ตอนที่ 15 ยืดหยุ่นราวกับสปริง
ฉินอวี่ยกแขนขึ้นพร้อมเบี่ยงตัวหลบ
ผัวะ!
ฉินอวี่เหวี่ยงหมัดใส่ชายร่างใหญ่จนเขาเซถอยหลังไปสองก้าว ก่อนยกมือขึ้นเผยท่าทียอมแพ้ “อย่าทำให้เรื่องยุ่งยากไปกว่านี้เลยครับ คนมีอำนาจอย่างคุณอย่าลดตัวลงมายุ่งกับคนต่ำต้อยอย่างผมเลย”
หลังถูกชกจนเซ…ชายร่างใหญ่เบิกตากว้างเพราะความตกใจ “แกรู้วิธีป้องกันตัวดีหนิ!”
“ผมเป็นแค่ตำรวจชั้นผู้น้อย…” ฉินอวี่กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น ก่อนหันไปหาชายชราที่นั่งอยู่พร้อมวิงวอน “คุณหม่า…ผมไม่มีอำนาจในการตัดสินใจจริงๆ ครับ ปล่อยผมไปเถอะ…”
เฒ่าหม่ามองฉินอวี่พร้อมขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ปล่อยเขา”
ชายร่างใหญ่ค่อยๆ ถอยห่าง
“หากนายไม่สามารถตัดสอนใจเรื่องนี้ได้ก็บอกฉัยมาว่าคดีนี้ใครมีอำนาจสูงสุด?” เฒ่าหม่าถาม
เมื่อได้ยินคำถาม…ฉินอวี่จึงพูดอย่างตรงไปตรงมา “มันเป็นคำสั่งจากกองบัญชาการครับ พวกเขาต้องการให้สำนักงานเรากวาดล้างขบวนการค้ายาในตรอกเถ้าธุลี โดยมีผู้กำกับการตำรวจหลี่เป็นผู้บังคับบัญชา ส่งต่อคดีนี้ให้กับหน่วยที่หนึ่งจัดการ ซึ่งผู้หมวดหยวนเป็นคนสั่งให้ผมสะสางคดีให้เสร็จโดยเร็วที่สุดครับ”
ทุกคนผงะเมื่อได้ยินคำตอบของฉินอวี่ เขาไม่เพียงแค่พยายามปกป้องผู้บังคับชาเท่านั้น ทว่ายังปกป้องตนเองด้วย
เมื่อเห็นว่าทุกคนตกตะลึง ฉินอวี่จึงสบโอกาสกล่าวเสริมอย่างรวดเร็ว “คุณหม่าครับ…มันจะไม่มีปัญหาเลยหากจ่ายเงินใต้โต๊ะให้ผู้บังคับบัญชาและโน้มน้าวให้พวกเขาปล่อยเรื่องนี้ไป ผมจะแก้ไขทุกอย่างและปล่อยตัวคนของคุณทันที”
“หึ! นายรู้ตัวดีว่าต้องอยู่ข้างใคร!” เฒ่าหม่ามองฉินอวี่ด้วยแววตาเป็นประกาย
ฉินอวี่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ผมเป็นเพียงตำรวจชั้นผู้น้อย แค่ต้องเอาตัวรอดไปวันๆ ก็ยากพอแล้ว…ผมจะกล้าทำให้ใครขุ่นเคืองใจได้ยังไงครับ?”
เฒ่าหม่าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนโบกมือ “ปล่อยเขาไป”
“หัวหน้า!” ชายร่างใหญ่ตะโกน ขณะเข้าไปขวางฉินอวี่พร้อมมีดในมือ
“ปล่อยเขา!” เฒ่าหม่าย้ำอีกครั้ง
ชายฉกรรจ์จ้องมองฉีหลินก่อนหลีกทาง
“ไม่ต้องเป็นห่วง…ถึงผมไม่สามารถปล่อยตัวคนของคุณได้ ทว่าพวกเขาก็อยู่ภายใต้การดูแลของผม…ดังนั้นผมจะดูแลพวกเขาเป็นการตอบแทน” ฉินอวี่กล่าว
เฒ่าหม่าตกใจกับคำพูดนี้อยู่ชั่วครู่ก่อนตอบด้วยรอยยิ้ม “รบกวนด้วย!”
“ยินดีครับ!” ฉินอวี่พยักหน้าก่อนเดินจากไป
…
ภายในตรอก
ชายร่างใหญ่ก้าวไปด้านหน้าพร้อมบ่นพึมพำ “ไอ้นั่นอ่อนหัดเกินไป ผมไม่คิดว่ามันจะพูดความจริง และไม่คิดว่ามันจะช่วยเราด้วย!”
เฒ่าหม่าจุดบุหรี่พลางส่ายหัว “เขาไม่ได้อ่อนหัด…เขาเจ้าเล่ห์ต่างหาก”
ชายร่างใหญ่ผงะเล็กน้อย
“คนอ่อนแอมักจนปัญญาเมื่อโดนกดดัน” เฒ่าหม่ากล่าวพลางสูบบุหรี่ “นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? เขาพยายามจะสื่อบางอย่างให้เราคิด!”
“สื่อบางอย่าง?” ชายร่างใหญ่งุนงง
“เขาบอกว่าตนเองไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของหยวนเค่อและผู้กำกับการหลี่” เฒ่าหม่ากล่าว “เขาแค่ทำตามหน้าที่และไม่อยากโทษผู้บังคับบัญชาเสียทีเดียว…ทว่ามันเองก็พร้อมจะหักหลังหยวนเค่อโดยไม่ลังเล!”
“นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ภักดีกับหยวนเค่ออย่างนั้นเหรอ?” ชายร่างใหญ่พึมพำพร้อมครุ่นคิด “และถ้าหยวนเค่อเลื่อนยศให้เขา นั่นหมายความว่า…”
“ถูกต้อง!” เฒ่าหม่าพูดแทรก “การกวาดล้างผู้ลักลอบค้ายาอย่างกะทันหันของเจ้าหน้าที่คนนั้นอาจเกี่ยวข้องกับยาระลอกใหม่ที่กำลังเข้าสู่ตลาด เมื่อก่อนหน้ามีเพียงเราที่ผูกขาดยาเถื่อน ทว่าตอนนี้เรามีคู่แข่งเพิ่ม…ดังนั้นสาเหตุของการปราบปรามก็คือการกำจัดคู่แข่งทางการค้าอย่างไรล่ะ!”
“แล้วเราจะทำอย่างไร?”
“ไม่มีประโยชน์ถ้าเราจะให้ฉินอวี่จัดการเรื่องนี้” เฒ่าหม่ากล่าว “อย่างแรกต้องหาสาเหตุในการปราบปรามเสียก่อน ถึงจะรู้ว่าควรช่วยดามินและหม่าเหลาเอ๋ออย่างไร!”
…
หลังหนีออกมาจากตรอก ฉินอวี่ก็รีบไปยังสำนักงานโดยเร็วที่สุด!
สิ่งที่เฒ่าหม่าวิเคราะห์นั้นถูกต้อง ฉินอวี่ไม่ต้องการหักหลังใคร มันเป็นการดีที่หยวนเค่อสั่งให้เขาจัดการคดีนี้ ทว่าเมื่อเกิดปัญหา…หยวนเค่อก็ต้องเป็นคนจัดการ!
ฉินอวี่กำลังดิ้นรนสร้างตัวในเขตพิเศษที่เก้า ดังนั้นเขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ตัดสินอะไรได้
เมื่อถึงสำนักงานตำรวจ สิ่งแรกที่ฉินอวี่ทำคือตามหาหยวนเค่อและเล่าเรื่องทั้งหมด นั่นก็เพราะเขาต้องการเห็นปฏิกิริยาของหยวนเค่อ
หยวนเค่อตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “สองสามวันนี้นายต้องระวังตัวให้ดี อย่าเพิ่งปะทะ ฉันจะจัดการเรื่องนี้เองไม่ต้องกังวล…สองถึงสามวันต่อจากนี้ฉันจะให้ตำรวจที่หน่วยทำการกวาดล้างกลุ่มคนลักลอบค้ายาและของเถื่อน! คนพวกนั้นจะได้รู้ว่าปัญหามันเกิดจากฉันคนเดียว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอวี่คลายความกังขาที่มีต่อหยวนเค่อทันที เขารู้สึกถึงความจริงใจในคำพูด และการที่หยวนเค่อเต็มใจรับผิดชอบนั้นหมายความว่าเขาเป็นผู้บังคับที่พึ่งพาได้
เมื่อคุยกับหยวนเค่อเสร็จ…ฉินอวี่มุ่งหน้าไปยังห้องสอบสวนเพื่อพบกับดามินและหม่าเหลาเอ๋อ เขาต้องการข้อมูลลับเพื่อจับกุมเหล่าผู้มีอิทธิพล
…
เวลาผ่านไปกว่าหกชั่วโมง หม่าเหลาเอ๋อและดามิยังคงปิดปากเงียบและไม่ยอมให้ความร่วมมือ
และแล้วความอดทนของจาบีได้หมดลง เขาลากผู้ต้องหาทั้งสองคนไปยังห้องที่ไม่มีกล้องวงจรปิด และเริ่มใช้วิธีป่าเถื่อนเพื่อบังคับให้ทั้งสองยอมให้การ…ไม่ว่าจะถูกทุบตีอย่างโหดเหี้ยมแค่ไหน พวกเขาก็ไม่ยอมปริปาก
ฉินอวี่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากสอบสวนลูกน้องของหม่าเหลาเอ๋อเพื่อรวบรวมเบาะแส แม้ไม่รู้ว่าข้อมูลที่ได้มานั้นจริงหรือเท็จก็ตาม
ภายในห้องสืบสวน
ฉินอวี่สูบบุหรี่ไฟฟ้าพลางมองไปที่ลูกน้องของหม่าเหลาเอ๋อ “บอกข้อมูลมา! เราจะช่วยได้ยังไงในเมื่อพวกนายไม่ปริปากพูดอะไรเลย?!”
หนึ่งในลูกน้องของหม่าเหลาเอ๋อก้มหน้าพลางตอบ “ไม่ใช่ว่าไม่อยากพูด แต่พวกเราไม่รู้จริงๆ! พวกเขาอาจย้ายของกลางไปซ่อนไว้ที่อื่นแล้วก็ได้! ดังนั้นข้อมูลที่ฉันรู้มามันจึงไร้ประโยชน์!”
“นายไม่รู้เหรอว่าจาบีโหดเหี้ยมแค่ไหน!” ฉินอวี่ลุกขึ้นพลางตอบอย่างเหลืออด “ช่างเถอะ! ฉันไม่อยากรู้แล้ว…ให้จาบีสั่งสั่งสอนพวกนายตามสบาย!”
“ยะ…อย่าทำเลย! ขอร้องล่ะ! ให้เวลาฉัน!”
“คิดเร็วๆ สิ! ฉันหิว! จะออกไปกินข้าว!” ฉินอวี่ตะคอกพร้อมเดินไปนั่งบนเก้าอี้
ชายผู้นั้นครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนตบหัวตนเอง “คิดออกแล้ว!”
“อะไร?!” ฉินอวี่ถาม
“ก่อนพวกเราถูกจับ หม่าเหลาเอ๋อคุยโทรศัพท์กับคู่ค้าว่าจะนัดส่งของที่ซ่งเจียงในไม่กี่วันนี้!” ดวงตาของชายผู้นั้นเปล่งประกาย
ฉินอวี่เบิกตาโพลงด้วยความตื่นเต้น “แน่ใจนะ?!”
…
ณ ชุมชนสลัมในเมืองซ่งเจียง
ชายรูปลักษณ์มอมแมมถือโทรศัพท์แนบหูพลางกล่าว “ข่าวรั่วหรือยัง? ผมเพิ่งรับของมาและต้องจัดการให้เร็วที่สุด”
ที่ปลายสาย…
เฒ่าหม่าครุ่นคิดชั่วขณะก่อนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “มาคุยรายละเอียดกันก่อน”
………………………………….