Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 60

ตอนที่ 60

ตอนที่ 60 ก่อนรุ่งสาง

บนถนนด้านหน้าทางเข้าแพลตตินั่มคาสเซิล หลังเสียงปืนดังขึ้น ฉินอวี่มองลูกค้าที่กำลังวิ่งออกจากสถานบันเทิงอย่างวุ่นวายพร้อมพูดขึ้นมา “ฉันจะเข้าไปสอดแนมเอง ส่วนนายรออยู่ที่นี่”

“ฉันจะไปด้วย”

“อย่าเลย” ฉินอวี่ตอบขณะถอดเสื้อแจ็กเกตออกมากลับด้าน “ตอนนี้ข้างในกำลังวุ่นวาย ถ้าพวกมันเห็นเราคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามหรอก ฉันจะรีบไปสอดแนมแล้วจะรีบกลับมา”

“งั้นฉันจะรออยู่ด้านนอก ถ้ามีอะไรให้นายยิงปืนแล้วฉันจะรีบเข้าไปช่วยทันที

“อืม” ฉินอวี่ตอบ

หลังจากกลับด้านเสื้อแจ็คเกตแล้ว ฉินอวี่กวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนข้ามถนน

ตอนนั้นเองได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ฉินอวี่จึงหันขวับไปเจอกับชายคนหนึ่งยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล “พอดีงานของฉันมีปัญหานิดหน่อยน่ะ ฉันว่าจะแวะไปดูก่อนกลับบ้าน…อ้อ พรุ่งนี้ฉันจะลา ฮ่าๆๆ ไม่ต้องห่วงหรอก อีกอย่างวันนี้เจ้านายให้โบนัสด้วย ฉันจะพาเธอไป…”

ฉีหลินหันศีรษะไปทางชายคนดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ประโยคนั้นดึงดูดความสนใจของเขามาก

เส้นผมที่เรียบแปล้กับเสื้อขนนกทำให้ดูไม่คุ้นตาเท่าไร แต่เมื่อมองรูปร่าง การแต่งตัว และการเคลื่อนไหว ฉินอวี่จดจำได้ทันทีว่าเขาคือชายแจ็คเกตดำที่ยืนคุยกับชายสวมเสื้อกันลมหนังแพะข้างรถกระบะ!

แม้ไม่ได้ปฏิบัติการในแนวหน้า แต่ประสบการณ์ในการเป็นตำรวจมาหลายปีทำให้ฉินอวี่เป็นคนหูตาไวและมีความจำที่แม่นยำ ดังนั้นเขาจึงชายคนนั้นได้ทันทีเช่นกัน

ฉินอวี่หันกลับพร้อมก้มลงกระซิบกับฉีหลิน “เราคงไม่ต้องไปเองแล้วล่ะ…ไอ้นี่น่าจะช่วยเราได้เยอะทีเดียว”

“ฉันจะไปจับมันเอง” ฉีหลินพูดก่อนเดินออกไป

หลังจากวางสาย ชายคนดังกล่าวจึงเดินข้ามถนนเพื่อเข้าไปในแพลตตินั่มคาสเซิลผ่านทางเข้าหลัก

“ไอ้น้อง!” ฉีหลินเดินไปตบบ่าชายคนนั้น

ชายคนนั้นหันกลับมาข่มขู่ “แกเป็นใคร?”

ฉีหลินชักปืนออกมาจากเอวพลางกล่าวอย่างเย็นชา “ระวังปากหน่อย!”

ชายคนนั้นเผยสีหน้าตื่นตระหนกทันที

สิบนาทีต่อมา ชายสวมเสื้อขนนกนอนโอดครวญพลางเอามือกุมศีรษะเพื่อป้องกันไม่ให้โดนเตะ ทั้งตรอกคละคลุ้งไปด้วยหกลิ่นคาวเลือดที่ไหลอาบหน้าของเขา “หยุดเถอะ! อย่าทำฉันเลย ขอร้องล่ะ…”

ฉินอวี่พับแขนเสื้อพร้อมคำราม “เขาอยู่ไหน?”

“ใคร? แกจำคนผิดหรือเปล่า?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉีหลินจึงเตะที่ศีรษะของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง “พี่คังอยู่ที่ไหน?!”

“ฉันไม่รู้จักพี่คัง…” ชายคนนั้นยังคงปฏิเสธพร้อมยกมือขึ้นกุมศีรษะ

ฉินอวี่กระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายก่อนถ่มน้ำลายใส่หน้า “ฉันเห็นแกรับเงินมันข้างรถกระบะที่จอดอยู่หน้าตรอก ถ้ากล้าโกหกอีก ฉันจะเอาลูกปืนกรอกปากแกซะ!”

“เสียงโทรศัพท์ของแกเองเหรอ?” ชายหนุ่มโพล่งออกมา

“นึกออกแล้วนี่” ฉินอวี่กระแทกหมัดเข้าที่หัวของชายคนนั้นก่อนตะโกน “ผู้ชายที่แกจับตัวไปอยู่ที่ไหน? พี่คังอยู่ไหน?!”

“ฉะ…ฉันเป็นแค่คนขายข่าว…”

ตึง!

ฉินอวี่หมดความอดทนจึงผลักชายคนนั้นไปด้านข้าง ก่อนยกเท้าขวาขึ้นกระทืบหัวเข่าซ้ายของเขาอย่างโหดเหี้ยม

กร๊อบ!

เสียงกระดูกหักดังลั่น

“อ๊าก!”

ชายคนนั้นจับหัวเข่าร้องครวญครางลั่นตรอกพร้อมกับพยายามร้องขอชีวิตอย่างสิ้นหวัง “หยุดเถอะ! ยอมแล้วๆ บอกก็ได้…คนที่ลักพาตัวพี่คังคือพี่เซียว เขาเป็นมือปืนรับจ้างจากเขตรกร้างที่ทำงานให้ตระกูลหลี่แห่งเจียงโจว ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องจับตัวพี่คัง แต่ถ้าให้เดาเขาน่าจะถูกพาตัวไปทางเหนือของชุมชนจี้อัน”

“บอกมาให้หมด!” ฉีหลินข่มขู่

“อะ…อืม! ผมมั่นใจเพราะได้ยินมาว่าพวกเขาจะพาพี่คังไปทางตอนเหนือของชุมชนจี้อัน…” ชายคนนั้นกลัวว่ากระดูกหัวเขาจะหลุดอีกข้าง จึงก้มหัวลงกับพื้นขณะกล่าวตอบ

ภายในตลาดชุมชนจี้อัน ถนนซ่งชิง

แมวเฒ่าถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีขี้ขลาด เขามองโกโก้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกล่าว “เธอเข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่ได้ลักพาตัวพี่คัง แต่มาเพื่อเจรจาการค้าเท่านั้น…จะบอกให้นะ ผมเป็นตำรวจที่ซื่อสัตย์และเที่ยงตรง! ทำไมคนอย่างผมต้องทำตัวแบบพวกอันธพาลด้วยล่ะ?”

“ซื่อสัตย์และเที่ยงตรงงั้นเหรอ?” โกโก้ดึงหนังมัดผมออกจากข้อมือขึ้นมามัดผมยาวสลวย “ฉันไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลยตอนที่อยู่ในห้องเก็บของ”

“ผมยอมรับว่าตอนนั้นหื่นนิดหน่อย เลยคิดว่าคุณเป็นหญิงขายบริการ”

แมวเฒ่ายังไม่ทันพูดจบ โกโก้ก็เข้ามาบีบกรามของเขาพร้อมจ้องมองอย่างเย็นชา “อย่าพูดจาเหลวไหลเพื่อถ่วงเวลาเลย”

“ผมเปล่านะ!”

“บอกความจริงมา! นายมาที่นี่เพื่อจับตัวพี่คังใช่ไหม?”

“พวกเราไม่ได้จับตัวพี่คังไปจริงๆ เรามาที่นี่เพื่อทำการค้าเท่านั้น!” แมวเฒ่าเบิกตากว้างพร้อมกล่าว “อาหลงคือพี่ชายของเพื่อนสนิทผม และเขาก็ถูกตระกูลหยวนฆ่าตาย พวกเราไม่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้สักหน่อย!”

“ไม่สำคัญหรอกว่าใครฆ่าอาหลง คนที่ทำให้ฉีหลินชีวิตที่ดีขึ้นต่างหากที่สำคัญกว่า” โกโก้แค่นเสียง “ซึ่งคนที่ว่าก็คือตระกูลหยวนไงล่ะ”

แมวเฒ่านิ่งเงียบ

“ถ้าเพื่อนของนายไม่ติดต่อกลับมาภายในเช้าพรุ่งนี้ นายเตรียมตัวถูกฝังไปพร้อมกับปากเน่าๆ ของนายได้เลย” โกโก้กล่าวพลางปล่อยกรามของแมวเฒ่า ก่อนหันกลับไปพูดกับลูกน้อง “ถ้าพวกมันสามารถจับตัวพี่คังได้ง่ายขนาดนี้ นั่นหมายความว่าต้องมีคนแฝงตัวอยู่ในแพลตตินั่มคาสเซิล…ตามหามันให้เจอแล้วฆ่าทิ้งซะ!”

“ครับลูกพี่!” ลูกน้องตะโกนตอบ

หลังจากพูดจบ โกโก้ก็เดินออกจากห้องก่อนขึ้นบันไดไป

แมวเฒ่ามองดูเงาของโกโก้ด้วยใจที่เต้นแรง

สมัยนี้แม้แต่ชายฉกรรจ์ยังดิ้นรนหาเลี้ยงชีพด้วยความยากลำบาก ดังนั้นการที่ผู้หญิงบอบบางสามารถไต่เต้าขึ้นเป็นผู้นำแสดงว่ามีความสามารถสูงมาก อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนที่มีความเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง

บนถนน

ฉินอวี่ดึงชายสวมเสื้อแจ็คเกตให้ลุกขึ้นก่อนเอ่ยถาม “ตอนนี้เราอยู่ห่างจากทางเหนือของชุมชนจี้อันแค่ไหน?”

“ปะ…ประมาณสิบกิโลเมตรครับ” ชายสวมแจ็คเกตสีดำตอบอย่างสุภาพขณะเดินตามทั้งสองคนไป

ฉีหลินขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยถาม “พวกเขาตั้งใจจะทำอะไรหลังจากลักพาตัวพี่คัง?”

“ผมไม่แน่ใจ” ชายเสื้อดำส่ายศีรษะ “ผมไม่ได้ถามเรื่องนั้นครับ เพราะการรู้มากเกินไปอาจเป็นอันตราย”

“ตอนนี้พี่คังตกอยู่ในอันตราย” ฉินอวี่กล่าวเสียงเครียด “แม้แต่เพื่อนมันยังกล้าฆ่า นับประสาอะไรกับพี่คังล่ะ”

หัวใจของฉีหลินสั่นรัวเมื่อได้ยิน

“เราไม่มีรถ ถ้าต้องเดินเท้าเป็นระยะทางสิบกิโลเมตรคงกลับมาไม่ทันแน่” ฉินอวี่พึมพำขณะเหลือบมองนาฬิกา “เราต้องหาทางอื่นเพื่อให้ไปถึงที่นั่นโดยเร็ว”

ฉีหลินกวาดสายตามองริมถนน ก่อนเดินไปยังทางเข้าร้านอาหารและตะโกน “เจ้านายของพวกแกอยู่ไหม?”

“อยู่” เจ้าของร้านที่ยืนข้างเคาน์เตอร์ตอบ

“ขายมอเตอร์ไซค์คันนี้ไหม?”

“จะบ้าเหรอ? ไม่ขายโว้ย!” เจ้าของร้านตอบอย่างเหลืออดขณะเดินไปนั่งบนเก้าอี้

ฉินอวี่เดินเข้าไปในร้านอาหาร และหยิบเงินหนึ่งพันดอลลาร์ออกมาแล้วถามอีกครั้ง “จะขายหรือไม่ขาย?”

เจ้าของร้านอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นจึงยกขาขึ้นไขว่ห้างและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ถ้าให้เพิ่มอีกหนึ่งพันฉันถึงจะขาย”

ตึง!

ฉินอวี่กระแทกปืนลงบนโต๊ะ “ฉันไม่มีแล้ว มีแค่พันเดียวพอรึเปล่า?!”

เจ้าร้านรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที

สิบนาทีต่อมา

ลมหนาวพัดมาปะทะร่างฉีหลิน ฉินอวี่ และชายสวมเสื้อแจ็คเกตสีดำ ในขณะที่พวกเขาขี่มอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปทางตอนเหนือของชุมชนจี้อัน

………………………………….

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท