Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 45

ตอนที่ 45

ตอนที่ 45 คู่หูเจ้าเล่ห์

บนถนนเถ้าธุลี

แมวเฒ่ายืนโบกมือพร้อมตะโกนเสียงดัง “ว่าไงพี่หม่า ขอบุหรี่สักตัวสิ!”

“ใครเป็นพี่แก? ฉันแก่กว่าพ่อแกอีก!” เฒ่าหม่ารำคาญกับท่าทีตีสนิทของแมวเฒ่า

“เราต่างก็เป็นนักสู้ชีวิตเหมือนกัน เป็นพี่น้องน่ะถูกแล้ว” แมวเฒ่ายิ้มตอบ “เอาหน่า…แค่อันเดียวอย่างกหน่อยเลย”

เฒ่าหม่ากลอกตาพลางล้วงกล่องบุหรี่ออกจากกระเป๋า “แล้วตกลงเมื่อไหร่พวกนายจะปล่อยตัวดามินกับหม่าเหลาเอ๋อ?”

แมวเฒ่ารับกล่องบุหรี่มาก่อนตอบด้วยความดีใจ “ไม่นานหรอก เชื่อใจพวกเราเถอะ ถึงยังไงก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว”

“คืนบุหรี่ฉันมาได้แล้ว”

“หวงของจังนะ ทั้งที่สายงานของพี่จะหามันมาเมื่อไหร่ก็ได้แท้ๆ…แต่ตำรวจอย่างพวกฉันถึงขั้นต้องไปบนบานสานกล่าวกว่าจะได้มาสักมวน” แมวเฒ่าตอบพร้อมยัดกล่องบุหรี่ลงกระเป๋าตนเองอย่างไร้ยางอาย “เอาเป็นว่าขอบใจแล้วกันนะพี่หม่า”

“ไอ้เด็กเวร!” ด้วยไม่อยากเสียเวลาทะเลาะกับแมวเฒ่า เฒ่าหม่าจึงหันไปถามฉินอวี่ที่เป็นผู้ใหญ่และน่าเชื่อถือกว่า “จะปล่อยตัวพวกเขาได้เมื่อไหร่?”

ฉินอวี่นิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยตัวพร้อมกันสองคน”

เฒ่าหม่าขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน “ไอ้หนู ลืมข้อตกลงก่อนหน้านี้ของเราแล้วรึไง? แกบอกว่าจะช่วยดามินกับหม่าเหลาเอ๋อออกจากคุกถ้าฉันช่วยแก แล้วนี่มันหมายความว่าไง?”

“ฉันรู้ว่าลุงเป็นคนฉลาด ถ้างั้นฉันจะไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลาแล้วกันนะ” ฉินอวี่มองเฒ่าหม่าด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันรู้ว่าลุงยอมช่วยฉีหลินเพราะหวังจะได้ช่องทางการค้าของอาหลงใช่ไหม? เพราะถ้าฉีหลินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต่อให้ฉันกราบแทบเท้า ลุงก็คงไม่มีทางยอมหักหลังหยวนเค่อแบบนี้หรอก”

เฒ่าหม่ายืนนิ่ง

“อันที่จริง ลุงก็ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาลุงเข้าถึงเฒ่าหลี่ไม่ได้ พอเกิดเรื่องขึ้นก็เลยถือโอกาสนี้มาเป็นพวกเดียวกันใช่ไหมล่ะ?” ฉินอวี่พูดด้วยรอยยิ้ม

“เราต่างก็ไม่ใช่เด็กที่จะมาเล่นเกมกวนประสาทกันแล้ว ลุงเองก็น่าจะรู้ดีว่าดามินกับหม่าเหลาเอ๋อโดนข้อหาอะไร แค่ลักลอบขนยาห้ากิโลก็มากพอให้โดนโทษประหาร วันที่จับได้ยังเจอยาอีกกว่าร้อยกิโล หนำซ้ำคนที่ดูแลคดีนี้คือหยวนเค่อ ในเมื่อเราตัดขาดกับเขาแล้ว ลุงจะให้พวกฉันพาสองคนนั้นออกมาง่ายๆ ได้ยังไง?”

เฒ่าหม่าสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยิน เขาเผลอล้วงมือหยิบกล่องบุหรี่ แต่นึกขึ้นได้ว่าโดนแมวเฒ่าฉกไปแล้ว

“เอาน่า…เดี๋ยวผมแบ่งบุหรี่ไฟฟ้าให้” แมวเฒ่ายื่นบุหรี่ไฟฟ้าที่เขาใช้ประจำให้เฒ่าหม่าอย่างเสแสร้ง

“ไอ้เด็กเลว!” เฒ่าหม่าด่าแมวเฒ่าก่อนหันไปถามฉินอวี่ “แล้วนายพอจะช่วยเรื่องนี้ได้มากน้อยแค่ไหน?”

“ฉันคุยเรื่องนี้กับเฒ่าหลี่แล้ว เขาแนะนำว่าให้คนใดคนหนึ่งเสียสละรับสารภาพทุกอย่าง วิธีนี้จะทำให้อีกคนรอดข้อกล่าวหาและช่วยออกมาได้” ฉินอวี่ตอบ “โชคดีที่หม่าเหลาเอ๋อและดามินไม่ได้ปริปากอะไรออกไปก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้นต่อให้ลุงหาใครมาช่วยก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะหลักฐานยังมัดตัวอยู่”

“ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ?” เฒ่าหม่าถามอีกครั้ง

“ไม่มี” ฉินอวี่ส่ายหัว “ลุงต้องรีบตัดสินใจ เพระตอนนี้เราเป็นศัตรูกับหยวนเค่อ ถ้าเขาลงไปจัดการคดีนี้เอง ความหวังเราคงริบหรี่”

เฒ่าหม่าเป็นคนเด็ดขาด เพราะผ่านอุปสรรคมามาก เขาไต่เต้าอย่างเหน็ดเหนื่อยกว่าจะมีอิทธิพลบนถนนเถ้าธุลีแห่งนี้ เมื่อได้ฟังข้อเสนอจากฉินอวี่แล้ว เขาใช้เวลาครุ่นคิดไม่นานก็ตอบว่า “ถ้างั้นช่วยหม่าเหลาเอ๋อก่อน”

“ตกลง” ฉินอวี่พยักหน้า “ฉันจะบอกพวกเขาเมื่อถึงวันสอบสวน”

“แล้วดามินจะโดนโทษกี่ปี?” เฒ่าหม่าถาม “จะโดนประหารหรือเปล่า?”

“ตอบยาก ของกลางที่จับได้เกินกว่าห้ากิโลกรัมที่กฎหมายกำหนด ช่วยให้เหลือแค่จำคุกตลอดชีวิตยังยากเลย” ฉินอวี่ตอบพลางส่ายหัว

“ไม่…จะปล่อยให้เขาโดนประหารไม่ได้” เฒ่าหม่าส่ายศีรษะ “ไม่ว่ายังไงพวกแกก็ต้องช่วยเขาออกมา”

ฉินอวี่เกาหัวเมื่อได้ยินสิ่งที่เฒ่าหม่าพูด “ถ้าอยากจะลอง ลุงคงต้องจ่ายสักหน่อย”

เฒ่าหม่าขมวดคิ้ว “จ่ายเหรอ?”

“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลยลุง ถ้าอยากให้สำเร็จก็ต้องใช้วิธีสกปรก การจะให้คนอื่นยอมทำตามคำสั่งมันมีวิธีไหนอีกเหรอ?” แมวเฒ่ากลอกตาขณะพูดแทรก

เฒ่าหม่าเหลือบมองทั้งสองคนก่อนหัวเราะเยาะ “พวกแกคิดจะกวนประสาทฉันรึไง?”

“กวนประสาทตรงไหน? ลุงก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าตอนนี้วงการตำรวจมันเป็นยังไง?” แมวเฒ่าตอบอย่างรำคาญ “ขนาดฉันยังต้องใช้เส้นสายเพื่อเลื่อนตำแหน่ง นับประสาอะไรกับเรื่องแบบนี้ล่ะ!”

เฒ่าหม่ากัดฟันก่อนเอ่ยถาม “ต้องจ่ายเท่าไร?”

“สามหมื่นดอลลาร์คงพอยื้อชีวิตได้อยู่” แมวเฒ่าหันไปถามฉินอวี่ “นายว่าไง?”

“ไม่มากขนาดนั้นมั้ง? สองหมื่นห้าก็น่าจะพอแล้ว” ฉินอวี่ขมวดคิ้วตอบ

“นายจะบ้าเหรอ? แค่อัยการก็หมื่นห้าแล้ว ไหนจะพวกในสำนักงานตำรวจอีก สามหมื่นดอลลาร์นี่ถือว่าต่ำมากแล้วนะ!” แมวเฒ่ายืนยันหนักแน่น “นายก็รู้ว่านี่เรื่องใหญ่ จะมาทำเล่นๆ ไม่ได้!”

“โถ…น่าเศร้าจริง เราเรียกเงินลุงหม่าเยอะขนาดนั้นไม่ได้ด้วยสิ ถึงยังไง…” ฉินอวี่มองเฒ่าหม่าด้วยแววตาราวกับมีอะไรจะพูด

“หยุด!” เฒ่าหม่าตะคอกด้วยความรำคาญ “เลิกเถียงกันสักที! ฉันขี้เกียจดูเด็กเถียงกัน”

ทั้งสองคนเงียบลงทันที

“ฉันจะจ่ายสามหมื่น” เฒ่าหม่าตอบอย่างแน่วแน่ “เท่านี้พอจะทำอะไรได้บ้าง?”

ฉินอวี่ครุ่นคิดชั่วครู่ “มียาไว้ในครอบครองอย่างผิดกฎหมาย การจับกุมครั้งแรกล้มเหลวหาหลักฐานไม่เจอ ส่วนการจับกุมครั้งที่สองยึดของกลางได้ แต่จับคนร้ายไม่ได้คาหนังคาเขา ตราบใดที่ดามินปฏิเสธคำให้การ เขาก็เป็นเพียงแค่คนส่งยาเท่านั้น…ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร”

“แล้วตกลงจะโดนโทษยังไง?” เฒ่าหม่าถาม

“จำคุกอย่างน้อยสิบห้าปี”

เมื่อเห็นว่าฉินอวี่ตอบด้วยท่าทีจริงจัง เฒ่าหม่าก็อึ้งจนพูดไม่ออก เส้นเลือดบนขมับปูดโปนออกมาก่อนจะกัดฟันพูด “พวกแกวางแผนกันมาแล้วใช่ไหม…”

“จะคุยกับคนอย่างลุงเราก็ต้องวางแผนกันก่อนอยู่แล้วสิ” แมวเฒ่าตอบ

“ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์…” แมวเฒ่าถ่มน้ำลายด้วยความหงุดหงิด

สองสหายไม่ตอบโต้อะไรนอกจากหัวเราะกันเบาๆ

“เอาตานั้นก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอาเงินมาส่งให้”

สาเหตุที่เฒ่าหม่ายอมตกลงเพราะรู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจ่ายเงินให้ทั้งสอง ไม่อย่างนั้นฝั่งตำรวจคงไม่ช่วยเขาแน่ อีกอย่าง…นี่เป็นช่องทางในการสร้างพันธมิตรด้วย

“ลุงหม่า! เฒ่าหลี่ฝากมาบอกด้วยว่าอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไรตอนนี้” ฉินอวี่แจ้งข่าว

“รู้แล้ว” เฒ่าหม่าพยักหน้าก่อนเดินจากไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ฉินอวี่และแมวเฒ่าเดินไปตามถนนพร้อมพูดคุยกันอย่างออกรส

“เราจะแบ่งเงินสามหมื่นหยวนยังไงดี?” ฉินอวี่ถาม

“เราแบ่งกันคนละห้าพัน ส่วนที่เหลือยกให้เฒ่าหลี่ดีไหม?” แมวเฒ่าเสนอความคิด

“ฉันอยากแบ่งให้คนในทีมด้วย” ฉินอวี่พูดขึ้น “พวกนั้นพยายามมากในการคลี่คลายคดีลักลอบขนยา แถมวันนั้นจู้เหว่ยยังยืนอยู่ข้างฉันด้วย”

“ถ้างั้นให้เฒ่าหลี่หมื่นห้าดอลลาร์ อีกห้าพันก็เอาไปแบ่งคนในทีมของนาย” แมวเฒ่าตอบอย่างไม่ลังเล เขาไม่ใช่คนโลภจึงไม่คิดมาก

“ตามนั้น” ฉินอวี่พยักหน้าเห็นด้วย

“ไหนๆ ก็เรียกเงินแล้ว เราน่าจะเรียกสักห้าหมื่น” แมวเฒ่าบ่นด้วยความเสียดาย “ไม่น่ามักน้อยเลยเรา”

“ฮ่าๆ ไอ้หน้าหน้าเลือด!” ฉินอวี่ระเบิดหัวเราะ

กลุ่มคนจำนวนมากรวมตัวกันที่บ้านพักหลังหนึ่งบนถนนศักราชใหม่ บริเวณโดยรอบมีดอกไม้มากมายวางเรียงรายอยู่ ผ้าขาวที่ประดับหน้ากระถางธูปพลิ้วไปตามสายลมทำให้บรรยากาศดูหม่นหมองยิ่งขึ้น

“พี่หัว”

“หัวหน้า”

“โอ้ หยวนหัวมาแล้วเหรอ?”

“สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะเพื่อนหัว เป็นอะไรหรือเปล่า?”

ผู้คนในงานต่างทักทายหยวนหัวทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป แขกผู้ร่วมงานมีหลายเชื้อชาติ ดังนั้นพวกเขาจึงทักทายด้วยภาษาที่แตกต่าง สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลของหยวนหัวในเขตพิเศษที่เก้านั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน

หยวนหัวพยักหน้าตอบกลับ และหยุดคุยกับคนสนิทไม่กี่คนเท่านั้น ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะเดินเข้าไปในห้องโถง

“เชิญทุกท่านมาปักธูปได้เลยครับ!” พิธีกรงานศพกล่าว

ภรรยาของหยวนเหว่ยนำธูปที่เป็นของหายากในยุคนี้มอบให้หยวนหัว

หยวนหัวโค้งคำนับภรรยาหยวนเหว่ย ก่อนปักธูปลงในกระถางหน้ารูปถ่ายของหยวนเหว่ยและไอ้เสือ

“หยวนหัว…จากนี้ฉันจะทำไงดี?” ภรรยาหยวนเหว่ยร้องไห้ทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง

หยวนหัวเดินไปพยุงอาสะใภ้ให้ยืนขึ้นก่อนพูดว่า “หลังจบงาน อาย้ายเข้ามาบ้านผมเถอะ ผมจะดูแลอากับหลานๆ เอง”

“อาหัว…มันไม่ยุติธรรมที่พี่เหว่ยต้องตายแบบนี้!”

“หนี้แค้นนี้ผมจะเอาคืนพวกมันอย่างสาสม” หยวนหัวตอบพลางตบบ่าอาสะใภ้ “ช่วยตั้งสติหน่อย…แขกยังอยู่ในงานนะครับ”

อาสะใภ้กัดฟันกลั้นน้ำตาก่อนพยักหน้า

หยวนหัวหันไปมองลูกน้องพลางออกคำสั่ง “ตามฉันไปประชุมที่ชั้นสอง”

สิบนาทีต่อมา

หยวนหัวนั่งบนเก้าอี้ไม้พลางกล่าวกับผู้ร่วมประชุมว่า “ฉันรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการชิงเส้นทางขนส่งสินค้ามาจากฉีหลินให้เร็วที่สุด ฉะนั้นเราถึงต้องรีบเขี่ยพวกตระกูลหม่าให้พ้นทาง อย่าให้พวกมันได้ตั้งตัวเด็ดขาด ด้วยการนี้…เราจำเป็นต้องเขย่าถนนเถ้าธุลีกันสักหน่อย”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“จากสถานการณ์ตอนนี้ เราคงไม่ต้องห่วงว่าเรื่องจะบานปลายอีก เราต้องจัดการปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ได้” หยวนหัวพูดก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้น “หนึ่งเดือน…เราจะกวาดล้างตระกูลหม่าให้หมดไปจากถนนเถ้าธุลีภายในหนึ่งเดือน!”

“ตอนนี้เฒ่าหม่าเป็นพันธมิตรกับผู้กำกับการหลี่แล้ว…เราควรกังวลถึงเรื่องนี้ด้วยไหม?” ชายร่างเล็กขมวดคิ้วถาม

หยวนเค่อครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนตอบว่า “ฉันจะรับมือกับเจ้าหน้าที่เบื้องบนเอง ส่วนพวกนายก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป”

“รับทราบ”

ทุกคนในที่ประชุมพยักหน้ารับคำสั่ง

สิ้นเสียงคำสั่งของผู้นำ…ทำให้โลกใต้ดินของเขตพื้นทมิฬกำลังเคลื่อนไหวอีกครั้ง

………………………………….

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท