Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 72

ตอนที่ 72

ตอนที่ 72 นำความขัดแย้ง

หลังจากถึงซ่งเจียง…

ฉินอวี่และแมวเฒ่ามุ่งหน้าไปที่บ้านเลขที่แปดสิบแปดพร้อมด้วยเด็กหนุ่มที่พวกเขาช่วยไว้ทันที

ภายในห้องนอน ฉินอวี่ถอดเสื้อผ้าเหม็นอับของเด็กหนุ่มออกและโยนทิ้งที่ประตูทางเข้า จากนั้นเทน้ำเย็นล้างหน้าตัวเอง

“นายจะทำยังไงกับไอ้เด็กนี่? ให้อยู่ที่นี่เหรอ?” แมวเฒ่าเอ่ยถาม

ฉินอวี่ส่ายศีรษะขณะใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าเด็กหนุ่มพร้อมตอบว่า “ฉันจะเอาเวลาไหนไปดูแลวะ? ถ้าเขาหายดีแล้วฉันจะขอให้จู้เหว่ยช่วยหางานในซ่งเจียงให้เขาทำ ถ้าเขาหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ก็คงจะดี…”

“ฟังดูเข้าท่า แต่เขาไม่มีวีซ่าหรือสิทธิพักอาศัย ถ้าอยู่ในฐานะผู้อพยพ เขาอาจถูกไล่ออกจากเมืองเมื่อไรก็ได้” แมวเฒ่ากล่าวพร้อมครุ่นคิด “ช่างมันเถอะ ฉันจะช่วยนายคิดหาวิธีเอง ฉันพอจะรู้จักคนขับรถที่มักเดินทางเข้าออกเขตพิเศษประจำ และด้วยรายละเอียดของงาน ทำให้พวกเขาได้รับวีซ่าชั่วคราวถึงสามสิบวัน”

“ดีเหมือนกัน ไหนๆ เราก็รับเขามาแล้ว อย่างน้อยก็ควรช่วยให้เขาตั้งหลักได้สิ” ฉินอวี่ตอบพร้อมพยักหน้า

“งั้นไปกันเลยไหม? ตอนนี้เฒ่าหลี่รออยู่ที่สำนักงานตำรวจ”

“อืม ไปสิ”

หลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองก็ล็อกประตูและออกจากบ้านไป

ช่วงบ่าย ภายในห้องทำงานของผู้กำกับการหลี่ที่สำนักงานตำรวจ

ผู้กำกับการหลี่มองฉินอวี่ด้วยสีหน้าพึงพอใจพร้อมกวักมือเรียกเขาไปนั่งที่เก้าอี้ “นั่งสิ”

ฉินอวี่นั่งลงบนเก้าอี้พร้อมถามด้วยรอยยิ้ม “ลุงหลี่เพิ่งกลับมาจากเฟิงเป่ยเหรอครับ?”

“อืม” ผู้กำกับหลี่พยักหน้าพลางส่งบุหรี่ให้ฉินอวี่ “การเจรจาที่เฟิงเป่ยสำเร็จแล้ว แต่นายต้องบอกให้ตระกูลหม่าอยู่เงียบๆ ไปสักพัก เพราะเราจำเป็นต้องโน้มน้าวเบื้องบนเรื่องกำไรในการค้ายา และถ้าเกิดปัญหาในช่วงนี้ก็มีแต่จะลดทอนความเชื่อมั่นเท่านั้น”

“ครับผม” ฉินอวี่พยักหน้าและถามขึ้นอีกครั้ง “ในเมื่อช่องทางค้ายาถูกรื้อขึ้นแล้ว ลุงหลี่คิดว่าเป็นไปได้ไหมที่เราจะประกันตัวหม่าเหลาเอ๋อออกมาตอนนี้?”

“อืม นายจัดการได้เลย แต่ต้องมั่นใจนะว่าจะไม่มีปัญหาตามมา เพื่อที่จะได้ไม่มีใครจับผิดเรา เพราะตอนนี้หยวนเค่อคงจะทำได้ทุกอย่างเพื่อป้ายสีนาย”

“รับทราบครับ” ฉินอวี่พยักหน้ารับคำ

ผู้กำกับการหลี่สูบบุหรี่พร้อมเปิดลิ้นชักหยิบใบรับรองและอินทรธนูออกมา “เอ้า รับไปสิ”

ฉินอวี่ยื่นมือไปรับของที่ผู้กำกับหลี่เอาให้ และเมื่อมองดูใกล้ๆ เขาก็เผยรอยยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า “ขอบคุณสำหรับการดูแลและความห่วงใยครับ ผมไม่คิดว่าจะได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสองเร็วขนาดนี้”

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทีมที่สามของนายถูกย้ายไปอยู่หน่วยที่สี่ และนายก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมสามอย่างเป็นทางการ ส่วนเรื่องงานค่อยไปคุยกับหยวนเค่อทีหลังนะ” ผู้กำกับหลี่กล่าว “นายจะอยู่ใต้บังคับบัญชาของหน่วยสี่สักพักนะ แล้วฉันจะหาโอกาสย้ายหัวหน้าหน่วยสี่ไปหน่วยอื่น และแต่งตั้งนายให้เป็นรองผู้หมวดก่อนเลื่อนขั้นครั้งหน้า”

ฉินอวี่รู้ว่าดีว่าเหตุผลที่เขาได้เลื่อนขั้นง่ายดายขนาดนี้ไม่ได้เป็นเพราะความสัมพันธ์ของเขากับแมวเฒ่าหรือความชื่นชมของผู้กำกับหลี่ แต่มันเป็นรางวัลที่สมควรจะได้รับหลังจากเขา ฉีหลิน และแมวเฒ่าเอาชีวิตไปเสี่ยงที่เจียงโจวต่างหาก เมื่อมาถึงจุดนี้ฉินอวี่จึงรู้สึกว่าในที่สุดเขาก็ได้รับการสนับสนุนในเขตพิเศษที่เก้าเสียที

“ขอบคุณครับลุงหลี่” ฉินอวี่ตอบ

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันคือสิ่งที่นายสมควรได้รับ” ผู้กำกับหลี่ตอบพร้อมโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “เอาล่ะ ไปได้แล้ว ฉันจะส่งเอกสารไปให้นายกรอกทีหลัง ส่วนเรื่องหอพักใหม่ ฉันจะปล่อยนายกับเหวินเจี๋ยจัดการเรื่องนี้”

“ครับ” ฉินอวี่ตอบพลางลุกยืนขึ้น

“ทำดีต่อไป แล้วนายจะไปได้ไกลกว่านี้” ผู้กำกับหลี่พูดพลางสูบบุหรี่

“ครับ ผมจะทำให้ดีที่สุด” ฉินอวี่พยักหน้าก่อนเดินออกจากห้อง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณ หอพักทีมที่สาม

ฉินอวี่นั่งอยู่บนเตียงพร้อมถือเอกสารคดีของหม่าเหลาเอ๋อไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งถือโทรศัพท์และกำลังโทรหาใครบาง

“ใช่ ฉันแจ้งผู้กำกับหลี่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว นายจัดการตามที่บอกได้เลย ปล่อยให้ดามินรับกรรมและบอกหม่าเหลาเอ๋อว่าอย่าหลุดปากพูดเรื่องไร้สาระเด็ดขาด…อ้อ นายไม่ต้องไปยุ่งกับอัยการล่ะ ผู้กำกับหลี่จะแจ้งพวกเขาทีหลัง…ใช่ ดามินครอบครองยาผิดกฎหมาย ดังนั้นจะไม่ถูกตัดสินประหารชีวิต แต่เขาต้องเตรียมใจอยู่ในคุกอีกสิบห้าปี ไม่…ไม่จำเป็นต้องผ่านทนาย นายบอกดามินได้เลย อืม ฉันจะให้นายจัดการเรื่องนี้ ขอบใจมาก”

ฉินอวี่วางสายทันทีที่ตกลงรายละเอียดเสร็จ ขณะนั้นเองกวนฉีก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าฉุนเฉียว “ทำไมไอ้เวรสามถึงทำตัวเหี้ยแบบนี้วะ? อยากเอาฝอยขัดหม้อไปขัดปากโสโครกของมันจริงๆ!”

ฉีหลินควรจัดการเรื่องส่งมอบงานด้วยตนเอง แต่เขาไม่สามารถพูดคุยกับคนของหยวนเค่อโดยไม่โมโหได้ จึงไหว้วานกวนฉีให้ประสานงานเรื่องนี้แทน ใครจะรู้ล่ะว่าจะเกิดปัญหา?

“เกิดอะไรขึ้น?” ฉินอวี่เอ่ยถาม

กวนฉีปลดกระดุมคอเสื้อพร้อมบ่นด้วยใบหน้าเหยเก “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนที่หัวหน้าต่อสู้กับพวกอันธพาลที่ร้านขายเนื้อจริงๆ ใช่ไหม? พวกเราเบิกกระสุนสามนัดและระเบิดสองลูกจากคลังอาวุธของหมวด แต่ไอ้หัวหน้าสามมันบ่นว่าพวกเราไม่ได้รายงาน ตอนนั้นมันวุ่นวายมากแต่มันก็ถามหารายละเอียดและเอาแต่บอกว่าจำนวนที่เราแจ้งกับของที่หายไม่ตรงกัน มันเลยอยากให้ผมเขียนรายงานเรื่องนี้อย่างละเอียด ไม่งั้นจะยื่นเรื่องร้องเรียน”

“ถ้าร้องเรียนแล้วจะเป็นยังไง?” ฉินอวี่เอ่ยถาม เขาไม่ได้อยู่ที่สำนักงานตำรวจนานจึงไม่รู้รายละเอียดในเรื่องนี้

“หัวหน้าก็รู้ว่าอุปกรณ์ทั้งหมดในคลังไม่ว่าปืนหรือกระสุนต้องได้รับการอนุมัติก่อนถึงจะใช้ได้ ดังนั้นมันคือเรื่องปกติที่จะถูกควบคุม” กวนฉีอธิบายด้วยเสียงทุ้มต่ำ “แต่เนื่องด้วยสถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะบังเอิญเจอกับอาชญากรรมในระหว่างลาดตระเวนและจำเป็นต้องใช้อาวุธเหล่านั้น แต่ไอ้สามก็เอาแต่จับผิดเรา มันบอกว่าอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นของหน่วยหนึ่งและเราใช้มันสำหรับเรื่องส่วนตัว อีกทั้งยังบอกว่าถ้าตัวเลขไม่ตรงกัน มันก็ไม่สามารถอธิบายทุกอย่างให้หน่วยพลาธิการได้”

“ไอ้คนใจแคบนั่นมันจับผิดได้แค่ในสำนักงานเท่านั้นแหละ” ฉินอวี่บ่นด้วยความรำคาญ “ไม่ต้องใส่ใจ มันอยากทำอะไรก็ปล่อยมันทำไป”

“ไม่ได้นะหัวหน้า!” กวนฉีแย้งขึ้นทันที “สุดท้ายแล้วเรื่องเบิกอาวุธต้องถูกรายงานไปที่กองบัญชาการอยู่ดี เพราะพวกเขากลัวว่าเจ้าหน้าที่จะลักลอบขนอาวุธออกไปหรือใช้อาวุธได้ตามอำเภอใจ ถ้าไอ้สามมันรายงานเรื่องนี้หัวหน้าจะถูกลงโทษนะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉิอวี่จึงขมวดคิ้วพร้อมลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางโมโหก่อนพูดว่า “น่าหงุดหงิดจังวะ…ป่ะ ไปหามัน!”

กวนฉีและฉินอวี่มุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานของหน่วยที่หนึ่งทันทีที่พูดคุยกันเสร็จ

หัวหน้าหน่วยสามกระดิกเท้าดูรายการสดผ่านคอมพิวเตอร์อย่างสบายใจ

ฉินอวี่เดินเข้าไปหาหัวหน้าหน่วยสามอย่างใจเย็นก่อนพูดว่า “พี่สามยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ?”

หัวหน้าหน่วยสามหันมองฉินอวี่เมื่อได้ยินก่อนอุทานว่า “ว้าว นี่ใช่หัวหน้าฉินของทีมเราหรือเปล่าเนี่ย? ยินดีด้วยที่ได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสอง!”

“เทียบกับพี่ไม่ได้หรอกครับ” ฉินอวี่ตอบด้วยรอยยิ้มก่อนพูดเข้าประเด็น “ผมมาที่นี่เพื่อถามเรื่องการส่งมอบงาน”

“ฉันก็อยากเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จเร็วที่สุด แต่รายละเอียดคดีของนายที่ร้านขายเนื้อยังคลุมเครือ ฉันเลยไปที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่พบร่องรอยของการใช้ระเบิดเลย” หัวหน้าหน่วยสามตอบอย่างกวนประสาท

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอวี่จึงยิ้มพลางโน้มตัวไปกระซิบหัวหน้าหน่วยสามว่า “ผมเก็บระเบิดไว้เองแหละพี่สาม มีคนต้องการทำร้ายผมมากมาย ผมเลยไม่มีทางเลือกนอกจากใช้มันป้องกันตัว ไว้ผมจะหาโอกาสส่งไปให้พี่ดีไหม?”

สีหน้าของหัวหน้าหน่วยสามเปลี่ยนไปทันที เขาลุกยืนขึ้นพลางตะโกนว่า “แกขู่ฉันเหรอวะ?”

“ฮ่าๆๆ!” ฉินอวี่ระเบิดหัวเราะ “โมโหแล้วเหรอ!”

………………………………….

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท