ตอนที่ 39 ทำให้ตาสว่าง
เช้าวันต่อมา
คดีฆาตกรรมในบ้านพักบนถนนศักราชถูกสำนักงานตำรวจพื้นทมิฬเข้าควบคุม ถึงกระนั้น…แม้จะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในเวลาหลายชั่วโมงที่ผ่านมา แต่น่าแปลกที่ไม่มีวี่แววของผู้กำกับการตำรวจหลี่แม้แต่น้อย
ผู้กำกับหลี่เดินทางไปประชุมที่เมืองเฟิงเป่ย ด้วยเหตุนี้ทำให้อำนาจสั่งการคดีจึงตกอยู่ในความรับผิดชอบของรองผู้กำกับการสำนักงานตำรวจใกล้เกษียณคนหนึ่ง
ผู้หมวดหน่วยสองที่ได้รับมอบหมายให้ทำคดีรู้สึกไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าเบื้องบนคิดยังไงถึงไม่สอบสวน แต่กลับยืดเวลาในการทำคดีออกไปแทน
…
เวลาเก้าโมงครึ่ง
เสียงโทรศัพท์ของแมวเฒ่าดังขึ้น
“ฮัลโหล?” เสียงผู้กำกับการตำรวจหลี่ดังขึ้นจากปลายสาย
“รู้เรื่องแล้วใช่ไหมครับ?” แมวเฒ่าถาม
ผู้กำกับหลี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ฉันไม่สนว่านายจะคิดยังไง…แต่ห้ามเข้าไปยุ่งกับเรื่องฉีหลินเด็ดขาด กลับไปสำนักงานซะและห้ามทำอะไรไม่เป็นเรื่องอีก”
“ผมขอปฏิเสธครับ” แมวเฒ่าตอบกลับอย่างไม่ลังเล
“นี่นายโง่รึเปล่า? ใช้สมองคิดหน่อยสิ!” ผู้กำกับหลี่ตะคอกอย่างฉุนเฉียว “ฉันพยายามหลีกเลี่ยงคดีค้ายามาตลอด แต่นายกลับวิ่งเข้าหามัน รู้ไหมว่าข้อมูลเส้นทางขนยาที่ฉีหลินมีเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน? คนทั้งในและนอกสำนักงานต่างจ้องกันตาเป็นมัน แล้วรองผู้หมวดตัวคนเดียวอย่างแกจะทำอะไรได้?”
“เฒ่าหลี่…ผมก็คือผม คุณก็คือคุณ และสิ่งที่ผมทำมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ ฉะนั้นไม่ต้องเดือดร้อนหรอก ต่อให้สุดท้ายจะไม่เป็นอย่างที่คิด ผมจะแบกรับมันไว้เอง ไม่ปล่อยให้คุณโดนหางเลขแน่นอน” แมวเฒ่าตอบแบบแทบไม่ต้องคิด
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!” ผู้กำกับการตำรวจหลี่คำรามด้วยความโมโห “ถ้าไม่เป็นเพราะฉัน นายคงไม่ได้เดินลอยหน้าอยู่ในสำนักงานตำรวจด้วยตำแหน่งรองผู้หมวดหรอก! แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฉันเข้าไปเกี่ยวได้ยังไง?”
“ถ้าอยากจะเอาเรื่องนั้นมาอ้างก็ตามใจคุณ ยังไงผมก็ขอปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง” แมวเฒ่าตอบอย่างไม่ละอายใจ “เลือกเอาแล้วกันว่าคุณจะปล่อยผมหรือช่วยทั้งผมกับฉีหลิน”
“ปะ…ปัญญาอ่อนรึไงวะ?”
“เฒ่าหลี่…ไม่สังเกตเหรอว่าช่วงนี้เหตุการณ์มันเงียบสงบผิดปกติ นั่นเป็นเพราะหยวนเค่อใช้เงินพี่ชายเขาเพื่อซื้อใจคนในสำนักงานตำรวจไงล่ะ คุณคิดเหรอว่าเขาอยากเป็นแค่ผู้หมวด? เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว…ใครๆ ก็รู้ว่าหยวนเค่อใฝ่สูง นี่คุณคิดจริงเหรอว่าแค่คุณไม่สนใจแล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปง่าย ๆ มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วมั้งครับท่าน!”
แม้บางครั้งแมวเฒ่าจะทำตัวเหลวแหลก แต่ครั้งนี้ถือว่าคำพูดของเขาน่าคิดอยู่ไม่น้อย
“เลิกลังเลสักที ผมจะทำให้คุณตาสว่างเอง!” แมวเฒ่าตะโกน
“ตาสว่างกับผีน่ะสิ! นายเอาจริง…”
“ตู๊ดๆ!”
ผู้กำกับหลี่พูดไม่ทันจบ แมวเฒ่าก็ตัดสายทิ้ง เขาพยายามโทรหาแมวเฒ่าอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีการตอบรับจากปลายสาย
…
ภายในรถ
ผู้กำกับการตำรวจหลี่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนตัดสินใจโทรหาฉินอวี่ “ฉินอวี่?”
“มีอะไรหรือเปล่าครับผู้กำกับ?”
“ตอนนี้แมวเฒ่ากำลังเข้าไปพัวพันกับเรื่องร้ายแรง ฉันเห็นว่านายค่อนข้างสนิทกับเขา จึงอยากให้นายช่วยพูดกล่อมเขาที…”
“ผู้กำกับหลี่ครับ ผมเห็นด้วยกับแมวเฒ่า และกะว่าจะโทรปรึกษาท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พอดี”
ผู้กำกับการตำรวจหลี่ชะงักเมื่อได้ยินคำพูดฉินอวี่ “นายช่วยใจเย็นๆ และคิดให้ดีก่อนได้ไหม? ไอ้แมวเฒ่ามันบ้าไปแล้ว นายจะตามน้ำไปกับมันทำไม?!”
“ผู้กำกับช่วยฟังผมก่อนเถอะครับ” ฉินอวี่พยายามพูดแทรก
“ว่ามา!”
“ผมเพิ่งติดต่อกับคู่แข่งของตระกูลหยวน…” ฉินอวี่เริ่มเล่าเรื่องที่เขารับรู้มาให้ผู้กำกับหลี่ฟัง…
…
ชั้นสองของบ้านพัก บนถนนศักราชใหม่
หยวนเค่อยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพลางคุยโทรศัพท์อยู่ข้างหน้าต่าง “วันนี้ตาเฒ่าหลี่ไม่เข้าสำนักงาน ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน”
“คิดว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร?” หยวนเค่อเอ่ยถาม
“เดาไว้เลยว่าเขาไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้เลยหาข้ออ้างเพื่อหลบหน้า แต่ถ้ามองอีกมุมก็ถือว่าเขาหลีกทางให้เรา” หยวนเค่อกล่าว “คดีใหญ่แบบนี้ ถ้าไม่มีตาเฒ่าหลี่สั่งการ พวกลูกกะจ๊อกคงไม่กล้าทำอะไรโดยพลการหรอก เขากำลังให้เวลาเราเพื่อหาฉีหลินและจัดการปัญหาทุกอย่าง”
“ดูเหมือนตาเฒ่าหลี่ก็ไม่ได้ไร้สมองซะทีเดียว” หยวนหัวตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ในเมื่อมันเปิดทางให้เราแล้ว ก็ควรรีบจัดการเรื่องนี้ให้จบซะ””
“ไม่ต้องห่วง…ยังไงไอ้ฉีหลินก็หนีไปไหนไม่รอด”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว…ฉันจะวางสายแล้วนะ”
สองพี่น้องตระกูลหยวนวางสายหลังคุยจบ
ขณะที่หยวนเค่อกำลังจะเดินออกจากห้อง จู่ๆ หัวหน้าการสามก็เคาะประตูและเดินเข้ามา
“มีอะไร?” หยวนเค่อขมวดคิ้วถาม
“หมอเถื่อนในตรอกเถ้าธุลีถูกเรียกตัวไปรักษาคนไข้ และหายตัวไปเมื่อคืนนี้ครับ” หัวหน้าการสามรายงาน “สายของเราไม่เห็นตอนที่เขาออกจากตรอก ดังนั้นผมจึงสันนิษฐานว่าหมอน่าจะยังอยู่ที่นั่น…และอาจเป็นไปได้ว่าเขากำลังรักษาตัวฉีหลินที่ถูกยิงอยู่ครับ”
หยวนเค่อพยักหน้าพลางเดินรอบห้องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “ได้ข่าวแมวเฒ่าบ้างไหม?”
“แมวเฒ่าออกปฏิบัติการจับกุมที่ชายแดนในคืนวานนี้ครับ แต่หลังรับสายจากใครบางคนเขาก็รีบร้อนออกไปทันที แล้วก็ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย” หัวหน้าการสามตอบ “และเมื่อเช้าเขาก็ไม่เข้าสำนักงานเช่นกันครับ”
“มันต้องอยู่กับไอ้ฉีหลินแน่” หยวนเค่อสันนิษฐาน
“คุณก็รู้ว่าแมวเฒ่ากับผู้กำกับหลี่รู้จักกัน” หัวหน้าการสามย้ำเตือน “คงจัดการไม่ได้ง่ายๆ แน่”
“ไอ้เด็กนั้นมันโง่” หยวนเค่อพูด ก่อนจะครุ่นคิดและพยักหน้าออกคำสั่ง “ก่อนอื่นต้องเราต้องรู้ให้ได้ว่าฉีหลินอยู่ไหน แล้วค่อยเลี่ยงการปะทะกับแมวเฒ่า เราไม่ควรเสี่ยงมีปัญหากับมันเด็ดขาด ”
“รับทราบครับ!” หัวหน้าการสามพยักหน้า
…
เวลาหกโมงครึ่งตอนเย็น
เขตรังสีโลหิตในตรอกเถ้าธุลี มีชายหนุ่มหน้าตาโหดเหี้ยมถ่มน้ำลายลงพื้นก่อนพูดว่า “ผมไปที่บ้านหมอเถื่อนนั่นมา ผู้ช่วยเขาบอกว่าหมอเอาอุปกรณ์และยาสำหรับรักษาแผลโดนยิงไปด้วย”
“มีอะไรอีกไหม?”
“ผมตรวจสอบประวัติการโทรของหมอเถื่อนพบว่าเบอร์สุดท้ายที่เขาคุยด้วยคือพนักงานกาสิโนชื่ออู๋หลง” ชายหนุ่มตอบพร้อมแสยะยิ้ม “เขาอาศัยอยู่บ้านในตรอกเถ้าธุลี พวกพ้องของเราตามหาจนเจอแล้ว แต่ตอนนี้เขายังไม่ยอมออกจากบ้านครับ”
“ถ้ามีอะไรคืบหน้าให้มารายงานฉันอีกครั้ง…ตอนนี้ฉันจะพาคนของเราไปที่ตรอกเถ้าธุลีก่อน”
“ครับ!”
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
รถยนต์จำนวนยี่สิบคันจอดอยู่ริมถนนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาจัด
หยวนเค่อและหัวหน้าการสามรออยู่ในรถราวสิบนาที ก่อนที่หนุ่มหน้าโหดจะวิ่งมารายงานว่า “พวกมันอยู่ด้านในครับ”
“มีกันกี่คน?”
“ประมาณสามถึงสี่คนครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงแผ่ว “เพราะต้องสังเกตการณ์ผ่านหน้าต่างเลยไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้ครับ”
หัวหน้าการสามลงจากรถพร้อมตะโกนเสียงดังว่า “คนที่อยู่ในนั้น ออกมาได้!”
“ฉันไปด้วย” หยวนเค่อพูดก่อนเปิดประตูลงจากรถ
หัวหน้าการสามชะงักเล็กน้อยก่อนถาม “ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอครับ?”
“ไหนๆ ตาเฒ่าหลี่รู้เรื่องแล้ว ฉันคงไม่ต้องระวังตัวอีก” หยวนเค่อตอบอย่างไม่แยแส
…
ขณะเดียวกัน…
ภายในโกดังร้างเขตพื้นทมิฬ…ชายชราผู้หนึ่งนั่งจิบชาบนเก้าอี้ไม้ง่อนแง่นพลางพูดว่า “พวกเราเงียบกันมาพอสมควรแล้วล่ะ…ถึงเวลาที่จะประกาศให้คนด้านนอกรู้ว่าคืนนี้เราจะสร้างความปั่นป่วน เอาให้วุ่นวายไปทั้งเมืองเลย ฮะฮ่า”
………………………………….