ตอนที่ 25 เอาตัวรอด
ภายในบ้านเลขที่แปดสิบแปด
หลังจากไอ้เสือวางสายไม่นาน โทรศัพท์ของฉินอวี่ก็ดังขึ้น เขามองหน้าจอและพบว่าเป็นเบอร์ของหยวนเค่อจึงรีบกดรับสายทันที
“สวัสดีครับผู้หมวดหยวน”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เอ่อ…ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายกับเรื่องเล็กน้อยครับ” ความเย่อหยิ่งที่ฉินอวี่แสดงออกก่อนหน้าหายไปในพริบตา แทนที่ด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน “สามคนที่อยู่บ้านผมตอนนี้เป็นเพื่อนผู้หมวดเหรอครับ?”
“จะเรียกว่าเป็นเพื่อนก็ได้” หยวนเค่อกล่าวตอบ “พวกเขารู้จักกับพี่ชายฉัน พอได้ยินว่านายเป็นคนในสำนักงาน ฉันก็เลยโทรมา”
“เป็นเรื่องเข้าใจผิดของผมเองครับ!” ฉินอวี่โกหกเสียงเรียบ เขารู้อยู่แล้วว่าหยวนเค่อกับไอเสือสนิทกันหลังจากได้ยินไอ้เสือคุยกับหลินเหนียนเล่ย
“แล้วนายไปมีเรื่องกับเขาได้ยังไง?”
“ผมไม่ได้ตั้งใจมีเรื่อง” ฉินอวี่เอาตัวรอดเก่งจึงพูดอธิบายอย่างชัดเจน “ผู้หญิงที่เพื่อนของผู้หมวดกำลังรุมทำร้ายคือคนที่เคยถูกลักพาตัวก่อนหน้านี้”
หยวนเค่อชะงักเมื่อได้ยิน “เคยถูกลักพาตัวเหรอ?”
“ใช่ครับ เธอเป็นนักข่าวที่ทำงานให้สถานีวิทยุออนไลน์ เช่าบ้านอยู่ละแวกเดียวกับผม ก่อนหน้านี้ผมได้ยินเสียงตะโกนและกรีดร้องจึงออกมาดู อย่างที่รู้กัน ดูเหมือนเธอจะมีเรื่องที่เราไม่รู้มาก่อน…ไม่อย่างนั้นผู้กำกับหลี่คงไม่เดินไปส่งเธอด้วยตัวเอง” ฉินอวี่อธิบายด้วยความระแวง
“อีกอย่าง…ในเมื่อปัญหาเกิดแล้ว จะให้ผมทำเมินก็ไม่ได้ เพราะถ้าเกิดเป็นเรื่อง ใหญ่กว่านี้อาจส่งผลต่อสำนักงานตำรวจ ผมจึงพยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อนผู้หมวดให้ปล่อยเธอ แต่นอกจากเขาจะไม่ฟังแล้ว ก็ยังชักมีดมาขู่อีกด้วย…ผมเลยต้องจัดการโดยไม่รู้มาก่อนว่าเป็นเพื่อนของผู้หมวดครับ…”
“นายรู้ไหมจริงๆ แล้วเธอเป็นใคร?” หยวนเค่อขมวดคิ้วถาม
“ไม่แน่ใจครับ” ฉินอวี่ส่ายหัวตอบ “ผมเห็นแค่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในสำนักสื่อและผู้กำกับหลี่ไปพบเธอเท่านั้น”
“อืม…นายสนิทกับเธอไหม?”
ฉินอวี่กล่าวโดยไม่ลังเล “ระดับหนึ่งครับ จะเรียกว่าเพื่อนก็ได้”
“คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างที่นายว่า…ขอสายเสือหน่อย ฉันจะคุยกับเขาให้เอง” หยวนเค่อกล่าวสั่ง “ช่วยบอกผู้หญิงคนนั้นด้วย…เสือไม่รู้ว่าเธอเป็นใครเลยทำเรื่องไม่ดีใส่ แล้วฉันจะพาทั้งสองไปเลี้ยงมื้อค่ำและปรับความเข้าใจเอง”
“ไม่มีปัญหาครับ…ผมจะบอกเธอให้”
“ตกลงตามนั้น…ให้ฉันคุยกับเสือที”
“สักครู่ครับ” ฉินอวี่ยื่นโทรศัพท์ให้ไอเสือ “ผู้หมวดจะคุยด้วย”
ไอเสือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยพลันคว้าโทรศัพท์จากฉินอวี่ เขาคุยกับหยวนเค่ออยู่ครู่หนึ่งก่อนวางสายด้วยสีหน้าหม่นหมอง
“ฮ่าๆ ดูเหมือนเราเป็นพวกเดียวกันแล้วสิ ถ้าบอกแต่แรกว่ารู้จักผู้หมวดหยวน ผมคงไม่หยาบคายกับคุณขนาดนี้” ฉินอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ไอเสือมองฉินอวี่อยู่ครู่หนึ่งพลันกล่าวอย่างหงุดหงิด “ยังไม่จบแค่นี้หรอก…ไอกระจอก”
“ขอโทษนะครับพี่เสือ อย่าขย้ำผมเลยนะครับลูกพี่” ฉินอวี่กล่าวพร้อมเยาะเย้ย
ไอเสือกัดฟันแน่นพลันโยนโทรศัพท์คืนให้กับฉินอวี่ก่อนกวักมือเรียกลูกน้องทั้งสอง “กลับได้แล้ว!”
จู้เหว่ยรับรู้ทุกอย่างแต่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงหันไปถามฉินอวี่ “นายจัดการเรื่องนี้ได้ยังไง? สนิทกับผู้หมวดหยวนเหรอ?”
“ฮ่าๆๆ ฉันดูสนิทเหรอ?” ฉินอวี่ถามกลับ
“ก็ผู้หมวดหยวนดูเกรงใจคนชื่อเสืออยู่ไม่น้อย แล้วนายดันไปทำร้ายเขา…แต่กลับจบด้วยการโทรครั้งเดียวเนี่ยนะ? ฉันคิดว่านายจะโดนฆ่าแล้วด้วยซ้ำ!” จู้เหว่ยรู้สึกสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ฉินอวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกระซิบกับจู้เหว่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรื่องนี้ฉันไม่เคยบอกใครเลยนะ หัวหน้าผู้บริหารของเขตปกครองพิเศษที่เก้าเป็นลุงของฉัน…”
“ไอ้ตอแหล! เหลวไหลทั้งเพ!” จู้เหว่ยกลอกตาอย่างไม่เชื่อ “มีอะไรจะบอกอีกไหม? ถ้าไม่มีฉันจะได้กลับ!”
“นายเหนื่อยมากแล้ว” ฉินอวี่กล่าวพลางตบไหล่จู้เหว่ยเบาๆ “กลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้บ่ายค่อยไปทำงาน”
“ดีที่ยังพอมีสำนึกอยู่บ้าง” จู้เหว่ยหัวเราะ “ฉันไปแล้วนะ”
“โชคดี”
“อืม…ขอบใจ”
หลังร่ำลากันเสร็จ จู้เหว่ยก็ออกจากบ้านเลขที่แปดแปดไป
บริเวณประตูทางเข้า หลินเหนียนเล่ยจัดเสื้อผ้ากับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงก่อนเดินไปหาฉินอวี่พร้อมกล่าว “ขอโทษนะคะ…ฉันก่อเรื่องให้คุณอีกแล้ว”
ฉินอวี่มองหลินเหนียนเล่ยอย่างสงสัยพลันกล่าวตอบ “ไม่เป็นไรครับ แต่ผมแค่อยากรู้…มีใครส่งคุณมาทดสอบผมหรือเปล่า? เจอกันเมื่อไรต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นทุกที”
หลินเหนียนเล่ยถอนหายใจพร้อมบ่น “ช่วงนี้ฉันคงดวงตกน่ะค่ะ…”
“เฮ้อ แล้วตกลงเรื่องคุณกับคนพวกนั้นเป็นมายังไง?” ฉินอวี่กล่าวถาม
หลินเหนียนเล่นมองฉินอวี่พลันกล่าวอย่างสุภาพ “เชิญข้างในดีกว่าค่ะ…ข้างนอกมันหนาว”
“โอเคครับ”
หลินเหนียนเล่ยเปิดประตูเชิญฉินอวี่เข้าบ้าน
ฉินอวี่มองสำรวจก่อนพบว่าบ้านนี้มีเค้าโครงเหมือนกับบ้านของตน แต่ด้วยความละเอียดอ่อนของผู้หญิงจึงทำให้บ้านดูสะอาดกว่า บรรยากาศด้านในอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ
“ดื่มอะไรหน่อยไหมคะ?”
“มีอย่างอื่นนอกจากน้ำเปล่าไหมครับ?” ฉินอวี่เอ่ยถาม
“เอ่อ…ไม่มีค่ะ”
“ทำตัวตามสบายเถอะครับ ไม่ต้องสุภาพมากก็ได้” ฉินอวี่หาเก้าอี้นั่งพร้อมกล่าว “แค่น้ำเปล่าก็พอครับ”
หลินเหนียนเล่ยถอดเสื้อโค้ตออกก่อนเทน้ำอุ่นใส่แก้ว จากนั้นจึงเริ่มอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า “ระหว่างการสัมภาษณ์และถ่ายทำเรื่องคนที่อาศัยอยู่ในสลัม ฉันดันไปได้ยินเรื่องคนขายยาเถื่อนเข้า ยิ่งขุดคุ้ยฉันยิ่งขยะแขยงกับสิ่งที่พวกนั้นทำ พวกมันเห็นเม็ดเงินมีค่ากว่าชีวิตคนอื่น ในฐานะนักข่าว…ฉันมีหน้าที่รายงานสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้ทุกคนได้รับรู้ ฉันเลยแอบถ่ายพวกมันมาสองสามภาพ จนเกิดเป็นเรื่องอย่างที่คุณเห็นค่ะ”
ฉินอวี่จิบน้ำก่อนถามอย่างตรงไปตรงมา “คุณไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยหรอกเหรอ?”
“…จะพูดแบบนั้นก็ได้ ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ?” หลินเหนียนเล่ยสงสัย
“ผมว่าคุณไปหาอย่างอื่นทำเถอะ ทำข่าวแบบนี้ไม่เจริญหรอก”
“นี่คุณ!” หลินเหนียนเล่ยตอบโต้ทันทีที่ได้ยิน “ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง?”
“แค่คุยเรื่อยเปื่อยคุณจะโวยวายทำไม? อย่างี่เง่าสิ” ฉินอวี่กลืนน้ำลงคอพลันลุกยืนพร้อมกล่าว “ผมไม่ควรยุ่งกับเรื่องส่วนตัวคุณ แต่ในฐานะเพื่อนบ้าน…ผมแนะนำให้ลบรูปพวกนั้นทิ้งและเปลี่ยนไปทำรายการอื่นที่เป็นเชิงบวกจะดีกว่า เพราะสิ่งที่คุณทำมันเปลี่ยนซ่งเจียงไม่ได้ รังแต่จะทำให้เกิดเรื่องอีกเปล่าๆ”
“ถ้ามีสื่อแต่ทำอะไรไม่ได้ จะมีไปทำไมกัน?” ดวงตากลมโตของหลินเหนียนเล่ยปริ่มน้ำขณะกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง…ซึ่งดูน่ารักไม่น้อย
“ไร้เดียงสาจริง…”
“คุณนั่นแหละที่ไร้เดียงสา!” หลินเหนียนเล่ยตะคอก “ตั้งแต่เข้ามาในบ้าน นี้คุณว่าฉันสองรอบแล้วนะ!”
“ผมกลับดีกว่า” ฉินอวี่เหนื่อยจะโน้มน้าวหลินเหนียนเล่ยจึงตัดสินใจกลับ
“คืนแก้วด้วยค่ะ”
ฉินอวี่วางแก้วพลันเอามือไพล่หลังและเดินออกจากห้องหลินเหนียนเล่ยด้วยท่าทีเคร่งขรึม
หลินเหนียนเล่ยบอกว่าพี่เสือขายยา…ฉะนั้นการที่พี่เสือและหยวนเค่อรู้จักกันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า?
ฉินอวี่รับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่างแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
…
ณ โรงพยาบาล
ไอ้เสือนั่งอยู่หน้าห้องตรวจพร้อมโทรศัพท์คุยกับหยวนเค่อ “ฉันไม่เข้าใจ…ไอ้นั่นก็เด็กโง่ๆ คนหนึ่ง ไม่ได้มีใครหนุนหลัง…นายจะปกป้องมันทำไม?”
…………………………………….