Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 41

ตอนที่ 41

ตอนที่ 41 อำนาจตระกูลหม่า

หยวนเค่อคิดอยู่แล้วว่าอาจได้เผชิญหน้ากับแมวเฒ่า แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือเขาไม่คิดว่าฉินอวี่จะร่วมมือกับเฒ่าหม่าด้วย

หมายความว่ายังไงกัน?

แสดงว่าฉินอวี่เลือกที่จะเป็นปฏิปักษ์!

หยวนยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้จึงโกรธแค้นอย่างมาก เขาคิดว่าพอให้โอกาสแล้วจะสามารถหลอกใช้ฉินอวี่ได้ แต่ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะถูกหักหลัง!

“เล่นอะไรของแกฉินอวี่?”

สถานการณ์ฝั่งหยวนเค่อเริ่มลำบาก…เขาต้องสูญเสียคนในความดูแลของตนเอง อีกทั้งยังไม่สามารถแย่งชิงช่องทางการค้าของคู่แข่งมาได้อีก…ด้วยเหตุนี้เขาจึงควบคุมสติไม่ได้ จนเผยท่าทีร้อนรนออกมา

“ผู้หมวดหยวน…ออกไปคุยกันข้างนอกสักเดี๋ยวไหม?” ฉินอวี่ถามด้วยรอยยิ้ม

“คิดจะเกลี้ยกล่อมฉันหรือไง? ไม่ต้อง! เปลืองนำลายเปล่า ยังไงฉันก็จะพาไอ้ฉีหลินกลับไปด้วยให้ได้!” หยวนเค่อสะบัดมือด้วยความหงุดหงิด

ฉินอวี่ยกมือห้ามแมวเฒ่าไม่ให้ระเบิดอารมณ์ออกมา ก่อนจะหันกลับไปมองหยวนเค่อพร้อมพูดเสียงเรียบ “ผู้หมวดหยวน…ปล่อยฉีหลินไปได้ไหม? แค่นี้เขาก็เจ็บปวดมากพอแล้ว”

“คนอย่างแกมีสิทธิ์มาสั่งฉันด้วยเหรอ?” หยวนเค่อตอบอย่างเย็นชา

“ผมมีจุดยืนเดียวกับแมวเฒ่า พวกเราต้องการแค่ให้คุณปล่อยตัวฉีหลิน” ฉินอวี่ตอบเสียงทุ้ม “ถ้าต้องปะทะกัน ผมเกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องดีกับทั้งสองฝ่าย”

หยวนเค่อระเบิดความโกรธที่ข่มไว้ทันทีที่ได้ยินคำพูดของฉินอวี่ เขายกฝ่ามือฟาดเต็มแรงแขน

“เพียะ!”

เสียงตบสะท้านไปทั่วบริเวณ ทุกคนโดยรอบต่างตกตะลึงหลังฉินอวี่โดนตบหน้า

“สำเหนียกตัวเองบ้าง! ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน แกคงไม่ได้เป็นหัวหน้าทีมอย่างทุกวันนี้!” หยวนเค่อจ้องเขม็งไปยังฉินอวี่พร้อมคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “ต่อให้ลากตาเฒ่าหลี่มาเจรจา ฉันก็จะเอาไอ้ฉีหลินไปด้วย ใครที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไสหัวไปให้หมด!”

ความเงียบครอบคลุมทั่วบริเวณ

ฉินอวี่จับแก้มข้างที่แดงฉานก่อนหัวเราะเบาๆ และหันไปพูดกับเฒ่าหม่าว่า “ช่วยเพื่อนผมด้วย”

เฒ่าหม่าสวมเสื้อโค้ตทหารสกปรกเช่นเคย เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพลางเชิดหน้าและตะโกน “มีใครในถนนเถ้าธุลีจำเฒ่าหม่าคนนี้ได้บ้าง?”

ไม่กี่วินาทีต่อมา

พื้นถนนเริ่มสั่นไหว ผู้คนจำนวนมากวิ่งออกมาจากตึกแถวและตรอกสกปรก หยวนเค่อหันไปมองรอบข้างด้วยความตกตะลึงก่อนหันมาชี้ฉินอวี่ “ปีกกล้าขาแข็งจนมีกองกำลังเสริมแล้วเหรอ?”

แค่พูดไม่กี่คำ ชายกว่าร้อยคนที่มีอาวุธครบมือและผูกผ้าสีขาวตรงแขนก็มารวมตัวกันบนถนนมืดสลัวแห่งนี้ ลูกน้องตระกูลหม่าคนหนึ่งที่สวมแจ็คเก็ตหนังก้าวออกมาพลางถ่มน้ำลายก่อนพูดว่า “หยวนเค่อ…ไม่มีใครสนหรอกว่าพวกแกต้องการอะไร! ไปตายให้หนอนแดกซะ!”

ลูกน้องหยวนเค่อต่างแสดงสีหน้าหวาดกลัว เมื่อเห็นชายฉกรรจ์จำนวนมากล้อมรอบพวกเขาไว้

เฒ่าหม่ายืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างผ่อนคลายก่อนล้วงกล่องบุหรี่ออกมาพลางตะโกน “ใครก็ตามที่อยู่แถบถนนเถ้าธุลีและขาดแคลนยา แสดงตัวออกมาได้เลย ฉันขอบอกไว้ตรงนี้…ตราบใดที่ตระกูลหม่ายังอยู่ เราจะแจกยาให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดสามเดือน!”

สิ้นเสียงของเฒ่าหม่า เสียงฝีเท้านับไม่ถ้วนก็ดังก้องไปทั่วถนนเถ้าธุลี

เหล่าอันธพาล เจ้าหน้าที่รัฐ และบริษัทเอกชนจำนวนมากต่างแข่งขันกันเพื่อกอบโกยผลกำไรจากการค้ายา แต่คนที่ทุกข์ทรมานจากการแข่งขันนี้คือคนป่วยและคนยากจน…เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถซื้อยาในราคาถูกได้

ทำให้ทุกคนยอมก้าวออกมาตามคำเรียกร้องของเฒ่าหม่า ต่อให้ต้องยอมแลกกับอะไรก็ตาม

หัวหน้าหน่วยสามเผลอถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวก่อนจะคว้าวิทยุสื่อสารขึ้นมาพูด “เจ้าหน้าที่คนไหนที่อยู่ใกล้ถนนเถ้าธุลี ให้มารวมตัวกันที่ทางแยกตัดกับถนนโชคลาภเดี๋ยวนี้!”

หยวนเค่อกวาดสายตามองลูกน้องตระกูลหม่าอย่างรวดเร็ว ก่อนหันไปมองฉินอวี่พร้อมแค่นเสียง “ตอนนี้แกอาจปกป้องไอ้ฉีหลินได้ แต่ก็ไม่ใช่ตลอดไป สักวันมันก็ต้องออกจากที่นี่จริงไหม?”

ณ ถนนศักราชใหม่ เขตพื้นทมิฬ

ชายรูปร่างกำยำแปดคนเดินแบกกระเป๋าเสื้อผ้าพร้อมสวมถุงมือขนสัตว์ มุ่งหน้าไปยังตึกร้างสองหลังที่ตั้งอยู่ห่างใจกลางเมืองซ่งเจียง รอบข้างตึกทั้งสองนั้นเป็นสุสานและเป็นพื้นที่ต้องห้ามของเขตพื้นทมิฬ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีผู้คนอยู่บริเวณนี้

“ถึงแล้ว…เข้าไปกันเถอะ” หัวหน้าของกลุ่มชายทั้งแปดกวาดสายตามองรอบข้าง ก่อนออกคำสั่ง

“แน่ใจเหรอว่าที่นี่?”

“เออ ไอ้เสือเคยมาเอายาที่นี่” หัวหน้ากลุ่มพยักหน้า “สำรวจพื้นที่และเตรียมตัวทำงานซะ!”

ห้านาทีต่อมา ณ ใจกลางตึกร้างหลังหนึ่ง

ชายหกคนนั่งล้อมโต๊ะวงกลมเล่นไพ่ หน้าต่างโดยรอบถูกปิดด้วยแผ่นไม้ป้องกันไม่ให้แสงจากภายนอกส่องเข้ามา ทำให้ดูเหมือนไม่มีคนอยู่

ในห้องเต็มไปด้วยควันบุหรี่ เด็กหนุ่มที่กำลังคาบบุหรี่ไฟฟ้าเอ่ยถาม “ทุกคนถูกเรียกตัวไปถนนเถ้าธุลีกันหมด พวกเราไปกันบ้างดีไหม?”

“เจียมกะลาหัวซะบ้าง! ไม่กี่วันมานี้มีแต่เรื่อง หัวหน้าถึงได้กำชับให้เราเฝ้าที่นี่ห้ามไปไหน” ชายอีกคนขมวดคิ้วตอบ “ทำงานของตัวเองให้ดีเถอะ อย่าออกไปหาเรื่องใส่ตัว”

“ครับ!”

ขณะที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกัน หลอดไฟด้านบนได้กะพริบสองสามครั้งก่อนทุกอย่างจะมืดสนิท

“เฮ้ย! จู่ๆ ทำไมไฟดับ?”

“เครื่องปั่นไฟเสียอีกแล้วเหรอ? เอาไฟฉายไปดูซิ…”

“ตึง!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงโครมครามดังขึ้นภายในห้อง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าดังก้องทางเดิน

“มีคนมา! รีบขนของออกไปเร็ว!” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางตะโกน

“ปัง ปัง ปัง!”

แต่ทันใดนั้นก็มีกระสุนหลายสิบนัดสาดเข้ามาในห้องก่อนพวกเขาจะทันได้ขยับตัว เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทั่ว ผู้ชายสามคนถูกยิงตายคาที่

ตรงประตูทางเข้า…หัวหน้าทีมจู่โจมเปิดไฟฉายพลางส่งสัญญาณมือให้เพื่อนร่วมทีม “หยุดยิงก่อน เราต้องจับคนเป็นกลับไปด้วยสองคน”

ณ สำนักงานตำรวจ

ผู้กำกับการตำรวจหลี่นั่งขมวดคิ้วอยู่ในห้องทำงานพร้อมจิบชา

บนโซฟาฝั่งตรงข้ามสมาชิกวุฒิสภาที่เป็นตัวแทนด้านการเมืองสำนักงานตำรวจนั่งแกว่งขาก่อนถามขึ้น “คุณไม่ตัดสินใจเร็วไปหน่อยเหรอ?”

“คุณคิดว่าผมอยากให้มันเป็นแบบนี้เหรอ? ไอ้โง่แมวเฒ่าบีบให้ผมไม่มีทางเลือก!” ผู้กำกับหลี่สบถก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “มันคงถึงเวลาแล้ว…หยวนหัวพยายามบีบให้ผมไปอยู่ข้างเขาหลายครั้ง แต่ผมไม่เคยตอบรับ…และสิ่งนี้คงเป็นคำตอบให้เขาแล้ว”

“หลังจากนี้คงเกิดเรื่องวุ่นวายอีกเพียบ” สมาชิกวุฒิสภาพูดเตือน

“ที่ถนนเถ้าธุลีเกิดการปะทะกันแล้ว ถ้ามานึกเสียใจตอนนี้คงไม่ทัน รอสายโทรเข้ามาก็พอ” ผู้กำกับการตำรวจหลี่ตอบพลางจิบชา

ภายในคฤหาสน์เริงรมย์

หยวนหัวสบถด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทันทีที่วางสายโทรศัพท์ “ไอ้เฒ่าหม่ามันคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของถนนเถ้าธุลีรึไง! สั่งให้ทุกคนไปที่นั่นเดี๋ยวนี้! ไม่จำเป็นต้องรออะไรแล้ว!”

“แสดงว่าผู้กำกับหลี่เลือกหนุนหลังมันสินะครับ? ไอ้แมวเฒ่ามันถึงได้กล้าขนาดนี้” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทุกอย่างต้องยุ่งเหยิงกว่าเดิมแน่”

หยวนหัวโบกมือปัด “ที่มันยังเป็นผู้กำกับการได้จนถึงตอนนี้ก็เพราะฉันไว้หน้า ไม่อย่างนั้นมันก็แค่ไอ้แก่คนหนึ่ง! ไม่ว่ายังไง…วันนี้ฉันก็ต้องได้ตัวไอ้ฉีหลิน!”

………………………………….

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท