Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 57

ตอนที่ 57

ตอนที่ 57 ชายนิรนามในชุดกันลมหนังแพะและผมหางม้า

คังเดินตามพนักงานขึ้นไปยังห้องพักที่จองไว้บนชั้นสาม เขามองสภาพโดยรอบก่อนนั่งลงบนเตียงและหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความ

“ผมมาถึงแล้วนะครับลูกพี่ กำลังจะติดต่อหาพวกนั้น”

“อืม” อีกฝ่ายรีบตอบกลับ

เมื่อรายงานลูกพี่แล้ว คังจึงโทรหาฉินอวี่ “มาถึงรึยัง?”

“สวัสดีครับพี่คัง” หลังติดต่อกันหลายครั้งทำให้ฉีหลินทราบชื่อของอีกฝ่าย “พวกผมมาถึงแพลตตินั่มคาสเซิลแล้วครับ”

“อยู่ตรงไหน?” คังถาม

“ห้องพักชั้นสองครับ” ฉีหลินตอบอย่างตรงไปตรงมา

ในห้องมืด คังนั่งครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนพูดขึ้น “มาที่ห้องหมายเลขเก้า ชั้นสาม”

“ได้ครับ”

“เออ”

หลังวางสาย คังเดินไปที่ประตูและมองผ่านช่องตาแมวเพื่อสังเกตห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ที่ชั้นสอง

ฉีหลินเก็บโทรศัพท์ก่อนหันไปบอกฉินอวี่และแมวเฒ่า “เพื่อนอาหลงมาถึงแล้ว เขารอเราอยู่ชั้นสาม”

“อ้าว เขาไปรออยู่ชั้นสามทำไม? ไม่ได้นัดกันที่ห้องนี้เหรอ?” แมวเฒ่าถามด้วยความสงสัย “หรือว่าหมอนั่นคิดจะ…?”

ก่อนที่แมวเฒ่าจะหลุดพูดอะไรไปมากกว่านั้น ฉินอวี่จึงรีบคว้าข้อมือเขาไว้ ก่อนหันไปพูดกับหญิงสาวทั้งสามว่า “พวกเธอออกไปได้แล้ว”

แมวเฒ่าหุบปากทันทีที่ถูกห้าม

โกโก้ตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนหันไปพูดกับหญิงสาวอีกสองคนว่า “พวกเราออกไปกันเถอะ พวกพี่ๆ คงอยากคุยกันส่วนตัว”

ฉินอวี่นั่งมองโกโก้และสาวสวยอีกสองคนเดินออกไปก่อนพูดขึ้นอย่างจริงจัง “หลังจากรับสายเพื่อนของอาหลง เราก็รีบร้อนมาทันทีทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน ฉันว่าเรามาวางแผนก่อนไปเจอหมอนั่นกันเถอะ”

เมื่อได้ฟังที่ฉินอวี่พูด ฉีหลินกับแมวเฒ่าจึงหยิบปืนพกที่เอวออกมา ปืนเหล่านี้ซื้อมาพร้อมกับตอนที่ได้รถจี๊ปจากทหาร ทั้งสามตรวจสอบปืนอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่ามันใช้งานได้ ก่อนจะหยิบกระสุนในกระเป๋าสัมภาระออกมาแจกจ่าย

“แอ๊ด!”

จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก โกโก้ตกใจยืนตัวแข็งเมื่อเห็นชายสามคนถือปืนอยู่

ฉินอวี่หันขวับไปที่ประตูก่อนจะจ้องหน้าโกโก้ด้วยความด้วยโมโห “ใครบอกให้เธอเข้ามา?!”

“นะ…หนูลืมกระเป๋าไว้เลยเข้ามาเอา ชะ…เชิญพวกพี่ตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวหนูค่อยมาเอาก็ได้…” พูดจบโกโก้ก็รีบปิดประตูทันที

แมวเฒ่าเหลือบมองที่โซฟาและเห็นว่ากระเป๋าของโกโก้วางอยู่จริง เขาจึงหันไปพูดกับอีกสองคนว่า “รีบไปกันเถอะ”

เมื่อเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อย พวกเขาจึงออกจากห้องพักและขึ้นไปยังชั้นสาม

ที่ชั้นสาม

มีใครบางคนโทรศัพท์มาหาคัง เขามองหมายเลขที่โทรเข้ามาแต่ยังไม่ทันได้กดรับสาย ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอกประตูดังขึ้น

ตรงโถงทางเดิน ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อกันลมหนังแพะ กางเกงคาร์โก้สีเขียวลายพราง และรองเท้าบูตหนังสกปรก รอบเอวมีเข็มขัดเส้นหนารัดอยู่ ผมยาวถูกมัดรวบเป็นหางม้า เขาเดินนำพรรคพวกอีกสี่คนตรงมายังห้องหมายเลขเก้าอย่างช้าๆ

ใบหน้าของชายหนุ่มนิรนามเต็มไปด้วยหนวดเคราหนา ดวงตาของเขาดูเฉียบคมเป็นพิเศษ ริมฝีปากแสยะยิ้มอยู่ตลอดเวลาทำให้ยากจะคาดเดาความคิด เขาหันไปด้านหลังก่อนจะออกคำสั่ง “มันอยู่ในนี้ เข้าไปจับมัน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น พรรคพวกสองคนที่อยู่ทางด้านซ้ายสุดและขวาสุดก็เร่งฝีเท้าไปข้างหน้า แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงโหวกเหวกดังขึ้นมาจากบันไดชั้นสอง

“ฉันทุ่มให้แกไปจนหมดหน้าตัก! แล้วแบบนี้หมายความว่าไง?”

“เพื่อนรัก นายจะหาว่าฉันโกงเหรอ? ฉันไม่ใช่พระเจ้านะ…จะให้รับประกันได้ไงว่าทุกคนจะได้เงินเหมือนกัน”

“อย่ามาโกหก! ฉันรู้ว่าแกตั้งใจจะฮุบเงินฉัน!”

ชายที่อยู่ทางซ้ายชะงักฝีมือก่อนจะหันไปถามชายหนุ่มว่า “เอาไงต่อดี?”

“ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน ทำหน้าที่ของตัวเองไป” ชายหนุ่มในเสื้อกันลมหนังแพะตอบพลางสอดแขนเข้าไปในแขนเสื้อ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น พรรคพวกของเขาก็เดินหน้าต่อทันที

กลับมาที่ชั้นสอง

ชายสามคนกับชาวผิวขาวอีกสามคนกำลังมีปากเสียงกันอยู่ พวกเขาทั้งตะคอกและสบถคำหยาบคายใส่กัน กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งจนเหม็นสาบไปทั่วบริเวณ

เนื่องจากบันไดค่อนข้างแคบ ความชุลมุนวุ่นวายที่เกิดจึงทำให้ฉินอวี่และเพื่อนไม่สามารถเดินผ่านไปได้

ด้วยเห็นว่าไม่น่าจะหยุดทะเลาะกันง่ายๆ ฉินอวี่จึงดึงชายผิวขาวออกมา “ขอโทษนะครับ”

“ทำอะไรของแก! รู้ไหมว่าทักซิโด้ของฉันซื้อมาเท่าไร?” ชายผิวขาวแผดเสียงอย่างอวดดี

แมวเฒ่าก้าวไปข้างหน้าแล้วดึงกระบอกปืนออกมาตบหน้าอีกฝ่าย “มาอาศัยถิ่นเขาอยู่ก็รู้จักเจียมกะลาหัวซะบ้าง! ไสหัวไป!”

เมื่อเห็นว่าแมวเฒ่ามีปืน ชายผิวขาวก็ยืนตัวแข็งทื่อทันที

ความวุ่นวายสงบลง ฉินอวี่ แมวเฒ่าและฉีหลินก็ผลักคนกลุ่มนี้ออกไปให้พ้นทางก่อนจะแทรกตัวขึ้นบันไดไป

ไม่ถึงสิบวินาทีพวกเขาก็มาถึงทางเดินชั้นสาม ขณะกำลังมองหาห้องหมายเลขเก้า ทันใดนั้นก็มีเสียงคนถีบประตูดังมาจากทางด้านซ้าย

ฉินอวี่ก้มหัวลงทันที

“ปัง!”

จากนั้นเสียงปืนก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วแพลตินั่มคาสเซิล

“เกิดอะไรขึ้น?” ฉีหลินถามพลันจับปืนที่เอวของเขาโดยสัญชาตญาณ

ฉินอวี่ตอบสนองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็ว เขาสังเกตป้ายที่แขวนอยู่ตรงประตูก่อนพบว่าเสียงปืนพวกนั้นดังมาจากห้องหมายเลขเก้าที่พวกเขากำลังตามหา

ขณะเดียวกัน บริเวณทางเลี้ยวบนโถงทางเดินด้านหน้า คังจ้องชายหนุ่มที่สวมเสื้อกันลมหนังแพะด้วยสีหน้างุนงงพลางสบถด่า “ไอ้พวกสารเลว!”

ชายหนุ่มสวมเสื้อกันลมหนังแพะ ดึงมือออกจากแขนเสื้อพลางอมยิ้มและตบที่หน้าของคัง “ไม่ดีใจรึไงที่เจอฉัน?”

“แก…”

“ลองแหกปากอีกทีสิ ฉันเป่าหัวแกแน่” ชายหนุ่มสวมเสื้อกันลมหนังแพะขู่พลางกวักมือเรียกพรรคพวก “ไปกันได้แล้ว”

“เมื่อกี้มันกล้ายิงสู้เรา” หนึ่งในพรรคพวกของชายหนุ่มพูดขึ้น “แสดงว่าลูกพี่มันต้องมีอิทธิพลอยู่แถวนี้แน่”

ชายหนุ่มสวมเสื้อกันลมหนังแพะลูบปอยผมหางม้าเล่นอย่างใจเย็นก่อนจะออกคำสั่ง “ถ้างั้นคงมีเรื่องแน่ถ้าออกประตูหลัก ออกทางหน้าต่างเอาก็แล้วกัน”

เมื่อพูดจบ กลุ่มคนเหล่านั้นก็รีบเดินไปที่ขอบหน้าต่างทันที

ตรงโถงทางเดิน

ฉินอวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวิ่งไปตามเสียงโหวกเหวก หลังจากเลี้ยวไปอีกสองโค้งเขาก็พบว่าคังกำลังถูกลากไปทางหน้าต่าง

แมวเฒ่าวิ่งตามฉินอวี่มาติดๆ จึงทันเห็นเหตุการณ์เช่นกัน เขายืนอยู่หลังฉินอวี่เล็กน้อย ด้วยไหวพริบที่มีจึงรู้ได้ทันทีก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่น “นั่นพี่คัง!”

หลังตะโกนออกไป แมวเฒ่าก็ดึงฉินอวี่เข้ามาหลบตรงมุมทางเดิน

ที่ขอบหน้าต่าง คังพยายามหันมามองหาต้นตอของเสียงแต่ก็พบเพียงทางเดินว่างเปล่า ด้วยความกระวนกระวายใจเขาจึงตะโกนออกมาสุดเสียง “ช่วยฉันด้วย!”

“เพล้ง!”

ไม่ทันขาดคำ ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมกันลมหนังแพะก็ลากคังออกไปจากหน้าต่างพร้อมกับเขา

ขณะยืนอยู่ตรงโค้งทางเดิน แมวเฒ่าก็มองฉินอวี่อย่างกระวนกระวายพลางพูดขึ้น “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีกเนี่ย? ทำไมต้องมีเรื่องเกิดขึ้นตอนสำคัญทุกที!”

“เวรเอ๊ย!” ฉินอวี่ถอนหายใจและสบถ “ซวยอะไรอย่างนี้วะ! จะทำอะไรทำไมต้องมีแต่ปัญหา?”

“เราต้องไปช่วยพี่คังให้ได้ ไม่งั้นที่ถ่อมาถึงนี่ก็เปล่าประโยชน์” ฉีหลินพูดขึ้นขณะรีบร้อนวิ่งไปยังหน้าต่างหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ

………………………………..

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท