Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 70

ตอนที่ 70

ตอนที่ 70 ได้เวลากลับ

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะกำลังทานอาหารเช้ากันอยู่ในห้องพัก ฉินอวี่หันไปมองแมวเฒ่าพร้อมถาม “ตกลงเมื่อคืนนายไปนอนที่ไหนมา?”

“จะที่ไหนซะอีกล่ะ? ก็นอนกับกับตาแก่เจ้าของห้องพักน่ะสิ” แมวเฒ่ากัดฟันพูด “ยัยผู้หญิงร้ายกาจนั่น ถ้าไม่สนใจจะให้ฉันแก้ผ้าทำไม?”

“คนอย่างนายเจอกับตัวซะบ้างจะได้รู้สึก” ฉินอวี่หัวเราะลั่น “ฉันบอกแล้วว่าให้ใช้หัวคิดก่อนทำอะไร เธอเป็นถึงลูกสาวเจ้าของบริษัทใหญ่ คิดว่าจะจีบติดง่ายๆ หรือไง? อยากฝันก็หลับซะก่อนเถอะ”

“ก็ฉันเห็นเธอให้ท่านี่หว่า!” แมวเฒ่าตอบกลับด้วยแววตาไม่สำนึก “คิดว่าจะเหมือนนิทานเรื่องขอนไม้กับไฟซะอีก…รู้จักหรือเปล่า?”

“ฉันว่าไม่ใช่ขอนไม้กับไฟหรอก แต่เป็นนิทานเรื่องลูกอ๊อดกับลมหนาวซะมากกว่า” ฉีหลินตอบกลับ

“เฮ้ย เกินไปแล้วนะ! พูดแบบนี้หมายความว่าไง? จะกินดีๆ ไหมข้าวเช้าเนี่ย?!” แมวเฒ่าโมโห

“ฮ่าๆ!”

ฉีหลินกับฉินอวี่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นห้อง ก่อนยกนิ้วโป้งให้แมวเฒ่าเพื่อเป็นการชม ‘ไอ้นั่น’ ของเขา

มื้อเช้าผ่านไปอย่างสนุกสนาน เป็นเวลาเดียวกับที่โกโก้ออกมาจากห้องด้วยท่าทีสดชื่น

เมื่อเห็นโกโก้ แมวเฒ่าก็กัดฟันพูดขึ้นทันที “ตื่นเช้าจังเลยนะแม่คุณ”

“สวัสดีจ๊ะ” โกโก้ฉีกยิ้มทักทายทุกคนอย่างร่าเริงก่อนหันมาพูดกับแมวเฒ่าว่า “นายก็แข็งแรงใช่ย่อยนะ อากาศหนาวขนาดนี้ยังไม่เป็นหวัด”

“ไม่คุยด้วยแล้ว ไปสูบบุหรี่ดีกว่า” แมวเฒ่าบ่นก่อนเดินออกไป

“เฮ้!” โกโก้หัวเราะ “ไม่ต้องห่วง ฉันให้เจ้าของห้องพักเก็บเสื้อผ้านายแล้ว เดี๋ยวส่งบิลตามไปทีหลังนะ”

แมวเฒ่าชะงักก่อนพูดขึ้น “ยัยหน้าเลือด!”

โกโก้เลิกสนใจแมวเฒ่าแล้วหันไปคุยกับฉินอวี่แทน “วันนี้ฉันจะพาหลี่ถงไป”

“อืม ทางนี้ก็ได้สินค้าแล้ว กะว่าจะกลับเลยเหมือนกัน” ฉินอวี่พูดพลางยื่นมืออกไป “ยินดีที่ได้ร่วมธุรกิจ”

โกโก้จับมือกับฉินอวี่ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ฉันลดราคาให้ นายจะได้ตัดราคาคู่แข่งในตลาดได้ หวังว่านายคงไม่ทำมันพังนะ เพราะผลประโยชน์ของเราทั้งคู่ขึ้นอยู่กับมัน”

“แน่นอน!”

“ทำให้สมราคาคุยด้วยล่ะ โชคดี”

“ขอบใจ” ฉินอวี่ยิ้ม “เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”

“อ้อ ได้สิ”

ระหว่างเดินกลับ โกโก้ชะงักราวกับคิดบางอย่างได้ “ฉันลืมไปได้ไงเนี่ย! นิโคลสันมานี่หน่อย”

ชายฉกรรจ์คนหนึ่งแบกถุงพะรุงพะรังเดินมาตามคำเรียก

โกโก้ส่งถุงนั้นให้ฉีหลิน “นี่ฉันให้…ในนี้มีเงินกับยาสำหรับคนแก่ เอ้อ…แล้วก็เสื้อผ้าให้น้องสาวนาย”

ฉีหลินมองโกโก้ด้วยความประหลาดใจ “ทะ…ทำไม?”

“เสียใจด้วยเรื่องอาหลง ถึงจะเคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งแต่เขาก็มีบุญคุณกับพวกฉันมาก อีกอย่าง…เขายอมตายแทนที่จะหักหลังเรา ฉันรู้สึกขอบคุณเขามากจริงๆ”

ฉีหลินรู้สึกซาบซึ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น “พี่ฉันทำงานใต้ดินมาหลายปี เท่าที่ฉันรู้เขามีเพื่อนพ้องมากมาย…แต่พอเกิดเรื่องขึ้น กลับมีเธอคนเดียวที่คิดถึงเขาเหมือนเป็นคนในครอบครัว ขอบใจมากนะ”

“ไม่เป็นไร” โกโก้ยิ้มอย่างสดใส “เอาล่ะ ฉันไปก่อนดีกว่า”

“เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”

ฉินอวี่ แมวเฒ่า และฉีหลินยืนส่งโกโก้

“ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ” แมวเฒ่าพูดขึ้น “ทั้งหลักแหลมและรอบคอบ ไม่คิดว่าหล่อนจะเอาของมาเผื่อฉีหลินด้วย”

“อืม จริงอย่างที่นายว่า” ฉินอวี่พยักหน้าเห็นด้วย

“เพิ่งรู้หรือไงว่าเธอไม่ธรรมดา?” ฉีหลินหันไปพูดกับแมวเฒ่า “ขนาดหลี่ถงที่ว่าแน่ แต่พอเห็นโกโก้ขึ้นรถก็แทบทำตัวไม่ถูกเลย””

“ทำตัวไม่ถูกยังไง?”

“ทำตัวเหมือนคนกำลังโดนเชือด” ฉีหลินตอบ “ฉันเห็นแววตาหมอนั่นสั่นกลัวอย่างบอกไม่ถูก”

“นายจะบอกว่าเธอมีอีกด้านที่เราไม่รู้จักงั้นเหรอ?” แมวเฒ่าถามอย่างสงสัย

“อย่าคิดมากหน่า ถึงยังไงตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว” ฉินอวี่ตบบ่าแมวเฒ่าพร้อมพูด “หรือไม่ใช่?”

“ฉันกับยัยนั่นไม่ใช่เพื่อนที่ดีต่อกันแน่ๆ…”

“ฮ่าๆ!” ฉินอวี่หัวเราะลั่น “ไปเก็บของกลับซ่งเจียงกันเถอะ”

ตอนบ่าย

หลังจ่ายเงินค่าห้องพักให้เจ้าของแล้ว ฉินอวี่จึงตรวจสอบสัมภาระและกระสุนปืนรอคนอื่นๆ กลับจากการไปซื้อน้ำมัน ซึ่งใช้เวลาราวสองชั่วโมง

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มทั้งสามจึงออกเดินทางกลับซ่งเจียงทันที แม้จะใช้เส้นทางเดียวกันกับขามา แต่ความรู้สึกนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยอุปสรรคกวนใจไม่เหมือนตอนนี้ที่ทุกอย่างช่างเป็นสุขราวกับกำลังมุ่งหน้าสู่อนาคตอันสดใส

ทั้งสามคนต้องเสี่ยงชีวิตเดินทางไปเจียงโจวเพื่อแลกกับช่องทางการค้า ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้พวกเขาขึ้นเป็นใหญ่ในซ่งเจียง

กลางดึก ณ ห้องทำงานแห่งหนึ่งของตระกูลอวี๋ในเจียงโจว

โกโก้นั่งจิบชามะนาวบนโซฟาพลางมองหลี่ถงก่อนถาม “เคยคิดไหมว่าจะโดนอะไรถ้าฆ่าคนของฉัน?”

หลี่ถงพยายามข่มอารมณ์ตัวเองก่อนแสยะยิ้มพูด “แกไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก เพราะถ้าแกทำ…เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่”

“โห…ขนาดนั้นเลยเหรอ?” โกโก้พูดพลางวางแก้วในมือลง

“แกจับตัวฉันมาแบบนี้ ต่อให้ฉันไม่โทรเรียก…ครอบครัวของฉันก็ต้องออกตามหาอยู่แล้ว รอรับหน้าได้เลย!” หลี่ถงรู้ดีว่าตอนนี้พ่อกับลุงของเขาต้องพยายามเจรจาเรื่องนี้กับตระกูลอวี๋อยู่แน่

“พูดแบบนี้ไม่ทะนงตัวไปหน่อยเหรอ?” โกโก้ยิ้มถาม “แสดงว่านายไม่ได้สำนึกเลยใช่ไหมที่ฆ่าพี่คังของฉัน?”

“ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ พอมีการแข่งขันทางธุรกิจก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีคนตายไม่ใช่หรือไง?” หลี่ถงพูดอย่างใจเย็น

โกโก้หัวเราะเล็กน้อยก่อนลุกเดินไปหาหลี่ถงพร้อมโน้มตัวเข้าไปหา “นายไม่กลัวฉันจริงๆ หรือแค่ตอแหลกลบเกลื่อนกันแน่? หืม?”

หลี่ถงกำหมัดแน่นก่อนกัดฟันพูดขึ้น “ฉันไม่ใช่เด็กขี้ยาข้างถนนนะ ฉันมีตระกูลหลี่หนุนหลังอยู่!”

“จ้า พ่อหนุ่ม” โกโก้พยักหน้าก่อนหันไปตะโกนเรียกคนข้างนอก “นิโคลสัน!”

ชายฉกรรจ์สวมเสื้อเชิ๊ตสีดำขานรับก่อนเปิดประตูเข้ามา “ว่าไงครับลูกพี่!”

“สั่งสอนไอ้คุณหนูตระกูลหลี่นี่ให้รู้จักที่ต่ำที่สูงซะบ้าง” พูดจบโกโก้ก็เดินออกจากห้องไป

นิโคลสันยกปืนขึ้นเล็งไปที่เข่าทั้งสองข้างของหลี่ถงอย่างไม่แยแส

“แกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะโกโก้…แบบนี้เท่ากับแกกำลังท้าทายอำนาจตระกูลหลี่!”

“ปัง ปัง!”

สิ้นเสียงปืนหัวเข่าของหลี่ถงก็ถูกกระสุนเจาะจนเลือดสาด

“อ๊าก…!”

ชายหนุ่มดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดจนเก้าอี้ที่นั่งอยู่ล้มคว่ำ

โกโก้หันกลับมามองและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายเป็นแค่สมาชิกตระกูลย่อยของตระกูลหลี่อย่ามาทำตัวอวดดีให้มาก ไม่จบง่ายๆ ว่างั้น? คนอย่างนายมีค่าพอให้ตระกูลหลี่ยอมขัดขากับพวกฉันงั้นเหรอ? พามันไปกราบศพพี่คัง! ให้มันนั่งคุกเข่าจนกว่าจะเช้า!”

“ครับ!” นิโคลสันตอบรับ

หนึ่งชั่วโมงต่อมา บุตรชายคนโตของตระกูลอวี๋โทรหาโกโก้ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “โกโก้…เธอจับตัวหลี่ถงไปทำไม? เราเพิ่งเจรจากับพวกนั้นเสร็จ!”

“พี่จะบ้าหรือเปล่า? เราได้ตัวหลี่ถงมาแล้ว ถึงยังไงเราก็ต้องโดนตราหน้าเรื่องฆ่าลุงของมันอยู่ดี ไหนๆ ก็มีปัญหากันแล้ว เราจะปล่อยให้มันลอยนวลไปแบบนี้เหรอ?” โกโก้ขมวดคิ้วพูด “ยังมีอีกหลายคนที่ทำงานหาเงินอย่างหนักเพื่อเรา ถ้าเราปล่อยให้คนระดับพี่คังตายไปเฉยๆ แล้วพวกที่เหลือจะเอากระจิตกระใจที่ไหนทำงาน?”

………………………………….

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท