคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นกงฉือเดือนคณะธรณีวิทยานั่นเอง
โดยหลักการแล้วนักเรียนดีเด่นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมและความสามารถเช่นกงฉือควรจะมีคนตามจีบมากมาย แต่น่าเสียดายที่กงฉือเป็นเบต้า ดังนั้นจึงมีคนตามจีบเขาไม่มากนัก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเบต้าเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าย่อมมีข้อยกเว้น อย่างเช่นตอนนี้ มีโอเมก้าเพศหญิงจากคณะแพทย์คนหนึ่งเดินเข้ามาชวนคุยตีสนิทกับเขา
“คุณกงสนใจเรียนวิชาแพทย์เหมือนกันเหรอคะ?”
กงฉือลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า เขาไม่ได้สนใจเรียนวิชาแพทย์ แต่กลับสนใจอาจารย์ผู้บรรยายเสียมากกว่า บวกลบคูณหารดูแล้วก็เหลือเพียงเหตุผลว่าสนใจเรียนวิชาแพทย์ อืม ไม่เลวทีเดียว
โอเมก้าหญิงตาเป็นประกาย ฉีกยิ้มกว้างกล่าวว่า “ถ้าคุณกงไม่เข้าใจตรงไหนถามฉันได้เลยนะคะ ฉันจะอธิบายให้ฟังเอง”
กงฉือเห็นตันหวายไม่ชายตามองก็ตอบเสียงเรียบนิ่ง “ไม่เป็นไรครับ” ต่อให้ไม่เข้าใจก็ยังมีคนรอติวเข้มให้เขา แถมยังติวได้เก่งมากเสียด้วย
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของกงฉือที่จ้องมองมาทางตนตลอดเวลา ตันหวายก็มุมปากกระตุก
บังเอิญว่าจิตสำนึกเจ้าของร่างเดิมยังควบคุมร่างกายอยู่ ในฐานะอาจารย์คนหนึ่ง สิ่งที่ทนไม่ได้มากที่สุดคือการไม่ตั้งใจเรียน
จิตสำนึกเจ้าของร่างเดิมสั่งการให้สาวเท้าเดินไปอยู่ตรงหน้ากงฉือโดยไม่นำพาการขัดขืนของตันหวาย ก่อนกล่าวเสียงเย็นว่า “นักศึกษา ไม่ทราบว่าบนหน้าผมมีตัวหนังสืออยู่หรือไง คุณถึงเอาแต่จ้องผมตลอดเวลา”
ตันหวายนิ่งทื่อไป เอามือกุมหน้าแทบอยากวิ่งชนกำแพงเสียให้รู้แล้วรู้รอด ช่วยใส่ใจความคิดเจ้าของร่างกันบ้างได้ไหม นายทำอย่างนี้ฉันก็ลำบากแย่สิไอ้น้องชาย
กงฉือตะลึงไปชั่วขณะเช่นกัน จากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา จ้องมองตันหวายพลางกล่าวอย่างจริงจังว่า “บนหน้าอาจารย์ไม่มีตัวหนังสือหรอกครับ แต่พอดีว่าอาจารย์หน้าตาน่ามอง”
รอยยิ้มของกงฉือมักจะทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น โดยเฉพาะรอยยิ้มที่เขามอบให้กับตันหวายในตอนนี้ ยิ่งเปรียบดั่งสายลมฤดูใบไม้ผลิหลอมละลายหิมะน้ำแข็ง โลมไล้หัวใจของผู้คนให้อ่อนระทวย
นักศึกษารอบข้างพากันส่งเสียงฮือฮาเบาๆ สายตาที่มองกงฉือเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
เขาเป็นเพียงคนเดียวที่กล้าปีนเกลียวอาจารย์!
ตันหวายถูกกงฉือหยอกจนหน้าแดง แต่เจ้าของร่างเดิมกลับไม่คิดเช่นนั้น เจ้าของร่างเดิมขมวดคิ้วมุ่น นึกอยากจะไล่ตะเพิดนักเรียนไร้มารยาทคนนี้ออกไปเสียให้พ้น
ทว่าตันหวายห้ามปรามเขาเอาไว้ทันเวลา พร้อมทั้งกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ว่า “ในเมื่อผมให้ความร่วมมือคุณเพื่อแก้แค้นและสืบหาความจริง ถ้าอย่างนั้นผมก็หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือกับความรักของผมด้วย”
“คุณก็รู้ว่าผมชอบเขา” ตันหวายยักไหล่ “ผมหวังว่าคุณจะเห็นแก่หน้าผมบ้างนะ”
เจ้าของร่างเดิมตอบรับแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปหน้าห้อง บรรยายหัวข้อที่ยังสอนไม่เสร็จต่อจนจบ
กงฉือขมวดคิ้ว จดจ้องร่างที่บรรยายอยู่หน้าห้องราวกับครุ่นคิดบางอย่าง เอาแต่สงสัยว่ามีตรงไหนไม่น่าสบอารมณ์
แน่นอนว่าการที่อาจารย์คนหนึ่งมีบุคลิกเวลาเข้าสอนกับเวลาส่วนตัวแตกต่างราวฟ้ากับเหวไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ในทางกลับกัน อาจารย์ส่วนใหญ่ต่างก็มีสองบุคลิกด้วยกันทั้งนั้น
หลังจากหมดคาบกงฉือยังไม่ยอมออกไป จนกระทั่งห้องเรียนเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนจึงค่อยเดินเข้าไปคุยกับตันหวาย “เมื่อกี้อาจารย์ฮั่วดุมากเลยครับ”
ตันหวายที่กำลังเก็บข้าวของพลันหยุดชะงัก ได้แต่เอ่ยขอโทษอย่างจนใจ “คุณคงเสียขวัญน่าดู แต่หวังว่าคุณมาคราวหน้าจะไม่ใจลอยอีกแล้วนะ อืม ถึงตอนนั้นผมอาจจะต้องทำโทษคุณอย่างเลี่ยงไม่ได้”
กงฉือพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ แต่สีหน้ามองอย่างไรก็เจือด้วยความน้อยอกน้อยใจอยู่ภายในนั้น
“เที่ยงนี้ให้ผมเลี้ยงข้าวไหม?” ตันหวายยอมแพ้
“ดีครับ ผมอยากทานปลาเปรี้ยวหวานที่ร้านข้างนอกมหาลัย” กงฉือยิ้มออกในทันที ความน้อยอกน้อยใจที่ปรากฏบนใบหน้าเมื่อสักครู่หายวับไปกับตา
ตันหวายมองกงฉือเปลี่ยนสีหน้าจนปากอ้าตาค้าง รู้สึกเหมือนว่าตนโดนหลอกเข้าให้แล้ว ยิ่งกว่านั้นคนตรงหน้าช่างดูเหมือนพวกหัวหน้าแก๊งหลอกต้มตุ๋นอะไรเทือกนั้น
น่าเสียดายที่กงฉือยิ้มใสซื่อเกินไป ตันหวายเลยจำใจต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อครู่นี้
ตอนที่ 127 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 15)
ด้านนอกมหาวิทยาลัยประจำมณฑลมีร้านอาหารมากมาย อาจเป็นเพราะคำนึงถึงปัญหาค่าขนมของบรรดานักศึกษา อาหารการกินแถวนี้จึงล้วนแต่ราคาย่อมเยา
กงฉือกินปลาเปรี้ยวหวานตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย แต่พออยากจะชวนคุยก็เกิดนิ่งตะลึงกะทันหัน
เงยหน้าขวับขึ้นมองตันหวายฝั่งตรงข้าม จริงดังคาด ตันหวายนั่งอยู่อีกฝั่งด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเหยเก
“อาจารย์…ฟีโรโมนของอาจารย์เป็นกลิ่นชาเขียวหรือครับ?” กงฉือเม้มริมฝีปาก
ตันหวายพยายามควบคุมร่างกายอันร้อนรุ่มพลางเริ่มค้นกระเป๋า แต่ควานหาในกระเป๋าข้างตัวจนทั่วแล้วก็ยังไม่เจอยากักเก็บกลิ่นแม้สักเข็มเดียว
ทันใดนั้นก็ฉุกนึกขึ้นได้ เมื่อเช้าตอนออกจากบ้านเขาวางยากักเก็บกลิ่นที่ตั้งใจจะพกมาไว้บนชั้นวางรองเท้า จากนั้นก็ลืมไปเสียสนิท น่าจะไม่ได้หยิบติดมือมาด้วย
ฟีโรโมนอันเข้มข้นไหลบ่าทะลักมาทางกงฉือ กงฉือพลันรู้สึกตัวว่า เนื่องจากสัญชาตญาณดิบของอัลฟ่า ตอนนี้เขาพร้อมจะกระโจนเข้าตะครุบโอเมก้าแสนหวานตรงหน้าเต็มทีแล้ว
ถูกต้อง อันที่จริงเขาเป็นอัลฟ่า เพราะว่าครอบครัวไม่อนุญาตให้เขาเรียนธรณีวิทยาหวังจะบังคับส่งเขาไปเรียนเมืองนอก เขาจึงหนีออกจากบ้านโดยไม่สนใครหน้าไหนทั้งสิ้น
ใช่แล้ว หนีออกจากบ้าน ทว่าครอบครัวของเขามีอิทธิพลกว้างขวาง หากต้องการหาใครสักคนย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย เขาถึงต้องไหว้วานคนมากมายกว่าจะได้ปลอมตัวเป็นเบต้าเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย
กลิ่นชาเขียวค่อยๆ คละเคล้ากับกลิ่นแอลกอฮอล์ ตันหวายที่สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนรางมองกงฉืออย่างตื่นตระหนก
กงฉือฝืนข่มกลั้นความทรมาน เอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ผม…กลิ่นมันแรงไปหน่อย ผมเลยเอาขวดเหล้ามาเปิด”
ประโยคนี้ตันหวายเข้าใจไปเองว่ากงฉือไม่ชอบกลิ่นชาเขียว สายตาพลันหม่นหมองลงด้วยความผิดหวังอย่างห้ามไม่ได้
สัญชาตญาณของอัลฟ่าทำให้กงฉือชิดใกล้ตันหวายมากขึ้นเรื่อยๆ ตันหวายได้กลิ่นกายของอัลฟ่าซึ่งเป็นกลิ่นแอลกอฮอล์อันรุนแรง
ความทรมานทำให้ตันหวายขาดสติยั้งคิดไปแล้ว ทำได้เพียงขยับประชิดคนข้างกายทีละนิดด้วยแรงขับจากฟีโรโมน
ข้างนอกห้องมีหลายคนสัมผัสได้ว่ามีโอเมก้าติดสัดอยู่ที่นี่ ทว่าในขณะเดียวกัน ที่นี่ยังมีอัลฟ่าที่ทรงพลังแข็งแกร่งอีกตนกำลังข่มขวัญพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้ามาก่อความวุ่นวาย
กงฉือก้มลงมองต่อมด้านหลังต้นคอของตันหวาย ดวงตาฉายแววลึกล้ำ แทบอยากจะกัดอวัยวะที่แผ่กลิ่นชาเขียวอย่างต่อเนื่องให้จมเขี้ยวเสียเดี๋ยวนั้น
ใช่แล้ว เพียงแค่กัดเข้าไปคนคนนี้ก็จะเป็นของเรา กงฉือครุ่นคิด
จ้องมองโอเมก้าแสนบอบบางที่ซบอยู่ในอ้อมกอดของตน ไม่มีอัลฟ่าตนไหนอดทนต่อความคิดที่รบกวนจิตใจเช่นนี้ได้
กงฉือโน้มหน้าลงช้าๆ ก่อนงับต่อมกลิ่นที่หลังต้นคอของตันหวายไว้ทันที เพราะว่าจุดอ่อนไหวที่สุดตกไปอยู่ในปากคนอื่น ตันหวายจึงขมวดคิ้วมุ่น ขยับกายตอบรับอย่างยากจะต้านทาน
แววตาของกงฉือลึกล้ำยิ่งขึ้น คมเขี้ยวที่ขบกัดต่อมกลิ่นค่อยๆ ออกแรงจนกระทั่งเจาะทะลุเป็นรู จากนั้นจึงค่อยๆ ถ่ายเทฟีโรโมนของตนเองเข้าไป
ระบบที่ตื่นตัวเต็มที่มองเห็นทุกอย่างผ่านดวงตาของตันหวาย สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง อะไรกันเนี่ย เบต้าตีตราจองโอเมก้าได้ด้วยหรือ?
ระบบใช้เวลาชั่วเสี้ยววินาทีไว้อาลัยให้กับเจ้าของร่างของตน ก่อนจะระเบิดหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง นี่มันพวกแสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือชัดๆ มันชักจะตั้งตารอชมสีหน้าตอนเจ้าของร่างของตนตื่นมาพบว่าตัวเองถูกตีตราไม่ไหวแล้ว ยิ่งตั้งตารอชมสีหน้าตอนเขารู้ว่าที่แท้คนรักของตัวเองดันเป็นอัลฟ่าอีกต่างหาก
ในขณะที่ถ่ายเทฟีโรโมน ตันหวายก็เริ่มสงบลงตามลำดับ เพียงแต่กลิ่นสุราปริมาณมหาศาลที่ตลบอบอวลอยู่ใกล้ปลายจมูกทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายนัก
กงฉือถอนเขี้ยวออกไป ค่อยๆ โอบกอดตันหวายแนบแน่นขึ้น ตนไม่ได้ตีตราจองเขาโดยถาวร แต่เป็นการตีตราจองเพียงชั่วคราว ผ่านไปสองสามวันตราประทับนี้ก็จะเลือนหายไปเอง
กงฉือเม้มริมฝีปาก สายตาที่จ้องมองตันหวายเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน พวกเขายังหัวใจไม่ตรงกัน และพวกเขายังมีอุปสรรคอีกมากมาย หากตนถือวิสาสะตีตราจองเขา ไม่แน่ว่าตันหวายอาจจะโกรธเกลียดเขาก็เป็นได้
แต่ทว่า เรื่องสำคัญเร่งด่วนก็คือจะอธิบายความจริงกับเขาว่าแท้จริงแล้วตนเป็นอัลฟ่าอย่างไรดี
กงฉือรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจ