Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 44

ตอนที่ 44

ตอนที่ 44 เราต้องผ่านมันไปให้ได้

ในห้องทำงานสำนักงานตำรวจ

ผู้กำกับการตำรวจหลี่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ข้างหน้าต่างพร้อมถามเสียงแผ่ว “ฉีหลินไปยัง?”

“ไปแล้วครับ” แมวเฒ่าพยักหน้าตอบ

“เหตุผลที่ฉันเป็นแค่ผู้กำกับก็เพราะไม่อยากพัวพันเรื่องแย่งอำนาจ…” ผู้กำกับการตำรวจหลี่กล่าวด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย “แต่ตอนนี้คงทำแบบนั้นไม่ได้แล้วล่ะ…ฉันแสดงจุดยืนไปแล้ว”

ฉินอวี่ที่อยู่หลังโต๊ะทำงานรู้สึกถึงความสนิทสนมผ่านน้ำเสียง เพราะผู้กำกับการตำรวจหลี่ไม่ได้พูดเป็นทางการกับเขา นั่นหมายความว่าเฒ่าหลี่ไม่ได้เป็นหัวหน้าหน่วยในสำนักงานอีกต่อไป แต่เป็นเพียงลูกน้องคนหนึ่งเท่านั้น

ทว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย…

ข้อดีคือ…ในที่สุดฉินอวี่ก็มีเส้นสายในสำนักงานตำรวจและได้รับโอกาสที่คนอื่นต่างดิ้นรนแทบตายกว่าจะได้มา ส่วนข้อเสียนั้นแทบไม่ต้องสงสัย เนื่องจากเขาทำให้ตระกูลหยวนขุ่นเคือง ดังนั้นในอนาคตเขาต้องรับมือกับการล้างแค้นที่จะเกิดขึ้นแน่นอน

จากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่าตระกูลหยวนนั้นทรงอิทธิพลมากกว่าที่เห็น และผู้กำกับหลี่เองก็เริ่มตื่นตัวบ้างแล้ว

“ไม่นานเราคงได้ปะทะกับตระกูลหยวนอีก” ผู้กำกับหลี่หันไปออกคำสั่งกับแมวเฒ่าและฉินอวี่ว่า “ไปบอกตระกูลหม่า…ต่อให้มีของหรือไม่มี ให้หยุดจ่ายยาไปก่อน รวมไปถึงพวกลูกกระจ๊อกด้วย บอกพวกมันว่าอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวตอนนี้ ฉันอยากดูว่าพวกหยวนจะมีแผนอะไรอีก”

“ยังไงก็ต้องหยุดอยู่แล้ว” แมวเฒ่าตอบเสียงแผ่ว “ในเมื่ออาหลงตาย ทำให้ตระกูลหม่าขาดคนจัดหาสินค้า ฉะนั้นต่อให้อยากขายก็ไม่มีของพอให้ขายหรอก”

ผู้กำกับหลี่เดินไปนั่งเก้าอี้พร้อมขมวดคิ้วถาม “แล้วตกลงฉีหลินมีเส้นทางขนสินค้าของอาหลงจริงหรือเปล่า?”

“เคยมีครับ เขาบอกว่าอาหลงทิ้งไว้ให้พร้อมกระเป๋าใบหนึ่ง แต่มันหายไปแล้วและยังหาไม่เจอ” แมวเฒ่าตอบทันที “นอกจากนี้ผมยังเคยให้ฉีหลินตรวจดูเบอร์ติดต่อของอาหลงแล้วด้วย เผื่อว่าจะสามารถต่อรองกับพวกพ่อค้าได้บ้าง”

เฒ่าหลี่จิบน้ำชาก่อนพูดอย่างจริงจังว่า

“พรรคพวกที่ฉันหามาได้จะไม่ยอมเคลื่อนไหวถ้าพวกเขาไม่ได้ผลประโยชน์ ถ้าเรายังไม่สามารถหาช่องทางการขนสินค้าได้ ตระกูลหม่าอาจตกอยู่ใต้อำนาจตระกูลหยวน ซึ่งนั้นยิ่งทำให้พวกเขาอยากปฏิเสธที่จะกลับมาร่วมงานกับเรา”

“เข้าใจแล้วครับ” ฉินอวี่พยักหน้า

“ช่วงนี้ก็อยู่เงียบๆ ไปก่อน อย่าเพิ่งไปข้องแวะกับพวกหยวน” เฒ่าหลี่หันไปพูดกับฉินอวี่ “ไอ้เสือกับหยวนเหว่ยตายไปแล้ว และนายเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ฉะนั้นระวังตัวไว้ให้ดี ฝั่งนู้นคงจ้องล้างแค้นนายอยู่”

“รับทราบครับผู้กำกับหลี่” ฉินอวี่ตอบอย่างเคร่งขรึม

“เฮ้อ…”

แมวเฒ่าถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางยกแก้วน้ำร้อนขึ้นมาเป่าก่อนส่ายหัวและพูดว่า “คนสมัยนี้เป็นอะไรกันไปหมด? ก็พอเข้าใจอยู่นะว่าทำไมคนในสลัมถึงดิ้นรนเพื่อผลประโยชน์ก็เพราะลำพังแค่ใช้ชีวิตก็ลำบากมากพออยู่แล้ว แต่ไอ้พวกคนรวยนี่สิ…คิดแต่จะหาผลประโยชน์ ถ้าไม่รู้จะทำอะไรก็ไปทำงานสุจริตซะมันยากนักรึไงวะ?”

เฒ่าหลี่ครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนพูดขึ้น “นายจำสิ่งที่ฉันพูดในพิธีรับตำแหน่งผู้กำกับได้ไหม?”

แมวเฒ่านึกถึงวันที่ผู้กำกับหลี่พูดถึง

“ฉันเคยพูดไว้ว่าจะจัดการความวุ่นวายทั้งหมดบนถนนเถ้าธุลีภายในสองปี นำความสงบสุขและความปลอดภัยสู่เขตพื้นทมิฬภายในห้าปี กระทั่งข่าวแพร่สะพัด เจ้าหน้าที่ในสำนักงานใหญ่หลายคนต่างหัวเราะราวกับมันเป็นเรื่องตลก ฉันยักไหล่เยาะเย้ยตอบ แล้วดูตอนนี้สิ…ฉันทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า?” เฒ่าหลี่พูดพลางถอนหายใจอีกรอบ “ไม่เคยนึกเลยว่ามันจะกลายเป็นเรื่องตลกเข้าจริงๆ”

แมวเฒ่าและฉินอวี่พูดไม่ออก

“หลังจากรับตำแหน่งมาหลายปี ทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง” เฒ่าหลี่ยิ้มมุมปาก “แม้แต่อุดมการณ์อันสูงส่งยังต้องพ่ายแพ้ต่อความเป็นจริง วินาทีที่โลกแห่งนี้กำลังเสื่อมโทรมและเหลื่อมล้ำเป็นโอกาสทองของพวกมีอิทธิพลที่จะสับเปลี่ยนไพ่ในมือแสวงหาอำนาจมาเพิ่มให้กับตัวเอง ด้วยสภาพแวดล้อมอันโสมมนี้ การมานั่งฝันลมๆ แล้งๆ มันไม่มีประโยชน์ ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงหรือประสบผลสำเร็จ ทางที่ดีคือไม่ใช่การเดินทวนน้ำแต่ให้ตามกระแสมันไป จงเรียนรู้และเติบโตไปกับมัน สักวันที่ทุกอย่างสงบลง อาจหันกลับไปมองได้ว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง”

ฉินอวี่รับรู้ได้ทันทีว่าชายวัยกลางคนเบื้องหน้าคือคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เป็นคนที่น่านับถือ ฉลาด และมีวิสัยทัศน์ ซึ่งฉินอวี่คิดว่าผู้เฒ่าหลี่กับแมวเฒ่านั้นคล้ายคลึงกัน ทั้งสองต่างเป็นตัวของตัวเองท่ามกลางแห่งความวุ่นวายนี้ได้…แม้ในบางครั้งจะต้องถ่อมตัวบ้างก็ตาม

“เอาเถอะ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์” ผู้กำกับหลี่ถอนหายใจพลางมองไปยังชายหนุ่มสองคนตรงหน้าก่อนพูดกำชับ “รักษาตัวให้ดีอย่าเพิ่งก่อเรื่อง เข้าใจไหม?”

“ครับ”

“เข้าใจครับ”

ชายหนุ่มทั้งสองพยักหน้า

“เดี๋ยว มีอีกเรื่อง” ผู้กำกับหลี่ยืนขึ้นพลางมองไปยังฉินอวี่ “ในเมื่อนายเลือกข้างแล้ว คงต้องมีการปรับเปลี่ยนหน่อย ฉันจะให้นายย้ายไปคุมทีมสามของหน่วยหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยหาโอกาสย้ายสมาชิกของทีมสามไปไว้ในหน่วยอื่น…ส่วนเรื่องเลื่อนตำแหน่งฉันจัดการเอง นายแค่พิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าทำไมถึงเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ก็พอ”

“รับทราบครับ!” ฉินอวี่ขานรับ

“หมดเรื่องแล้ว ไปเถอะ” ผู้กำกับหลี่กล่าวพลางโบกมือไล่

หนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมา

บนถนนเถ้าธุลี แมวเฒ่านั่งอยู่ริมถนนพร้อมหันไปถามฉินอวี่ว่า “เสียใจไหมที่เลือกข้างฉัน?”

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว…มานั่งเสียใจเอาป่านนี้คงไม่ช่วยอะไร” ฉินอวี่กลอกตา

“ตอนแรกนายบอกไม่อยากยุ่ง แล้วอะไรทำให้นายเปลี่ยนใจ?” แมวเฒ่าถามพลางหัวเราะเบาๆ

ฉินอวี่ครุ่นคิดชั่วครู่ “การที่นายเต็มใจเสี่ยงชีวิตช่วยคนจนตรอกอย่างฉีหลิน…ทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ แบบนี้ไป”

“เราต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้” แมวเฒ่าตบบ่าฉินอวี่พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หมอดูที่รู้จักเคยบอกไว้ว่าฉันจะเจอลูกน้องที่ซื่อสัตย์ และพอฉันได้เห็นขนาดไอ้นั่นของนายที่ค่อนข้างใหญ่ก็รู้ทันทีว่านายคือคนที่ฉันควรเชื่ออย่างหมดใจ”

“ไอ้โรคจิต! ในสมองเคยคิดเรื่องอื่นบ้างไหมเนี่ย?” ฉินอวี่ล็อกคอแมวเฒ่าแน่น “ฉันคงต้องช่วยโลกกำจัดคนโรคจิตอย่างนายทิ้งซะ!”

“หยุดได้แล้วโว้ย!”

“แต่…ไอ้นั่นของฉันใหญ่จริงหรือเปล่า?”

“เออ…ใหญ่”

“ถ้างั้นเรียกฉันว่าป้ะป๋าสิ”

“อย่ามาไร้สาระ ใครจะไปทำเรื่องน่าอายแบบนั้น!” แมวเฒ่ามองฉินอวี่ด้วยสายตากวนประสาท

“งั้นบอกหน่อย ที่นายเข้ากันได้ดีกับฉีหลินเพราะหมอนั่น…เล็กและเหี่ยวมากสินะ?” ฉินอวี่ถาม

ใบหน้าของแมวเฒ่าแดงก่ำพลางยิ้มแหยก่อนจะตอบ “ฉันบอกได้แค่…มันเหมือนหัวดอกบัวที่เพิ่งโผล่พ้นทะเลสาบ…”

“ปากหมาสมชื่อจริงๆ” ฉินอวี่กอดคอแมวเฒ่าพลางชกท้องเขาเบาๆ

ภายใต้แสงไฟสลัวข้างถนน…ชายหนุ่มทั้งสองกำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน พวกเขาเปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน เพราะในวันข้างหน้า…เมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบาก ทั้งคู่ต้องช่วยเหลือกันจนผ่านไปให้ได้

ไม่นาน เฒ่าหม่าก็เดินมาจากฝั่งตรงข้ามพลางถามอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกนายมาเล่นอะไรกันตรงนี้?”

ฉินอวี่เงยหน้ามอง “มาแล้วเหรอ?”

“เมื่อไรจะปล่อยตัวดามินกับหม่าเหลาเอ๋อ?” เฒ่าหม่าถามอย่างตรงไปตรงมา

ขณะเดียวกัน…

งานศพของหยวนเหว่ยและไอ้เสือถูกจัดขึ้นที่ถนนศักราชใหม่ ตระกูลทรงอิทธิพลในเมืองซ่งเจียงต่างเข้าร่วมไว้อาลัย อีกอย่าง…งานนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงการแย่งชิงอำนาจในเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น

………………………………..

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท