ตอนที่ 76 การปล่อยวางท่ามกลางความวุ่นวาย
ณ ชั้นสามของสถานบันเทิงแกรนด์เวิร์ลบนถนนเถ้าธุลี
หม่าเหลาเอ๋อที่กำลังสูบบุหรี่มองฉินอวี่และคนอื่นๆ พลางชี้กลุ่มสาวขายบริการที่ยืนเรียงรายอยู่ด้านหน้าสถานบันเทิงพร้อมกล่าว ฉันให้นายเลือกคนแรก ถ้าคนเดียวยังไม่หนำใจ นายจะสองหรือสามคนเลยก็ได้…วันนี้ฉันเลี้ยง!”
“ฉันเอาคนนั้น…เออ คนที่ส่งสายตายั่วยวนนั่นแหละ” แมวเฒ่าตะโกนพลางโบกมืออย่างไม่สงวนท่าที “มาหาพี่สิจ๊ะน้องสาว”
“สวัสดีค่ะคุณพี่สุดหล่อ!” หญิงสาวใบหน้าสะสวยเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มก่อนทักทายแมวเฒ่าด้วยภาษาเกาหลี
หลังจากที่แมวเฒ่าเลือกผู้หญิงแล้ว ฉินอวี่และคนที่เหลืออีกสามคนก็เลือกตาม จากนั้นหม่าเหลาเอ๋อได้เรียกบริกรมาเสิร์ฟเครื่องดื่มก่อนร้องเพลงคาราโอเกะเพื่อสร้างบรรยากาศอีกด้วย
เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้พวกเขาเริ่มเปิดใจคุยกัน หม่าเหลาเอ๋อที่ถือแก้วเบียร์อยู่ในมือนั่งลงข้างฉินอวี่พร้อมพูดว่า “ฉินอวี่…ฉันไม่ใช่คนใจแคบ พวกเราเคยเป็นศัตรูกันมาก่อนก็จริง แต่ฉันมีเหตุผลของฉันที่ต้องทำแบบนั้น ส่วนนายก็มีเหตุผลที่ต้องทำร้ายฉันเหมือนกัน ในเมื่อเรากินข้าวหม้อเดียวกันแล้ว…เรามาทิ้งความเกลียดชังไว้ข้างหลังกันเถอะ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถ้าใครพูดเรื่องนี้ก่อนเป็นหมานะโว๊ย”
“ดีๆ อะไรผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป!” ฉินอวี่พยักหน้าเห็นด้วยพลางชนแก้วกับหม่าเหลาเอ๋อก่อนดื่มลงไป
หม่าเหลาเอ๋อถ่มน้ำลายลงพื้นพลางเช็ดริมฝีปากและพูดว่า “ลุงของฉันแก่ลงทุกวันและคงจะดูแลธุรกิจนี้ได้อีกไม่นาน ฉันคงต้องเป็นคนรับช่วงธุรกิจนี้ต่อ…ฉินอวี่ ฉันเป็นคนตรงไปตรงมา ถ้านายอยากพูดอะไรให้พูดออกมาเลยเพราะถ้าฉันไม่เห็นด้วยกับนาย ฉันก็จะแย้งเหมือนกัน อย่ามัวแต่เดากันใจไปมาเลย มันไม่มีประโยชน์”
“ดีเหมือนกัน” ฉินอวี่พยักหน้ารับคำพลางจ้องหม่าเหลาเอ๋อตาอยู่คู่หนึ่งก่อนพูดเสริม “ถ้านายเป็นคนรับช่วงต่อธุรกิจนี้จริง ฉันต้องบอกบางอย่างให้นายรู้”
“พูดมาเลย” หม่าเหลาเอ๋อผายมือ
“ฉันไปพบเฒ่าหลี่หลังจากกลับมาถึงซ่งเจียง เขาบอกว่าช่วงนี้พวกเราต้องอยู่เงียบๆ ไปก่อน” ฉินอวี่กล่าวอย่างเคร่งเครียด “ตระกูลหยวนได้รับการสนับสนุนจากบริษัทขายยาสองสามแห่งและยังมีรากฐานที่หยั่งลึกในโลกใต้ดินจนเราไม่สามารถเชื่อมโยงเส้นทางการค้ายาเข้าด้วยกัน และเพื่อนเฒ่าหลี่ยังขอรอดูสถานการณ์ว่าเรามีความสามารถพอที่จะเจาะตลาดยาได้หรือไม่ ดังนั้นตอนนี้เราควรให้ความสำคัญกับผลลัพธ์และอย่าสร้างปัญหา”
หม่าเหลาเอ๋อยกมือขึ้นพร้อมพูดว่า “ใจเย็นๆ ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง ไม่ได้ค้ายาครั้งแรกสักหน่อย!”
“พูดตามตรงนะ” ฉินอวี่พูดขณะล้วงบุหรี่ไฟฟ้าออกมาสูบ “ผู้จัดจำหน่ายยื่นข้อเสนอมาว่าให้เราต้องซื้อสินค้าของพวเขาอย่างน้อยสองแสนดอลลาร์ทุกเดือน เพื่อแลกกับส่วนลด…นายเข้าใจไหมว่ามันหมายถึงอะไร?”
หม่าเหลาเอ๋ออาจอารมณ์ร้อนแต่ไม่ได้โง่ เขาตอบกลับทันที “หมายความว่าความสัมพันธ์ของเรากับผู้จัดจำหน่ายยังไม่แน่นแฟ้น”
“ถูกต้อง” ฉินอวี่พยักหน้า “ผู้จัดจำหน่ายต้องการเห็นว่าเราคุ้มค่าที่จะร่วมมือด้วยหรือไม่ ลองคิดดูสิว่าผู้ผลิตยาเอกชน บริษัทค้ายารายใหญ่มองพวกเขาเป็นหอกข้างแคร่ ถ้าเราไม่พิสูจน์ความสามารถ ผู้จัดจำหน่ายจะไม่ร่วมมือกับเราเพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกจับ”
“เข้าใจแล้ว” หม่าเหลาเอ๋อพยักหน้า
“ในการค้าระยะแรกเราต้องเน้นความมั่นคง” ฉินอวี่ตอบขณะถือแก้วเบียร์ “ตราบใดที่เราสามารถสนองความต้องการของผู้จัดจำหน่ายได้ เราก็สร้างความมั่นคงได้”
“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง” หม่าเหลาเอ๋อตอบอย่างกระตือรือร้น
“มาๆ ดื่มเบียร์กัน!” ฉินอวี่รู้สึกว่าตนพูดมากพอแล้วและการจู้จี้จุกจิกนั้นมีแต่จะส่งผลเสีย ดังนั้นเขาจึงยกแก้วขึ้นดื่มอวยพร
ทั้งสองคนยิ้มให้กันก่อนชนแก้วอีกครั้ง
หลังจากคุยกันเสร็จ หม่าเหลาเอ๋อหันไปหาชายที่มีแผลเป็นตรงตาซ้ายและตะโกนว่า “พี่จื้อชูมานี่หน่อย! ผมจะแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน”
ชายร่างกำยำขอตัวออกจากการสนทนากับแมวเฒ่าก่อนเดินเข้ามาพร้อมแก้วไวน์ในมือ
“พี่คนนี้ชื่อหลิวจื้อชู ทำงานกับตระกูลหลี่มาเกือบสิบปีแล้ว เรียกได้ว่าเลี้ยงฉันตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย” หม่าเหลาเอ๋อแนะนำตัวชายร่างกำยำพร้อมหัวเราะ “ก่อนหน้านี้เขามีธุระต้องจัดการเลยไม่ได้กินข้าวเย็นกับเรา พวกนายสองคนควรทำความรู้จักกันไว้”
“ผมชื่อฉินอวี่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” หลิวจื้อชูยกยิ้มและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ผมมีธุระต้องจัดการเลยไม่ได้ร่วมโต๊ะกินข้าว ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับหัวหน้าทีมฉิน”
“พูดเกินไปแล้ว” ฉินอวี่ตอบพร้อมหัวเราะ “เรียกผมว่าฉินอวี่ก็พอครับ”
แม้ว่าแผลเป็นบนใบหน้าของหลิวจื้อชูทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูป่าเถื่อน ซึ่งตรงข้ามกับวิธีการพูดที่ค่อนข้างเป็นมิตรและมีความเป็นผู้ใหญ่ ไม่มีความแข็งกร้าวเหมือนกับคนอื่นที่มาจากโลกใต้ดิน
หลังจากที่ทั้งสองทำความรู้จักกัน หม่าเหลาเอ๋อเริ่มอธิบาย “เฒ่าหม่าวางแผนจะส่งต่อธุรกิจให้ฉัน แต่เขาเป็นห่วงว่าฉันจะดูแลมันไม่ได้เลยสั่งให้พี่จื้อชูคอยดูแลและฉันมักปรึกษาปัญหาต่างๆ กับเขาเสมอ”
ฉินอวี่รู้สึกสบายใจขึ้นมากหลังจากได้ยิน “ดีแล้วที่มีคนเชี่ยวชาญเรื่องนี้ช่วยให้คำปรึกษา ไม่งั้นธุรกิจนี้คงน่าเป็นห่วงปล่อยให้คนที่มีปัญหากับเด็กเสิร์ฟไปทั่วแบบนายดูแลคนเดียว”
“ฮ่าๆๆ!”
ทุกคนระเบิดหัวเราะออกมา
“เอาล่ะ หยุดพูดเรื่องงาน มาดื่มเหล้าแล้วสนุกสุดเหวี่ยงกัน!” หม่าเหลาเอ๋อตะโกนบอกทุกคนก่อนหันไปพูดกับสาวสวยข้างๆ “ไปหาสาวละตินมาเต้นให้ฉันดูหน่อย”
ฉินอวี่ตบไหล่ของหม่าเหลาเอ๋อขณะพูดว่า “วันนี้นายใช้เงินเยอะไปแล้ว”
หม่าเหลาเอ๋อโบกมืออย่างไม่ใส่ใจและพูดว่า “คนเราหาเงินเพื่อเอามาใช้ไม่ใช่เหรอ? พูดตรงๆ เลยนะถ้าไม่ใช่เพราะดามินรับสารภาพแทน ฉันคงตายห่าอยู่ในคุก แล้วฉันจะอยากได้เงินไปทำไมวะ?”
ฉินอวี่พูดไม่ออกหลังจากได้ยิน
“ตอนนี้ฉันมีเงินอยู่ในกระเป๋าประมาณสองร้อยเหรียญ พรุ่งนี้จะเป็นยังไงก็ช่างหัวมัน แต่วันนี้สนุกให้สุดเหวี่ยงไปเลย!” หม่าเหลาเอ๋อพูดพลางกวาดสายตามองทั่วห้องก่อนคำราม “เต็มที่ไปเลยสาวๆ ใครทำให้พี่พอใจได้ พี่จะให้ทิปหนูอย่างงามเลยจ๊ะ!”
“เยี่ยมไปเลยค่ะคุณพี่ขา!”
เหล่าหญิงสาวต่างส่งเสียงวี้ดว้ายตอบหม่าเหลาเอ๋ออย่างสนุกสนาน
ฉินอวี่นั่งมองหม่าเหลาเอ๋อด้วยรอยยิ้มอยู่บนโซฟา เมื่อมีคนพูดว่าตนไม่มีเงินอาจมีแนวโน้มว่าพวกเขาโกหกหรือไม่มีจริงๆ ซึ่งในช่วงชีวิตตลอดยี่สิบปีของฉินอวี่ เขาเห็นเพียงไม่กี่คนที่สามารถใช้เงินโดยไม่ต้องคิด และแน่นอนว่าหม่าเหลาเอ๋อคือหนึ่งในนั้น
หม่าเหลาเอ๋อไม่ใช่คนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี วิธีการพูดของเขาจึงขวานผ่าซากและยังมีนิสัยแย่อีกด้วย แต่ถึงอย่างงั้นบุกคลิกตรงไปตรงมาและอ่อนไหวนั้นทำให้รู้สึกว่าเขาน่าเคารพ มันไม่ง่ายเลยที่จะมีคนคิดบวกทั้งในยุคสงบสุขและรุ่งเรือง หรือกลียุคอย่างเช่นปัจจุบัน…
…
ฉินอวี่เป็นคนที่ค่อนข้างคอแข็ง แต่เมื่ออยู่กับหม่าเหลาเอ๋อและคนอื่นๆ เขาจะกลายเป็นคนคออ่อนที่เมาภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจนจู้เหว่ยและกวนฉีต้องหิ้วปีกกลับบ้าน
ส่วนแมวเฒ่ากำลังสังสรรค์อยู่กับหม่าเหลาเอ๋ออย่างเมามันราวกับเจอเนื้อคู่ โดยที่ทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
แมวเฒ่าที่เมามายจับมือกับหม่าเหลาเอ๋อขณะที่มีหญิงสาวพยุงเขาอยู่ “พี่…ผม…ไปก่อนนะ ผมขอไปย่อยแอลกอฮอล์แล้วจะเลี้ยงพี่กลับวันพรุ่งนี้”
“ฮ่าๆๆ นายเมามากแล้ว กลับบ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปจ่ายเงินแล้วกลับบ้านเหมือนกัน”
“ขอบใจที่เลี้ยงครับพี่สุดที่รัก”
“อ้อ…เด็กๆ ที่นี่แจ่มไหม…พรุ่งนี้ฉันรอฟังคำวิจารณ์จากปากนาย”
“ได้เลยพี่!”
หลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง แมวเฒ่าก็ออกจากสถานบันเทิงโดยมีหญิงสาวพยุงเดินออกไป
…
สิบห้านาทีต่อมา
หลังจากวางบิลแล้ว ในขณะที่หม่าเหลาเอ๋อและหลิวจื้อชูกำลังจะออกจากสถานบันเทิง พวกเขาได้เหลือบไปเห็นลูกน้องของหยวนหัวตะโกนอยู่ตรงหน้าเวที “พี่ตง ผมให้ห้าร้อย!”
“แม่งเอ๊ย พวกมันก็มาที่นี่เหรอ” หม่าเหลาเอ๋อหันไปมองหลังจากได้ยินเสียงตะโกน และเมื่อเห็นบุคคลที่นั่งอยู่ตรงหน้าเวทีแววตาของเขาจึงเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
………………………………….