ตอนที่ 35 โชคชะตาบีบบังคับ
ท่ามกลางความเร่งรีบ
แมวเฒ่าลงจากรถพลางตรวจดูความเสียหายก่อนพบว่ามีหิมะหนาหลายชั้นเคลือบล้อหลังฝั่งขวาอยู่
“ทำไมต้องมีปัญหาตอนรีบทุกครั้งเลยวะ!”
แมวเฒ่าตะคอกอย่างหัวเสียขณะควานหาไฟฉายในรถ เขานั่งลงส่องดูล้อที่ถูกหิมะห่อหนาจนไม่ติดพื้น
เมื่อสำรวจอย่างถี่ถ้วนแล้ว แมวเฒ่าก็รีบไปท้ายรถพลางดึงลวดที่ล็อกล้ออะไหล่ออกสุดกำลัง ใช้เวลาสักพัก กว่าจะสามารถแกะมันออกได้ ถึงกระนั้น…ด้วยสภาพอากาศอันหนาวเย็นทำให้ล้ออะไหล่ถูกแช่แข็ง เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีดันจนกว่ามันจะหลุด
“เอี๊ยด…เอี๊ยด!”
เสียงเสียดสีขณะดันล้อสะท้อนไปทั่วบริเวณ หลังขย่มอยู่นาน…ในที่สุดล้ออะไหล่ก็หลุด แต่ตะขอสามเหลี่ยมที่ยึดล้อกับโซ่ไว้กลับฟาดเข้าต้นขาแมวเฒ่าจนเกิดแผลลึกยาว เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดเต็มพื้น!
แมวเฒ่ากัดฟันมองแผลที่ต้นขาอย่างอดทน ด้วยไม่อยากเสียเวลา เขาจึงรีบเปลี่ยนล้ออะไหล่ทันทีก่อนจะกลับขึ้นรถ
“พระพุทธเจ้า พระแม่มารี พระเยซู…พระอะไรก็ได้ช่วยลูกด้วย ขอให้ไปได้ทีเถอะ!” แมวเฒ่าบ่นอย่างกระวนกระวาย เขาสูดหายใจพลันปล่อยคลัตช์พร้อมเหยียบคันเร่ง
“ไปเลยลูกพ่อ!”
แมวเฒ่าตะโกนลั่นและเหยียบคันเร่ง
“บรืน!”
เครื่องยนต์แผดเสียงลั่นและกระตุกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนตัวออกหลังไม่มีหิมะเกาะล้อแล้ว
แมวเฒ่าหมุนพวงมาลัยจนได้องศาพลางเหยียบคันเร่งอีกครั้งเพื่อเร่งความเร็วยานพาหนะ
…
บริเวณนอกเมือง ฉีหลินหยุดวิ่งพลางหายใจหอบเหนื่อย เขาล้วงโทรศัพท์ต่อสายหาแมวเฒ่า
“เฮ้ นายถึงไหนแล้ว?”
“รถฉันแม่งติดหิมะ เพิ่งจัดการเสร็จเมื่อกี้ กำลังจะเข้าเขตเมืองแล้ว” แมวเฒ่าบ่น
ฉีหลินชะงัก เขาเร่งแมวเฒ่าอย่างกระวนกระวายด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “รีบหน่อย นายต้องรีบไปที่สถานีรถไฟให้เร็วที่สุด!”
“รู้แล้วๆ”
“ฉันก็กำลังรีบไป ไว้ค่อยคุยกัน”
“เออ”
หลังวางสาย ฉีหลินก็รีบมุ่งหน้าไปสถานีรถไฟสายเหนือทันที
…
ยี่สิบนาทีต่อมา
“เอี๊ยด!”
รถแมวเฒ่าเบรกอย่างแรงเมื่อมาถึงสถานีรถไฟสายเหนือ เขาลงจากรถล็อกประตูก่อนออกตามหาสองแม่ลูกทั้งที่ขายังเต็มไปด้วยเลือด
“ฉียู่…ฉียู่…”
หลังมองหาสักพักไม่เจอ แมวเฒ่าจึงเริ่มตะโกนเรียก
ตรงโถงทางเดินใต้ดิน หญิงชราเดินขึ้นบันไดมาอย่างทุลักทุเลก่อนตะโกนตอบรับแมวเฒ่า “ทางนี้!”
แมวเฒ่าหันมองต้นเสียงทันทีก่อนจะพบว่าเป็นแม่ของฉีหลิน เขารีบวิ่งไปด้วยสีหน้าเป็นมิตร “คุณน้าเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? แล้วฉียู่อยู่ไหน?”
“เธอก็รอคุณอยู่…ไม่เห็นเธอเหรอ?” หญิงชราตอบกลับ
แมวเฒ่าตกตะลึง “ไม่เห็นครับ”
“ฉันเดินเยอะไม่ได้ ฉียู่เลยอาสาออกมารอ…” หญิงชราเริ่มกระวนกระวายเมื่อรู้ว่าลูกสาวหายตัวไป “รีบตามหาเธอเร็ว!”
“ครับ คุณน้าใจเย็นก่อน ผมจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้!” แมวเฒ่ารีบกลับไปที่ลานกว้างแต่ไม่พบวี่แววของฉียู่
บริเวณนั้นมีร้านอาหารเล็กๆ อยู่ แมวเฒ่าจึงรีบเข้าไปถามอย่างร้อนรน “พี่ชายเห็นเด็กตาบอดอายุประมาณสิบสียืนอยู่แถวนี้บ้างไหม?”
เจ้าของร้านเงยหน้ามอง เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าสวมเครื่องแบบตำรวจก็รีบตอบกลับทันที “เห็นครับ ก่อนหน้านี้มีรถสองคันมารับเธอไป”
แมวเฒ่าตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน “นานรึยัง?”
“น่าจะประมาณห้านาทีได้แล้วครับ”
“พวกมันเอาเด็กไปโดยไม่พูดอะไรเลยเหรอ?”
“ไม่นะครับ มีผู้ชายสี่คนลงมาจากรถแล้วอุ้มเธอไปเลย”
“ฉิบหาย! แล้วทำไมมึงไม่ไปช่วย?!” แมวเฒ่าด่าอย่างหัวเสีย
เจ้าของร้านกลอกตาก่อนจะตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วใครจะไปรู้วะว่ามันทำอะไรกัน? อีกอย่างมันไม่ได้เกี่ยวกับฉัน จะไปไหนก็ไป! คนจะทำมาหากิน!”
หัวใจแมวเฒ่าตกไปอยู่ตาตุ่มพร้อมกับจ้องหน้าเจ้าของร้านอย่างสิ้นหวัง
…
ในเมือง
ฉีหลินหยุดรถทันทีที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง
เขาสูดหายใจลึกก่อนจะกดรับสาย “สวัสดีครับ?”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเสียงที่คุ้นหูจะตอบกลับมาว่า “หึ! ฉันแค่พักไปสองวัน ไม่คิดเลยว่าสำนักงานตำรวจจะมีเรื่องเกิดขึ้นเยอะขนาดนี้ ฉันเกือบจะไปหาแกที่สำนักงานแล้วเชียว…ถ้าไม่รู้เรื่องนี้เข้าซะก่อน”
ฉีหลินจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของไอ้เสือ
“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ?” ไอ้เสือถามเสียงแข็ง “คนอย่างแกไปไหนไม่รอดหรอก มาที่ตรอกเถ้าธุลีเดี๋ยวนี้…น้องสาวแกรออยู่”
ทั้งร่างของฉีหลินชาไปชั่วขณะเมื่อได้ยิน
“ให้เวลาสองชั่วโมง ถ้าไม่เอาสิ่งนั้นมา…ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของเธอ” ไอ้เสือหัวเราะเยาะ “แล้วเจอกันไอ้น้อง”
…
ด้านในสำนักงานตำรวจ
หยวนเค่อบอกกับปลายสายว่า “เป้าหมายหลักคือข้อมูลติดต่อพ่อค้ายารายใหญ่ บอกพี่เสือว่าอย่าทำอะไรเกินเลย”
“ฉันไม่เข้าใจ…หมอนั่นเป็นคนในสำนักงานแท้ๆ ปล่อยให้มันหลุดมือไปได้ไง? มีลูกไก่อยู่ในกำมือแล้วยังทำพลาดอีก!” คนปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหลืออด “ของในคลังเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่รีบจัดการคู่แข่งแล้วชาติไหนจะได้ปล่อย!”
“พี่…สำนักงานตำรวจไม่ได้เป็นของผมคนเดียว ยังมีตาเฒ่าหลี่เจ้าเล่ห์นั่นอยู่ ผมพยายามดึงมาเข้าร่วมทีมหลายครั้งแล้ว…แต่มันก็เอาแต่เสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง! แล้วถ้าจะให้ผมพูดอะไรมากกว่านี้ เดี๋ยวก็ดูเจตนาชัดเจนเกินไปอีก หรือไม่มันก็อาจจะขัดขวางทางเราไปเลยก็ได้นะ” หยวนเค่อขมวดคิ้วพลางตอบกลับ
“ในเมื่อไอ้แก่หลี่มันเลือกเดินคนละทางกับเรา ฉันจะหาโอกาสจัดการมันเอง!”
“จัดการกับผีน่ะสิ! พี่คิดจะเก็บใครก็เก็บงั้นเหรอ?” หยวนเค่อตะคอกด้วยความโมโห “ตอนนี้มันตำแหน่งสูงสุดในสำนักงาน! พี่จะจัดการทั้งที่ยังไม่มีเรื่องเนี่ยนะ? เสียสติไปแล้วรึไง?!”
“ปล่อยไอ้ตำรวจนั่นให้เสือจัดการ ส่วนนายค่อยตามไปแล้วกัน”
หยวนเค่อนิ่งเงียบจนปลายสายตัดไปเอง
…
ระหว่างขับรถไปตามถนนคลื่นทมิฬ ฉีหลินต่อสายหาแมวเฒ่าด้วยความกังวล
“ฉันมาถึงแล้ว แต่หาน้องสาวนายไม่เจอ ไอ้คนขายของแถวนี้บอกว่ามีรถสองคันมา…” แมวเฒ่ากำลังจะอธิบายสถานการณ์ให้ฟังอย่างร้อนรน
“เธอถูกจับตัวไป” ฉีหลินพูดขัดแมวเฒ่าด้วยเสียงเรียบ
แมวเฒ่าตกตะลึง
“ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วย”
“ว่ามาเลย” แมวเฒ่ารีบตอบกลับ
“นายช่วยไปสอดแนมหยวนเค่อให้ฉันที…” ฉีหลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แมวเฒ่าเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจก่อนถามว่า “คิดจะทำอะไรกันแน่วะ? ทำไมฉันต้องไปสอดแนมเขาด้วย?”
“…ตอนนี้เหมือนฉันกำลังยืนอยู่ปลายหน้าผาที่มีคนมากมายกำลังผลักไสให้ฉันตกลงเหว จนตอนนี้ฉันหมดหนทางยืนอยู่ปากเหวแล้ว… ได้! ถ้านี่เป็นโชคชะตา…ฉันก็จะยอมรับและโดดลงไปเอง อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะรอดไหม?!” ฉีหลินกำหมัดแน่น “ถ้านายยังเห็นว่าฉันเป็นเพื่อน ช่วยฉันเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ”
“ใจเย็นก่อน ถ้าเกิดมันไม่สำเร็จล่ะ…”
“แมวเฒ่า…นายยังจะให้ฉันใจเย็นอีกเหรอ? ที่ผ่านมามีใครเห็นหัวฉันบ้าง? ถ้ามีทางอื่นจริง…ฉันคงไม่เลือกโดดลงเหวหรอก!” ฉีหลินเริ่มสติแตก “ถ้านายไม่ช่วย…ฉันจะไปเผชิญหน้ากับหยวนเค่อเอง!”
…
ห้าทุ่ม
ณ ถนนศักราชใหม่ที่เจ็ดสิบห้าของเขตพื้นทมิฬ บนชั้นสองของบ้านสามชั้น มีชายอ้วนกับเพื่อนอีกสองคนกำลังกินชาบูหม้อไฟกันอย่างเอร็ดอร่อย
ขณะเดียวกันที่ชั้นแรก ชายคนหนึ่งเปิดประตูกระจกเข้าไป ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยหิมะที่ฝ่ามา
………………………………….