ตอนที่ 56 มาเยือนจี้อัน
สถานที่ที่ฉีหลินอาศัยอยู่ ห่างจากภูมิภาคเจียงโจวประมาณหนึ่งพันแปดร้อยกิโลเมตร เมื่อก่อนการเดินทางไปที่นั่นใช้เวลาเพียงยี่สิบชั่วโมง แต่หลังเกิดภัยพิบัติทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม หลายพื้นที่ได้รับความเสียหายจนยากต่อการเดินทาง เมื่อออกจากพื้นที่ทางเหนือ สิ่งที่ฉีหลินเห็นมีเพียงทะเลทรายกว้างกับแม่น้ำเหือดแห้ง
แทบจินตนาการไม่ออกเลยว่าหลายชีวิตที่เคยอาศัยแม่น้ำสายนี้หล่อเลี้ยงชีพจะลำบากขนาดไหน
โดยปัจจุบันสภาพความเป็นอยู่ในเอเชียแบ่งออกเป็นสามระดับ
ระดับสามคือเขตรกร้าง เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากหายนะวันสิ้นโลก บางที่พื้นดินแห้งแตก แม่น้ำหลายสายแห้งเหือด บ้างก็ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งหรือถูกมหาสมุทรกลืนกินก็มี
ย้อนกลับไปในช่วงก่อนวันสิ้นโลก รัฐบาลทุ่มทุนมหาศาลเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างผังเมือง น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจต้านทานภัยพิบัติทางธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสิ่งก่อสร้างทั้งหลายพังทลายลง ความเลวร้ายก็เข้ามาซ้ำเติมโดยเกิดการระเบิดของโรงงานนิวเคลียร์อย่างฉับพลัน
จนถึงทุกวันนี้พื้นที่เหล่านั้นยังคงเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป กว่าทุกอย่างจะฟื้นตัวอาจต้องใช้เวลานานอีกหลายสิบปี
ระดับสองคือเขตพัฒนา แม้ว่าสภาพความเป็นอยู่ในพื้นที่นี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่มนุษย์ก็ยังพออาศัยอยู่ได้ และเนื่องด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์และทรัพยากรที่มีจำกัดของเขตพิเศษทั้งเก้า ทำให้เขตพัฒนาจึงไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของรัฐบาลสัมพันธมิตร
ส่วนระดับหนึ่งคือพื้นที่ที่เขตพิเศษทั้งเก้าถูกรัฐบาลสัมพันธมิตรก่อตั้งขึ้นโดยเฉพาะ โดยแบ่งออกเป็นสี่เขตเอเชีย สี่เขตพันธมิตรยุโรป-แอฟริกาและเขตพิเศษที่เก้า ส่วนเขตปกครองพิเศษที่เจ็ดและแปดซึ่งตั้งอยู่ในประเทศจีนนับว่าเป็นเขตที่สำคัญกับรัฐบาลมาก เพราะมีทรัพยากรที่จำเป็นและกำลังในการค้าขายสูง
…
ภูมิภาคเจียงโจวตั้งอยู่ใกล้กับเขตพิเศษที่เจ็ด สภาพความเป็นอยู่นั้นดีกว่าทางตอนเหนือมาก ที่นั่นมีเมืองน่าสนใจมากมายอย่างชุมชนจี้อันที่คังกล่าวถึง ยิ่งไปกว่านั้นเจียงโจวยังเคยถูกวางให้เป็นเขตพิเศษที่สิบอีกด้วย
สองปีก่อน รัฐบาลสัมพันธมิตรเคยพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะสร้างเมืองที่นี่ดีหรือไม่ แต่ด้วยข้อจำกัดทางทรัพยากรและกลุ่มผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ทำให้การจัดการเป็นไปได้ยากจนโครงการต้องล้มเลิกไป
หลังจากขับรถต่อเนื่องมาเป็นเวลาสามวัน ในที่สุดฉินอวี่ ฉีหลิน และแมวเฒ่าก็มาถึงชุมชนจี้อัน ด้วยความเร่งรีบพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ทางลัดที่ยากลำบาก แม้แต่แมวเฒ่ายังออกปากว่าถ้าไม่มีฉินอวี่ผู้มีประสบการณ์ มาด้วย เขากับฉีหลินอาจตายเป็นผีเฝ้าถนนไปตั้งแต่ครึ่งทางแรกแล้ว บางเรื่องแค่ความบ้าบิ่นอย่างเดียวคงไม่พอ
แม้จะเผชิญกับอุปสรรคมากมายระหว่างทาง แต่สุดท้ายพวกเขาก็มาถึงจุดหมายทันเวลา
หลังจากเข้าไปในชุมชนจี้อันแล้ว ทั้งสามคนก็แวะหาของอุ่นๆ กินและพักผ่อนอยู่หลายชั่วโมง กระทั่งฟ้ามืดจึงมุ่งไปยังสถานบันเทิงแพลตตินั่มคาสเซิลทันที
สถานบันเทิงในยุคนี้ไม่ยิ่งใหญ่อลังการเหมือนไนต์คลับหรือบาร์คาราโอเกะเมื่อก่อน ตอนนี้ผู้คนต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด จึงไม่มีเวลามาร้องเพลง เต้นรำ หรือทำกิจกรรมยามว่างอะไรแบบนี้
แพลตตินั่มคาสเซิลมีทั้งหมดสามชั้น ประกอบด้วยห้องพักยี่สิบห้องและห้องรับแขกสิบห้อง แม้จะดูคล้ายบาร์ที่ใช้เป็นสถานที่ผ่อนคลาย แต่กลับมีคนมาใช้บริการน้อยเพียงหยิบมือเดียว เพราะส่วนใหญ่ลูกค้ามักเข้ามาใช้เป็นที่เจรจาต่อรองด้านธุรกิจกัน
ฉีหลินเปิดห้องบนชั้นสองตามที่คังบอก ไม่นานก็มีบริกรเดินเข้ามาพร้อมกับสาวสวยสิบสองคน
“รับเครื่องดื่มเพิ่มอีกไหมครับ?” บริกรถามอย่างสุภาพ
“อืม” ฉีหลินพยักหน้า
“เชิญท่านสุภาพบุรุษเลือกสาวสวยได้เลยครับ” บริกรกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพ “ที่นี่มีสาวๆ หลายคนคอยปรนนิบัติตามความต้องการของท่าน”
ฉินอวี่กับเพื่อนมาที่นี่เพื่อคุยธุระสำคัญ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจเรื่องอย่างว่าเลยกล่าวปฏิเสธไปอย่างสุภาพ “เพื่อนผมอีกคนยังมาไม่ถึง รอเขาก่อนแล้วกัน”
ขณะที่บริกรกำลังจะตอบกลับ ทันใดนั้นหญิงสาวที่ยืนอยู่ซ้ายสุดก็ก้าวออกมาแล้วพูดออดอ้อนด้วยรอยยิ้ม “พี่ชายสุดหล่อ ช่วยเลือกพวกเราสักสามคนเถอะ พวกเราต้องทำยอด ถ้าวันนี้ไม่มีใครเลือก…นอกจากจะไม่ได้ค่าคอมมิชชั่นแล้ว คงโดนหักเงินเดือนด้วยแน่ๆ”
แมวเฒ่าเป็นคนเจ้าชู้ พอได้ยินที่หญิงสาวพูด เขาก็ประเมินดูและเห็นว่าสาวสวยคนนี้มีดวงตาสวยคม รูปร่างโดดเด่นสะดุดตาและเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน เขาจึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “คนสวยอย่างหนูยังต้องเป็นห่วงเรื่องค่าคอมอยู่อีกเหรอจ๊ะ?”
เมื่อเห็นว่าแมวเฒ่าทำท่าสนใจ หญิงสาวก็รีบก้าวออกมาและพูดว่า “ที่นี่เราต้องแข่งขันกันเพราะมีผู้หญิงทุกแบบทุกเชื้อชาติ…ถ้าหนูไม่ขยัน ก็คงหาเงินไม่ได้หรอกค่ะ”
แมวเฒ่าหันไปกระซิบกับฉินอวี่ “ทำไมไม่เลือกพวกหล่อนมานั่งด้วยสักสองสามคนล่ะจะได้ดูไม่น่าสงสัย ถ้าเพื่อนของฉีหลงมาค่อยให้ออกไปก็ได้ ไม่แน่เขาอาจอยากได้สาวๆ ด้วยเหมือนกัน”
ฉินอวี่คิดว่าที่แมวเฒ่าพูดก็สมเหตุสมผล ดังนั้นเขาจึงตกลงพร้อมกับพยักหน้า “งั้นก็เลือกมาสามคน”
“สาวน้อย จะให้พี่เรียกเธอว่าอะไรดีจ๊ะ?” แมวเฒ่าเอ่ยถามหญิงสาว
“เรียกหนูว่าโกโก้ก็ได้ค่ะ”
“เรียกเพื่อนๆ หนูอีกสองคนมานั่งกับพวกเราสิ” แมวเฒ่าบอก
โกโก้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้ยินเช่นนั้น
“ทำไมล่ะ? หนูไม่มีเพื่อนเลยเหรอ?” แมวเฒ่าถามหยอกล้อ
“เปล่าค่ะ” โกโก้รีบตั้งสติก่อนเรียกผู้หญิงสองคนทางด้านซ้าย “พวกเธอสองคนมานั่งด้วยกันสิ”
สาวสวยสองคนนั้นเดินไปนั่งข้างฉีหลินและฉินอวี่
พนักงานเสิร์ฟโค้งคำนับและกล่าวอย่างสุภาพ “ค่ำคืนนี้ขอให้ทุกท่านมีความสุขนะครับ”
หลังจากนั้นเขาก็จากไปพร้อมกับเหล่าหญิงสาวที่ไม่ถูกเลือก
ด้วยกำลังว่าง แมวเฒ่าจึงมองไปที่ต้นขาของโกโก้ ก่อนที่จะใช้ฝ่ามือเข้าลูบไล้ “ผิวหนูนุ่มมากเลย”
“คุณพี่ใจร้อนจังเลยนะคะ”
“ไม่ได้รีบ พี่รู้วิธีควบคุมตัวเองหน่า… ”
ฉีหลินรู้สึกปวดหัวเมื่อเห็นแมวเฒ่าพูดจาอี๋อ๋อจึงหันไปบ่นกับฉินอวี่ว่า “ควบคุมวิธีหื่นๆ น่ะสิ”
โกโก้เปลี่ยนมานั่งไขว่ห้างก่อนจะแกะมือแมวเฒ่าออกจากต้นขาอย่างใจเย็นพลางพูดว่า “ที่จริงมือพี่ก็นุ่มเหมือนกันนะคะ”
แมวเฒ่ายกนิ้วชี้กับนิ้วกลางก่อนจะพูดขึ้น “สองนิ้วของพี่ก็ขนาดกำลังดีนะ”
โกโก้ตกตะลึง เธอไม่เคยเจอใครที่เอาแต่พูดจาลามกขนาดนี้มาก่อน “ตั้งแต่ทำงานที่นี่มา พี่ชายเป็นคนที่ปาก…หวานที่สุดเลยค่ะ”
…
ชั้นหนึ่งของแพลตตินั่มคาสเซิล
ชายหัวล้านวัยกลางคนเดินเข้าไปในสถานบันเทิงเพียงลำพัง
บริกรคนหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับเขาทันที “สวัสดีครับ ท่านมาคนเดียวหรือนัดใครไว้หรือเปล่าครับ? ไม่ทราบว่าได้จองไว้ไหมครับ?”
“ฉันแซ่คัง จองห้องพักชั้นสามไว้” คังเอ่ยตอบขณะหันมองโดยรอบ
“เชิญตามผมมาเลยครับ” บริกรยิ้มก่อนนำทางไปยังห้องดังกล่าว
…………………………………