ตอนที่ 38 ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว
ในตรอกหลังสำนักงานตำรวจ
ฉินอวี่กระชับเสื้อโค้ตพร้อมถามแมวเฒ่าด้วยความอยากรู้ “ฉีหลินอยู่กับนายเหรอ?”
“ใช่” แมวเฒ่าพยักหน้าตอบ “มันถูกยิง แต่ตอนนี้ถึงมือหมอแล้ว”
“ตกลงเกิดอะไรขึ้น?” ฉินอวี่ถามต่อ
แมวเฒ่าเรียบเรียงข้อมูลในหัวก่อนเล่าทุกอย่างให้ฉินอวี่ฟัง
หลังได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น ฉินอวี่เดินไปมาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนถาม “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ นายคิดว่าจะซ่อนฉีหลินได้เหรอ?”
แมวเฒ่านิ่งเงียบอย่างครุ่นคิดเช่นกัน
“นายซ่อนหมอนั่นได้ไม่ตลอดหรอก เพราะพวกหยวนเค่อคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่” ฉินอวี่กล่าวเสริม
แมวเฒ่าส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะหยิบบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบ “เหตุผลที่เรียกนายมากะทันหันเพราะมีเรื่องอยากให้นายทำเพื่อฉีหลินหน่อย”
ฉินอวี่สงสัย “เรื่องอะไร?”
“ฉันจะหาทางประกันตัวเพื่อพาทั้งสามคนย้ายไปอยู่ที่นั่น” แมวเฒ่าพูดอย่างไม่อ้อมค้อม “ฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับดวงหมอนั่นแล้วว่าจะรอดไปได้ไหม?”
ฉินอวี่มองแมวเฒ่าก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมา “ฉันไม่ได้สนิทกับฉีหลินถึงขนาดต้องยอมทำเรื่องที่ว่าหรอกนะ”
แมวเฒ่าถึงกับชะงักเมื่อได้ยินคำตอบของฉินอวี่
“นี่ไม่ใช่คดีฆาตกรรมทั่วไป มันมีเบื้องหลังมากกว่านั้น ถ้าฉันหลวมตัวเข้าช่วยหนึ่งครั้ง เชื่อสิ เดี๋ยวต่อไปก็ต้องพัวพันกับเรื่องยุ่งเหยิงไม่จบไม่สิ้น และถ้าฉันเป็นอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ?” ฉินอวี่ตอบด้วยน้ำเสียงเจียมตัว
แมวเฒ่ายกบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นสูบอีกครั้ง
“แมวเฒ่า ฉันต้องฝ่าฟันนรกในเขตพัฒนาอยู่หลายปี กว่าจะพาตัวเองเข้ามาทำงานถูกกฎหมายในซ่งเจียงได้ นายยังมีผู้กำกับหลี่คอยช่วย ในขณะที่ฉันไม่มีใครเลย” ฉินอวี่พูดกับแมวเฒ่าอย่างจริงจัง “ฉันขอโทษ แต่เรื่องนี้ฉันช่วยนายไม่ได้จริงๆ”
แมวเฒ่าเงยหน้ามองฉินอวี่ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะ “รู้อยู่แล้วว่าคนเก่งและทะเยอทะยานอย่างนายต้องตัดสินใจแบบนี้”
ฉินอวี่ไม่โต้ตอบ
“ฉินอวี่ รู้หรือเปล่าว่าทำไมฉีหลินถึงลงเอยไม่เป็นท่า?” แมวเฒ่าถามเสียงแผ่ว
ฉินอวี่ยังคงจ้องมองแมวเฒ่าโดยไม่พูดอะไร
“นายสองคนน่ะเหมือนกันมาก มีแรงจูงใจในการใช้ชีวิตชัดเจน รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และอดทนได้ไม่ว่าต้องเผชิญสถานการณ์ไหน พวกนายเชื่อว่าตัวเองมองข้อดีข้อเสียของทุกปัญหาออก แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างกันคือ…พวกนายแข็งแกร่งไม่เท่ากัน” แมวเฒ่าสูบบุหรี่เข้าปอดพลางหัวเราะเบาๆ
“ฉันแค่อยากบอกว่า…คนเราไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตจริงจังขนาดนั้นก็ได้ ยกฉีหลินเป็นตัวอย่างสิ ถ้าชีวิตนี้ไม่มีเพื่อนที่ไว้วางใจได้สักคน ถึงจะประสบความสำเร็จตามที่ฝัน แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีทางมีความสุขหรอก ฉันมาที่นี่เพราะคิดว่านายเป็นเหมือนพี่น้อง เป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง…. แต่ฉันคงคิดผิดไปสินะ ที่ผ่านมาฉันเอาแต่ความคิดตัวเองไม่เคยถามนายก่อนเลย ขอโทษด้วยละกันที่เสียมารยาท ”
ฉินอวี่เริ่มขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“เดี๋ยวฉันหาวิธีเอง นายกลับไปเถอะ” แมวเฒ่าหันหลังและเดินจากไป
ฉีหลินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงพลางมองแผ่นหลังแมวเฒ่า แต่ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นว่า “นายรู้อยู่แล้วว่าผู้กำกับหลี่ไม่ชอบยุ่งเรื่องพวกค้ายาเถื่อน ถ้านายเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้มันไม่จบง่ายๆ แน่!”
แมวเฒ่าเดินต่อไปพร้อมกับตะโกนตอบฉินอวี่ “ขนาดไอ้เสือที่ว่าเลวยังรู้จักปกป้องเพื่อนมันในเวลาคอขาดบาดตาย แล้วคนอย่างฉันจะยอมน้อยหน้ามันได้ไง? ฉันไม่สนว่าจะถลำลึกกับเรื่องนี้ขนาดไหน…รู้แค่อย่างเดียวคือต้องพาฉีหลินหนีให้ได้”
เมื่อพูดจบ แมวเฒ่าก็ขึ้นรถและขับออกไปทันที
…
ก่อนเกิดเรื่อง แมวเฒ่ามักดุด่าฉีหลินและทำเหมือนเขาเป็นลูก ถ้าดูจากมุมมองคนนอก คงเห็นราวกับว่าทั้งสองกำลังแบ่งชนชั้นกันอยู่ โดยฉีหลินเปรียบเหมือนหมาตัวเล็กๆ ที่อยู่ข้างแมวเฒ่าเท่านั้น
แต่กลายเป็นว่า…เมื่อฉีหลินเผชิญปัญหา คนที่ใกล้ชิดที่สุดกลับปฏิเสธที่จะช่วย ส่วนคนที่กัดฟันสู้จนถึงวินาทีสุดท้ายคือแมวเฒ่า…ชายที่เอาแต่ดูถูกเขาเสมอ
เป็นความจริงที่แมวเฒ่าเฝ้าข่มเหงฉีหลิน
แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นเปรียบดังเพื่อนแท้
แมวเฒ่าเป็นคนที่เข้ากับคนยาก ต่อให้คนคนนั้นจะแสนดีแค่ไหนก็ใช่ว่าจะเข้ากันได้เสมอไป ถึงกระนั้น…ถ้าเขาได้มองใครสักคนเป็นเพื่อนแล้ว ไม่ว่าต้องเผชิญกับเรื่องร้ายแรงขนาดไหน เขาก็ยินดีจะกระโจนลงไปช่วย
ฉินอวี่เดินคอตกกลับหอพัก ความรู้สึกผิดเริ่มก่อตัวขึ้นพร้อมกับความสับสนในหัว คำพูดของแมวเฒ่าส่งผลกระทบจิตใจของเขา
ช่วงที่ยังอยู่เขตพัฒนา ฉินอวี่ไม่เคยเชื่อใจใคร ที่นั่น…เขาได้เห็นด้านมืดในใจของมนุษย์ หลายคนถึงขั้นยอมแลกครอบครัวกับงานและอาหารเพื่อเลี้ยงชีพ หลายต่อหลายครั้งที่เห็นภาพเหล่านี้มันทำให้หัวใจของเขาด้านชา ซึ่งแม้แต่ฉินอวี่ยังไม่รู้เลยว่ามันเป็นกลไกการป้องกันจิตใจตามธรรมชาติหรือเปล่า จิตใจที่แข็งแกร่งแลกมาด้วยความเป็นมนุษย์ที่หายไป…
คำพูดของแมวเฒ่ายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่รู้จบ เป็นครั้งแรกที่ฉินอวี่สงสัยในความรู้สึกของตัวเอง การใช้ชีวิตตามเหตุและผลถูกต้องจริงหรือเปล่า? เขาควรใช้ชีวิตที่นี่เหมือนตอนอยู่เขตพัฒนาไหม?
ชีวิตที่ยืนยาวแต่โดดเดี่ยว เขาจะเดินคนเดียวไปได้จนสุดทางจริงเหรอ?
แม้แต่แมวเฒ่ายังกล้าเอาชื่อเสียงและสายงานไปเสี่ยงเพื่อพาฉีหลินหนี ส่วนตัวเองที่มีจุดยืนเพียงน้อยนิดกลับทำตัวราวกับปีศาจเห็นแก่ตัวที่มาจากเขตพัฒนา นี่เขาไม่ใจแคบเกินไปใช่ไหม?
ฉินอวี่เชื่อว่าความสัมพันธ์ของตนกับฉีหลินไม่ได้สนิทมากพอให้ตายแทนกันได้ แต่ก็ไม่มีใครสนิทกันจนเป็นเพื่อนตายได้ในชั่วข้ามคืนถูกไหม?
เมื่อคิดได้ดังนั้นฉินอวี่ก็ชะลอฝีเท้าลง ภาพของแมวเฒ่าปรากฏขึ้นในหัวอีกครั้ง
แมวเฒ่า…คนที่เอาแต่ดุด่าฉีหลิน คนที่ทำตัวเหลวไหลพึ่งพาไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น…เขากลับยอมกระโจมลงทุ่งระเบิดเพื่อช่วยเพื่อน ทำไมเขาถึงคิดว่าการทำเพื่อเพื่อนแบบนั้นมันคุ้มค่ากันนะ?
ฉินอวี่คิดหนักและลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจล้วงโทรศัพท์ออกมา
“ให้ตายเถอะ…แม้แต่คนฉลาดที่สุดพอได้ไปเที่ยวกับคนโง่ก็ยังซื่อบื้อเลย…”ฉินอวี่ถอนหายใจพลางกดเบอร์โทรศัพท์
ไม่นานก็มีเสียงตอบรับจากปลายสาย “ว่าไง?”
“ฉันอยากคุยเรื่องการลักลอบขนยา”
ฉินอวี่ออกจากหอพักผ่านประตูหลัง เร่งฝีเท้าตรงไปยังอีกฟากถนน
…
ชั้นสองของบ้านพักบนถนนศักราชใหม่
หยวนเค่อล็อกประตูก่อนเดินไปที่หน้าต่างและพูดว่า “ฉีหลินไม่มีเพื่อนมากนัก จะมีก็แค่แมวเฒ่า”
“แมวเฒ่ามันรู้จักกับผู้กำกับหลี่นี่…” ชายที่อยู่ปลายสายพูดอย่างเคร่งเครียด “คงไม่ง่ายถ้าจะให้ฉันจัดการ”
“นายแค่ตามสืบว่าฉีหลินอยู่ที่ไหนก็พอ ไอ้พวกเบื้องบนเดี๋ยวฉันจัดการเอง” หยวนเค่อตอบกลับ “ต่อให้ต้องแลกกับอะไร เราก็ต้องได้เส้นทางขนยาและฆ่ามันให้ได้”
“เข้าใจล่ะ”
…
ในโกดังเก็บของแห่งหนึ่งแถวถนนโชคลาภ
หลังล้างแผลให้ฉีหลินเสร็จ แมวเฒ่าก็ใช้ปืนขู่หมอไม่ให้ออกจากห้อง “นายยังไปไหนไม่ได้จนกว่าเพื่อนฉันจะไปจากที่นี่ แต่ไม่ต้องห่วง…ฉันตอบแทนให้คุ้มค่าแน่นอน”
“ทำไมถึงกลับคำพูดซะล่ะ?” หมอสบถด่า “เป็นนักเลงรึไง?”
“หุบปาก ขืนยังพูดไม่หยุด ฉันไม่รับประกันนะว่าปืนจะไม่ลั่น” แมวเฒ่าขังหมอไว้ในห้องก่อนจะหันไปหาเพื่อนที่เพิ่งมาถึงไม่นาน “นายพอจะหาทางพาฉีหลินออกจากที่นี่ได้ไหม?”
“คนที่หมอนี่ฆ่าเป็นอาของหยวนหัว ข้างนอกคงกำลังหาตัวกันให้วุ่น ตอนนี้เสี่ยงเกินไปที่จะพาหนี” เพื่อนคนดังกล่าวตอบกลับ “นายก็รู้ว่าฉันทำอะไรได้ไม่มาก”
แมวเฒ่าเกาหัวก่อนพูดว่า “คิดว่าทหารจะยอมช่วยเราไหม?”
“ตอบยาก” เพื่อนของแมวเฒ่าส่ายหัวตอบ
ฉีหลินที่นอนอยู่บนเตียงไม้เก่าๆ ไออย่างรุนแรงก่อนเอ่ย “ไม่ต้องห่วงฉัน…พาแม่กับน้องฉันออกไปอย่างปลอดภัยก็พอ”
“นายน่ะหุบปากไปเลย!” แมวเฒ่าดุอย่างรำคาญ
…
ถนนศักราชใหม่ บนชั้นสองของบ้านพัก
หัวหน้าหน่วยที่สามเดินกะเผลกลงจากบันไดก่อนตะโกนเรียกคนราวยี่สิบคนมารวมตัวกันในบ้าน “คำสั่งออกมาแล้ว! เลิกทำงานอื่นและเตรียมพร้อมออกปฏิบัติการ ทุกคนต้องหาตัวฉีหลินให้เจอภายในสิบสองชั่วโมง!”
…………………………………