Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 5

ตอนที่ 5

ตอนที่ 5 ถวายชีวิต

หลังเกิดเหตุระเบิด…

ฉินอวี่สบัดหัวเพื่อเรียกสติก่อนจะหันไปหาแมวเฒ่า “นายโอเคไหม?”

“โชคดีที่กลุ่มหัวหน้าการสามมาทันเวลา ไม่งั้นเราคงรับมือไม่ได้แน่…ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าหัวหน้าการสามและพวกจะกล้าหาญขนาดนี้…” แมวเฒ่าพูดด้วยความตื่นตระหนก

เมื่อเห็นว่าแมวเฒ่าไม่ได้รับบาดเจ็บฉินอวี่จึงลุกขึ้นสังเกตสถานการณ์โดยรอบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปหาลูกน้องของหัวหน้าการสามและกล่าวว่า “ส่งปืนมา”

ชายผู้นั้นหลบอยู่ใต้โต๊ะและมองมายังฉินอวี่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ส่งปืนมา!” ฉินอวี่กระซิบด้วยเสียงแข็ง

อีกฝ่ายรีบโยนปืนให้ฉินอวี่ทันทีก่อนจะหมอบลงใต้โต๊ะ

ปืนกระบอกนี้สลักข้อความว่า ‘A2911’ ซึ่งเป็นปืนดัดแปลงมาจาก ‘M1911’ แต่ถูกปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มความจุให้ใส่กระสุนได้เก้านัด และถูกสงวนไว้สำหรับตำรวจที่ทำงานแนวหน้าเท่านั้น

ฉินอวี่เคยเห็นปืนชนิดนี้จากนิตยสารและไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน ทว่าโครงสร้างและด้ามจับกลับให้ความรู้สึกคุ้นเคย…หลังจากตรวจสอบปืน เขาบรรจุกระสุนและปลดสลักอย่างชำนาญ

ฉินอวี่ค่อยๆ ยกปืนขึ้นพร้อมกับถอยหลังออกมาสองก้าวเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการโจมตี เขาใช้เพียงมือซ้ายในการค้ำยันไกปืน

ปัง ปัง ปัง!

เสียงปืนสามนัดดังขึ้น! ชายหนุ่มผู้ถือระเบิดทรุดลงกับพื้นและหัวของเขาเต็มไปด้วยรูพรุน

ฉินอวี่เลือกที่จะฆ่าเขาเพราะศัตรูที่มีอาวุธครบมือนั้นย่อมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องตัวเอง หากเมตตาต่อชายผู้นี้…คนอื่นๆ รวมถึงตัวเขาเองอาจเป็นอันตรายได้

หลังจากได้ยินเสียงปืน ฉินอวี่ก็หมอบลงทันที

ปัง ปัง ปัง!

อย่างที่คาดไว้ วิถีกระสุนของอีกฝ่ายพุ่งเข้าหาฉินอวี่ก่อนจะกระทบเข้ากับกำแพง จึงทำให้เขารับรู้ถึงตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามได้จากเสียงปืน ทันใดนั้น! ฉินอวี่พุ่งตัวออกมาและกระหน่ำยิงทันที ทว่าพวกอนารยธรรมกลับหลบได้ทัน

ชายอนารยธรรมทั้งสองดูเหมือนจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี หนึ่งในพวกเขาถีบหน้าต่างและหลบหนีไป ขณะที่อีกคนคอยคุ้มกันให้

สาเหตุที่คนเหล่านั้นหลบหนีออกทางหน้าต่างเนื่องจากไม่มีตำรวจคอยสกัดและเป็นช่องทางที่ปลอดภัย

เมื่อเป็นเช่นนั้น…ฉินอวี่ไม่ได้ไล่ตามคนเหล่านั้นแต่อย่างใด ทว่ากลับรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองทันที

ณ ชั้นหนึ่ง หัวหน้าการสามนั่งกุมบั้นท้าย ขณะมองไปยังฉินอวี่ที่กำลังสังหารเหล่าอนารยธรรมด้วยความตกใจ

“พระเจ้า…นั่นฉินอวี่จริงๆ เหรอ?!” แมวเฒ่าอุทานด้วยความตกใจขณะลุกจากจุดซ่อนตัว ก่อนจะหันไปหาหัวหน้าการสามและคนอื่นๆ พร้อมตะโกนว่า “นั่งเฉยกันอยู่ทำไม? ตามพวกมันไปสิ! ช่วยคุ้มกันฉินอวี่ด้วย!”

หัวหน้าการสามมองแมวเฒ่าด้วยสายตาโกรธเคือง เขารู้สึกว่าแมวเฒ่าเป็นคนที่เก่งแค่ออกคำสั่งเท่านั้น แต่กลับไม่มีความกล้าหาญเอาเสียเลย

ณ ชั้นสอง

ฉินอวี่รีบวิ่งไปยังหน้าต่างที่พวกอนารยธรรมหลบหนีและสังเกตเห็นว่าชายวัยกลางคนกำลังลากหญิงสาวข้ามถนนเข้าไปในซอยท่ามกลางตึกเก่าๆ

เขาครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตะโกนออกมาว่า “บ้าเอ๊ย! พวกมันไม่มีวิทยุสื่อสารใช่ไหมเนี่ย!? ถ้ามีแค่คนเดียวฉันรับมือได้!”

เคร๊ง!

ฉินอวี่เปิดหน้าต่างและกระโดดลงไปอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เท้าเตะพื้น ฉินอวี่วิ่งสุดพลังและพุ่งข้ามถนนไปยังชายผู้นั้นพร้อมยกปืนขึ้นเหนี่ยวไก่

ปัง ปัง!

เสียงปืนสองนัดดังขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงปืน ชายวัยกลางคนผู้นั้นรีบลากหญิงสาวเข้าไปในเงามืดทันที

“แกมาจากเขตพัฒนาไม่ใช่เหรอ?” ฉินอวี่ตะโกน

ชายวัยกลางคนผู้นั้นก้มมองปืนในมือของตนพลันตอบว่า “ใช่ ผู้คนมากมายต้องอดตายในเขตพัฒนา…เราหาอาหารได้จากเมืองนี้เท่านั้น…นายจับตาดูเราตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ฉันไม่ได้จับตาดูนาย…มันแค่เรื่องบังเอิญเห็น” ฉินอวี่ตอบอย่างตรงไปตรงมา

“ฟังนะ…ฉันมีทองอยู่ในกระเป๋า และมันจะเป็นของนายทันทีหากนายรับปากว่าจะปล่อยฉันไป” ชายวัยกลางคนผู้นั้นกล่าว

ฉินอวี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ฉันเข้าใจนายนะ ทว่าในฐานะตำรวจ ฉันไม่สามารถเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ได้ เก็บทองของนายไปและส่งผู้หญิงคนนั้นมา”

ชายผู้นั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า

“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้!” ฉินอวี่ตอบอย่างเด็ดขาด

“…โอเค ฉันจะปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป” ชายวัยกลางคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผลักหญิงสาวไปด้านหน้า “เดินช้าๆ นับหนึ่งถึงสามและรีบวิ่งทันที หากไม่ทำตามฉันจะยิงเธอ!”

ฉินอวี่เลียริมฝีปากขณะมองไปยังหญิงผู้นั้นอย่างตั้งใจและพูดว่า “มา!”

หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเดินไปข้างหน้า ทั่วทั้งตรอกที่เงียบสงบทำให้เสียงฝีเท้าของหล่อนดังอย่างน่าแปลกใจ

หญิงสาวเร่งฝีเท้า…

ฉินอวี่ชะงักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในตรอกและตะโกนว่า “เร็ว!”

หญิงสาวมองฉินอวี่ด้วยสายตากังวลพลันตะโกนด้วยความตกใจ “เขายังอยู่ตรงนั้น!”

ทันใดนั้น! ชายวัยกลางคนก็เดินออกมาจากเงามืดพลันเล็งปืนไปยังฉินอวี่

ปัง ปัง ปัง!

เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด หญิงสาวหมอบลงกับพื้นด้วยความตกใจพร้อมปิดหูและกรีดร้อง

ไม่นาน! ชายวัยกลางคนได้ทรุดลงกับพื้น

ฉินอวี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความระมัดระวังและเหนี่ยวไกใส่หัวชายอนารยธรรมผู้นั้นอีกสองนัด

“กรี๊ด!”

หญิงสาวปิดหูของเธอและกรีดร้อง

ฉินอวี่ถือปืนพลันเดินไปหาชายผู้นั้นพร้อมเตะไปที่หัวของผู้ร้าย นั่นก็เพื่อตรวจสอบว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ขณะเดียวกันก็พบว่าตนเองโดนยิงเข้าที่ไหล่ ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกล่าวว่า “ไอ้บ้าเอ๊ย! นายทำฉันหัวใจแทบวาย”

“จับมันได้หรือเปล่า?”

เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากทางเข้าตรอก

ฉินอวี่หันกลับมามองและเห็นหัวหน้าการสามยืนอยู่ใต้เสาไฟก่อนจะถามว่า “แมวเฒ่าและคนอื่นๆ อยู่ที่ไหน?”

“พวกเขากำลังไล่ตามจับผู้ร้ายคนอื่นที่หนีไปอีกทาง” หัวหน้าการสามถามพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “นายฆ่าเขาเลยเหรอ?”

ฉินอวี่มองไปยังหัวหน้าการสามพลันเดินไปหาเขาก่อนจะสำรวจสถานการณ์โดยรอบ พร้อมดึงหัวหน้าการสามเข้าไปในตรอก

“นายทำบ้าอะไรลงไป!” หัวหน้าการสามตะลึง

“แล้วจะให้ทำยังไง?” ฉินอวี่ถามด้วยหน้าตาเฉยเมย

หัวหน้าการสามตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจำได้ว่าเขามาที่ร้านแห่งนี้เพื่อจัดการกับฉินอวี่

“ก่อนหน้านี้นายพูดว่าตั้งใจมาหาฉัน มีเรื่องต้องสะสางงั้นเหรอ? พูดมาสิ!” ฉินอวี่หรี่ตาถาม

“นายพูดเรื่องอะไร?”

ฉินอวี่เอาปืนจ่อหัวหัวหน้าการสาม “ไอ้เวร! แกเคยไปเขตพัฒนามาก่อนไหม?! ผู้คนยอมสละชีวิตเพียงเพื่อแลกกับเศษอาหาร! พวกเขากล้าปล้นรถทหารโดยไม่เกรงกลัวความตาย! ฉันพยายามอย่างหนักเพื่อพาตัวเองออกจากนรกขุมนั้น! แล้วแกคิดว่าฉันดูเหมือนคนอ่อนหัดที่ต้องคอยเชื่อฟังงั้นเหรอ? ฮะ?”

หัวหน้าการสามตะลึง

ปัง!

เสียงปืนดังขึ้น! วิญญาณของหัวหน้าการสามแทบสลาย!

ไม่กี่วินาทีต่อ…มาหัวหน้าการสามทรุดตัวลงกับพื้น…หายใจไม่ออกพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง!

ฉินอวี่ทิ้งปืนลงบนร่างของหัวหน้าการสาม “เรายังต้องร่วมงานกันในอนาคต เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่งกับฉัน! อีกอย่างฉันไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าจะมือลั่นไปยิงใครอีก!”

จากนั้นฉินอวี่เดินไปหาหญิงสามพร้อมก้มศีรษะลง “คุณโชคดีมากที่ไม่ได้เจอกับพวกอนารยธรรมที่โหดเหี้ยมกว่านี้”

ครึ่งชั่วโมงถัดมา ณ โรงพยาบาลสังกัดสำนักงานตำรวจ

หัวหน้าการสามนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ทันใดนั้น! เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น เขากดรับสายทันที “ครับ ผู้หมวดหยวน”

“นายอยู่ไหน?” หยวนเค่อถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“โรงพยาบาลครับ”

“นายทำคดียิงกันที่ร้านอาหารหรือเปล่า?” หยวนเค่อถาม

“ครับ!” หัวหน้าการสามเริ่มคุยโม้ด้วยความตื่นเต้น “ผมกำลังลาดตระเวนไปตามถนนในย่านพี่รอง จู่ๆ ก็เจอเข้ากับผู้ร้ายกลุ่มนี้ ผมคิดว่าพวกมันมีอย่างผิดปกติจึงเขาไปตรวจสอบ ทว่าผู้ร้ายก็หยิบปืนออกมาและยิงผม! ผมรู้ทันทีว่าไอ้พวกนี้ไม่ธรรมดาจึงรวบรวมพี่น้องของเรามาเพื่อจัดการพวกมัน…”

“เราจับผู้ร้ายและหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดได้ ทว่าผู้ร้ายอีกสองคนหนีไปได้ครับ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเพราะทางเราได้ออกหมายจับแล้ว…”

“ฉันได้ยินมาว่าผู้ร้ายหลักชื่อมัตสึชิตะ…เคยก่อคดีฆาตกรรมมามากมายและเป็นคนที่ทางการต้องการตัวแต่หลบหนีได้มาสี่ปีแล้ว…พี่น้องของเราเก่งมากที่สามารถจับกุมเขาและปิดทุกคดีได้ในครั้งเดียว!”

“ผู้หมวดหยวน…คุณต้องได้รับคำชมจากผู้กำกับหลี่อย่างแน่นอน เพราะอาชญากรอย่างพวกมันซ่อนตัวเก่ง ตำรวจธรรมดาๆ ไม่มีความสามารถไม่มีทางจับตัวมันได้! ฉันเป็นตำรวจระดับสองมาสองปีแล้ว…คงจะได้เลื่อนตำแหน่งจากผลงานครั้งนี้แน่! ความสำเร็จนี้ถือเป็นเกียรติสำหรับหน่วยที่หนึ่งและสำนักงานตำรวจ!”

“…เกียรติยศเหรอ? ไอ้โง่!”

“ผู้หมวดหยวนด่าผมทำไม?”

“แม่ของแกกล้าคลอดลูกโง่ๆ แบบนี้ออกมาได้ยังไงกัน? ไอ้สวะ! แกน่าจะตายๆ ไปซะ…”

“?!” หัวหน้าการสามตกตะลึงกับคำพูดเหล่านี้

“มัตสึชิตะเป็นพวกอนารยธรรมที่พี่ชายของฉันจ้างมา! แผนการกำลังจะสำเร็จอยู่แล้วแต่นายดันแส่ไม่เข้าเรื่อง!” หยวนเค่อตะโกนด่าผ่านโทรศัพท์ “นายทำดีแต่มันไม่มีประโยชน์ห่าอะไรเลย!”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับผู้หมวด…ฟังผมอธิบายก่อน…” หัวหน้าการสามรีบอธิบายด้วยความกังวล “ที่ผมพูดมาทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องโม้…ความจริงคือ…ผมไปที่ร้านอาหารเพื่อจะหาเรื่องฉินอวี่ ทว่าบังเอิญไปเจอแมวเฒ่าที่นั้น…เขาบอกผมว่ามีคดี…”

“ตู๊ด ตู๊ด!”

หยวนเค่อวางสายโทรศัพท์ในทันที

……………………………………………………

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท