ตอนที่ 68 ผู้หญิงคนนี้ชื่ออวี่จินเหนียน
บนโต๊ะอาหาร
โกโก้ดื่มไวน์ขาวเกือบสองร้อยห้าสิบมิลลิลิตรแต่กลับไม่แสดงอาการเมาเลย ฉินอวี่เห็นแล้วว่าเธอมีนิสัยเด็ดขาดแค่ไหน เขาคงรู้สึกอายถ้าทำไม่ได้แบบเธอ ดังนั้นฉินอวี่และแมวเฒ่าจึงรินไวน์สามแก้วเพื่อร่วมอวยพรกับเธอ ส่วนฉีหลินไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้จึงทำได้เพียงนั่งเฉยๆ
พวกเขาก็รู้สึกมึนเมาเล็กน้อย ฉินอวี่เอ่ยถามโกโก้ด้วยรอยยิ้มหลังจากดื่มไวน์และอาหารไปสักพัก “โกโก้ ชื่อจริงของเธอคืออะไรเหรอ?”
“ชื่อจริงคืออวี่จินเหนียน” โกโก้ตอบพลางเช็ดคราบน้ำมันออกจากริมฝีปาก
ฉินอวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เหมือนชื่อผู้ชายเลย”
“ฟังดูดีนะ แต่ฉันว่ามันไม่เหมาะกับผู้หญิง” แมวเฒ่าตั้งข้อสังเกต “รู้สึกว่ามันแข็งกระด้างนิดหน่อย”
“สู่รู้!” โกโก้กลอกตา “‘จิน’ ในภาษาโบราณหมายถึงหยกงาม ถ้าใส่ในชื่อจะแปลว่าความบริสุทธิ์ซึ่งมันมีความหมายดี”
“เขาไม่มีใครสั่งสอนน่ะ อย่าไปสนใจเลย” ฉีหลินกล่าว
“ดูก็รู้ว่าไม่มีการศึกษา” โกโก้พยักหน้าเห็นด้วย
“ฉันว่าชื่อนี้เหมาะกับเธอมากนะ” ฉินอวี่กล่าวพลางมองโกโก้ “เธอเก่งกว่าผู้ชายส่วนใหญ่ซะอีก”
“ประจบฉันสินะ” โกโก้ส่ายศีรษะ “ฉันรับช่วงธุรกิจนี้ต่อจากพ่อ”
“ครอบครัวของเธอไม่มีลูกผู้ชายเลยเหรอ?” แมวเฒ่าถาม
“มี” โกโก้ตอบขณะคีบเนื้อแกะด้วยรอยยิ้มสดใส “แต่พวกเขาไม่เก่งเท่าฉัน”
ชายทั้งสามคนที่อยู่ในห้องเงียบไปทันที
โกโก้กล่าวเสริมด้วยความซุกซน “ล้อเล่น ฉันมีพี่ชายสองคน แต่พวกเขามีหน้าที่ดูแลอย่างอื่น”
ฉินอวี่มองโกโก้อยู่ครู่หนึ่งก่อนถาม “ฉันขอไปดูโรงงานผลิตยาของเธอได้ไหม?”
โกโก้ตอบโดยไม่ลังเล “ไม่!”
“ทำไม?”
“ลูกค้าของนายไม่ได้อยู่ในระดับสูง และอีกอย่างฉันยังไม่ไว้ใจนายแล้วจะให้ฉันพาไปได้ยังไง?” โกโก้ตอบ
“แล้วฉันจะตรวจสอบคุณภาพยาได้ยังไง?” ฉินอวี่ถาม
โกโก้ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “หลังจากทำธุรกิจกับฉันสองถึงสามครั้งแล้ว นายจะรู้ว่าชื่อ ‘อวี่จินเหนียน’ คือเครื่องหมายรับประกันคุณภาพที่ดีที่สุด”
“ฉันยังเชื่อเธอไม่ได้” ฉินอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้มเหยเก “เอาแบบนี้ดีกว่า แทนที่จะพาฉันไปโรงงานเพื่อดูสินค้าที่สอง เธอก็ให้ฉันจ่ายเงินมัดจำส่วนหนึ่งก่อน และจ่ายส่วนที่เหลือหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วดีไหม?”
“ฮ่าๆๆ ฉันคิดว่านายจะถ่อมตนและสุจริต แต่ดูเหมือนว่านายจะฉลาดกว่าที่คิดนะเนี่ย” โกโก้หัวเราะอย่างสะใจพร้อมเบิกตากว้างก่อนถามว่า “ไม่มีปัญญาจ่ายเงินเหรอ? นายกลัวว่ายิ่งกักตุนมากก็ยิ่งขาดทุนมากเท่านั้น จึงคิดจะใช้การเยี่ยมชมโรงงานของเราเป็นข้ออ้างสินะ”
ฉินอวี่สำลักอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดต่ออย่างไร้ยางอาย “ฉันคิดว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะการันตีผลกำไรของเรา”
โกโก้ชะงักไปชั่วครู่ก่อนตอบ “เงินมัดจำก้อนแรกต้องมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของยอดรวมทั้งหมดของสินค้า ก่อนที่ฉันจะปล่อยสินค้าให้นาย”
“ทำไมเราไม่คุยเรื่องนี้แทนล่ะ…” ฉินอวี่ยังคงต้องการต่อรองในเรื่องเงินมัดจำ
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง ฉันเสนอเงื่อนไขที่ดีที่สุดกับนายแล้ว” โกโก้พูดสวนขึ้น
เมื่อเห็นว่าการเจรจาล้มเหลว ฉินอวี่จึงทำได้เพียงพยักหน้าและพูดว่า “งั้นลดให้เราหน่อยสิ? เธอก็รู้นี่ว่าตระกูลหยวนคุมตลาดในซ่งเจียงอยู่ ส่วนตระกูลหลี่ก็กำลังจะเข้าสู่ตลาด ถ้าเราไม่รักษาข้อได้เปรียบ มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะแข่งกับพวกเขานะ”
“อย่าเสียเวลาเลย ฉันจะขายตามราคาที่เราตกลงกันไว้ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในตลาดแล้ว” โกโก้ปฏิเสธอีกครั้ง
ฉินอวี่ขมวดคิ้วและพยายามโน้มน้าวอีกครั้ง “สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ในตอนที่เธอยังร่วมมือกับอาหลงนั้นยังไม่มีคู่แข่งเยอะ และยังไม่มีปัญหากับตระกูลหยวนและตระกูลอื่นๆ ลองคิดดูสิว่าถ้าเราบุกตลาดในซ่งเจียงไม่ได้ เธอก็จะเสียผลกำไรไปให้คู่แข่งนะ”
โกโก้มองฉินอวี่อยู่ครู่หนึ่งก่อนแสดงความเห็นว่า “นายนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ!”
“ลดให้เราหน่อยนะ เราตั้งใจทำงานนี้จริงๆ” แมวเฒ่าพูดแทรก “พูดตรงๆ นะ คนที่จะทำการค้าต้องมีเส้นสายกว้างขวางเพื่อให้สินค้าผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งเงินที่พวกเราได้คือส่วนเล็กๆ เท่านั้น”
“วิธีการกระจายกำไรของพวกนายไม่ใช่เรื่องของฉัน” โกโก้กล่าว “ราคาที่ฉันเสนอต่ำที่สุดแล้ว ลดกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
“ฉันมั่นใจว่าเธอคงไม่อยากให้ตระกูลหยวนและตระกูลหลี่แบ่งตลาดยาของเธอไปใช่ไหมล่ะ?” ฉินอวี่กล่าวพลางล้วงบุหรี่ไฟฟ้าออกมา “เราต้องเบิกทางก่อนที่จะสร้างฐานลูกค้าซึ่งมันอาจจะมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นเธอก็จะได้รับผลตอบแทนมหาศาล”
โกโก้มองฉินอวี่และแมวเฒ่าที่พยายามโน้มน้าวเธออย่างไม่ลดละ ก่อนจะอมยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“อย่ามายั่วฉันนะ! เรากำลังพูดเรื่องธุรกิจอยู่! ทำไมเธอเอาแต่จ้องมาที่ฉันตลอดเลย?” แมวเฒ่าบ่น
โกโก้หัวเราะในลำคอ “การที่เราพูดคุยเป็นกันเองแบบนี้หมายความว่าพวกนายเห็นด้วยเรื่องราคาใช่ไหม?”
ฉินอวี่นิ่งอึ้งเมื่อได้ยิน
“ฉันไม่ได้โง่ อย่าใช้ตลาดในซ่งเจียงมาล่อเลย ฉันปฏิเสธไม่ได้ว่าตระกูลอวี่ของเราเป็นคู่แข่งกับสองตระกูลนี้ แต่นั่นเป็นแค่การต่อสู้เพื่อกระจายส่วนแบ่งในตลาด แต่ก็เทียบไม่ได้กับที่พวกนายที่ต้องพึ่งพาช่องทางการส่งสินค้าเพื่ออยู่รอดใช่ไหม?” โกโก้ชี้แจงอย่างชาญฉลาด
ฉินอวี่รู้สึกปวดหัวทันทีเพราะการที่จะเจรจากับผู้หญิงคนนี้นั้นเป็นเรื่องยากเพราะเธอทั้งเฉียบแหลมและละเอียดเกินไป
“เรากินอาหารมื้อนี้ด้วยกันเพราะหวังว่าเราจะร่วมมือกันด้วยความราบรื่น ฉันไม่ใช่คนที่บังคับให้เห็นชอบกับราคาที่ตั้ง แต่ไม่ใช่ว่าพวกนายจะเอาเปรียบฉันได้” โกโก้กล่าว
โกโก้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดต่อว่า “งั้นถอยคนละก้าวแล้วกัน ฉันลดราคายาให้นายสิบเปอร์เซ็นต์ ภายใต้ข้อตกลงว่าบริษัทต้องได้กำไรตามอัตรากำไรขั้นต้น โดยมีข้อแม้ว่านายต้องสั่งซื้อยาอย่างน้อยสองแสนดอลลาร์จากเราทุกเดือน ถ้าน้อยกว่านี้ฉันจะเก็บตามราคาที่เคยตกลงกันไว้”
แมวเฒ่ากระวนกระวายใจจึงอุทานว่า “มันไม่มากเกินไปเหรอ? เธอกำลังบอกให้เรารับมือกับคู่แข่งและแย่งส่วนแบ่งในตลาดกับพวกเขา!”
“นายบอกเองว่าถ้าฉันลดราคาให้จะรักษาส่วนแบ่งในตลาด แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วทำไมฉันต้องลดราคาให้ด้วยล่ะ?” โกโก้ถามด้วยรอยยิ้ม
แมวเฒ่าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนยกนิ้วโป้งและพูดว่า “ถ้าเธอเป็นผู้ชาย เธอคงกำจัดตระกูลหลี่ไปนานแล้ว”
โกโก้จิบไวน์ขาวก่อนตอบว่า “อีกไม่นานตระกูลหลี่จะถูกกำจัด”
การเจรจาครั้งนี้ทำให้ฉินอวี่ชื่นชมโกโก้ ซึ่งในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกมั่นใจในหุ้นส่วนคนนี้มากขึ้น
ในตอนแรกฉินอวี่คิดว่าแม้โกโก้จะฉลาดมาก แต่เธอคงจะเสียเปรียบในโลกใต้ดินที่มีชายเป็นใหญ่
แต่หลังจากที่ติดต่อกับโกโก้ ฉินอวี่ก็ตระหนักว่าภายใต้รูปลักษณ์อ่อนวัยนั้น เธอคือนักเจรจาชั้นยอดที่สามารถพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับทุกคนบนโต๊ะอาหาร แต่เมื่อถึงเวลาต้องลงมือทำธุรกิจ เธอมีความคิดที่เด็ดขาดไม่แพ้ใครและมันทำให้เธอดูน่าเชื่อถือมาก”
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ในขณะที่ฉินอวี่กำลังจะกลับห้องเพื่อเตรียมการส่งตัวหลี่ถง แต่โกโก้ก็เข้ามาหยุดเขาเสียก่อน “ฉันมีอะไรจะถาม”
“ขอโทษนะ ฉันขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่าฉันขายความสามารถไม่ใช่ร่างกาย” ฉินอวี่ตอบด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นแมวเฒ่าจึงยกมือขึ้นและพูดว่า “ฉันไม่ปฏิเสธ! แค่หนูเอ่ยปาก พี่ก็จะยอมพลีกายเลยจ๊ะ!”
………………………………….