ตอนที่ 81 การต่อสู้ระหว่างพี่น้องก่อนสงคราม
ณ คฤหาสน์เริงรมย์บนถนนเถ้าธุลี หยวนหัวลากร่างกายที่เหนื่อยล้าของตนไปยังชั้นบนสุด เขานอนลงบนเตียงอย่างเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่งก่อนรวบรวมพลังงานที่เหลือถอดเสื้อผ้าและเตรียมตัวอาบน้ำ
ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น “ใคร?”
“ฉันเอง” เสียงอันคุ้นเคยตอบกลับมา
หยวนหัวเดินไปเปิดประตูและหลีกทางให้หยวนเค่อพร้อมพูดว่า “เข้ามา”
“จะนอนแล้วเหรอ?”
“ฉันเหนื่อยเลยจะไปอาบน้ำแล้วเข้านอน” หยวนหัวตอบพลางปิดประตู “ทำไมวันนี้กลับเร็ว?”
“ฉันยังต้องกลับไปทำคดีที่สำนักงานอีก” หยวนเค่อกล่าวขณะหยิบกระป๋องเบียร์นำเข้าพิเศษออกจากตู้เย็น ก่อนเดินไปนั่งบนโซฟาและถามว่า “ฉันได้ข่าวว่าพี่กำลังวางแผนต่อต้านตระกูลหม่า”
หยวนหัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามพร้อมตอบว่า “อืม”
หยวนเค่อก้มศีรษะลงพลางถอนหายใจและตอบว่า “ฉันไม่เห็นด้วย”
“หมายความว่ายังไง?” หยวนหัวถาม
“ฉันไม่เห็นด้วยที่พี่จะต่อต้านตระกูลหม่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้” หยวนเค่อตอบพลางจิบเบียร์ “ผมคิดว่าเราไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”
“ไม่ต้องกังวลงั้นเหรอ?” หยวนหัวขมวดคิ้ว “สัปดาห์นี้ยอดขายของเราลดลงสามสิบเปอร์เซ็นต์ นายรู้ไหมว่ามันหมายความว่าอะไร? มันหมายความว่าหุ้นของเรากำลังดิ่งฮวบ! นายไม่รู้หรอกว่าคนอื่นทำหน้ายังไงตอนเข้าประชุมเมื่อเช้า! ไม่ใช่ว่าฉันอยากตีตนไปก่อนไข้หรอกนะ แต่ตอนนี้ทั้งบริษัทตื่นตระหนกไปแล้ว”
“พวกเขาไม่ห่วงบริษัทหรอก” หยวนเค่อตอบพลางวางเบียร์ลง “ไอ้พวกหุ้นส่วนเหล่านั้นสนใจแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง การที่ยอดขายลดลงนั่นหมายความว่าผลกำไรของพวกเขาจะลดลง และนั่นคือสาเหตุที่พวกเขาต้องการล้มตระกูลหม่า พี่เป็นหัวหน้า…เป็นคนดูแลบริษัท พี่ต้องมองภาพรวมด้วย ครั้งที่แล้วกองบัญชาการตำรวจไม่พอใจที่เราจัดการตระกูลหม่า แต่ทันทีที่พายุสงบลง พี่ก็อยากสร้างปัญหาอีกแล้ว…พวกเขาจะคิดกับเรายังไง? จะไม่คิดว่าพวกเราคุมสถานการณ์ไม่ได้เหรอ?”
“แม่งเอ๊ย!” หยวนหัวอารมณ์เสียอย่างมาก และการที่น้องชายกังขาในการตัดสินใจของตัวเองยิ่งทำให้เขาหัวเสียมากไปอีก
หยวนหัวลุกขึ้นยืนและตะโกนว่า “เราไม่ได้อยู่ในยุคเดิมอีกต่อไปแล้ว! เมื่อก่อนการรักษาความปลอดภัยในเมืองแน่นหนาถึงขนาดที่นายจะถูกจับทันทีที่ทำผิดกฎหมายโดยที่ไม่มีโอกาสหนีออกจากเมืองด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว…ฉีหลินฆ่าคนของเราและหนีไปเขตพัฒนาทันที พอเป็นอย่างนั้นเราก็ทำอะไรกับมันไม่ได้แล้ว”
“มันคือการต่อสู้เพื่อผลกำไร นายรู้ ฉันรู้ พวกผู้บริหารระดับสูงก็รู้เหมือนกันว่าถ้าจะโค่นล้มตระกูลหม่า มันต้องมีการนองเลือด มีราคาที่เราต้องจ่าย และนี่คือปัญหาที่เราต้องเผชิญ ไม่อย่างงั้นตลาดยาของเราจะถูกกลืนกิน!”
หยวนเค่อยืนกรานและโต้เถียงด้วยความกังวล “ทัศนคติของพี่แย่มาก พี่กำลังใช้มุมมองในอดีตมามองสถานการณ์ปัจจุบัน ผมบอกพี่แล้วว่าไม่นานเขตพิเศษทั้งเก้าและเขตพัฒนาจะสงบลง ระบบที่นำมาใช้ก็ถูกขัดเกลาจนสมบูรณ์แบบ ถ้าเรายังใช้วิธีป่าเถื่อนจัดการปัญหาต่อไป…ไม่นานพวกเราคงถูกกำจัด”
หยวนหัวยืนเท้าเอวมองน้องชายอย่างเคร่งเครียดพร้อมถาม “อย่างงั้นนายก็บอกมาสิว่าฉันควรทำยังไง? บอกวิธีแก้ปัญหายอดค้าของเราลดลง”
“ปล่อยให้ตระกูลหม่าเติบโตอย่างอิสระ เราจะสละส่วนแบ่งของตลาดชั่วคราวเพื่อให้พวกเขาขยายรากฐานได้อย่างรวดเร็ว” หยวนเค่อตอบโดยไม่ลังเล
หลัวหัวตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน เขามองหยวนเค่อด้วยท่าทีไม่เชื่อพร้อมพึมพำ “พูดอีกทีซิ นายอยากให้เราทำอะไร?”
“ปล่อยให้ตระกูลหม่าแย่งตลาดและปล่อยธุรกิจของพวกมันเติบโต”
“นายบ้าไปแล้วเหรอวะ!” หยวนหัวคำรามด้วยความโมโห “ถ้าพวกมันยึดตลาด แล้ววันข้างหน้าเราจะเอาคืนได้ยังไง? แกรู้ไหมว่าฉันลงทุนในถนนเถ้าธุลีไปมากแค่ไหนเพื่อพัฒนาตลาดนี้? แล้วให้ฉันยอมแพ้เนี่ยนะ? แกล้อเล่นหรือเมากันแน่วะ?!”
“ผมไม่ได้พูดไร้สาระ” หยวนเค่อพูดด้วยแววตาเฉียบแหลม “พี่เคยคิดบ้างไหมว่าใครจะร้อนใจถ้าตระกูลหม่าครองตลาด?”
หยวนหัวชะงักและครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่
“ฉันบอกเลยว่าถ้าตระกูลหม่าเติบโตจนมีชื่อเสียงในซ่งเจียง คนที่จะรู้สึกระแวงมากที่สุดคือบริษัทยา เพราะถ้าผู้ค้าเอกชนเติบโตอย่างต่อเนื่อง พวกเขาต้องเผชิญกับคู่แข่งที่มีอิทธิพลรายอื่น และมีความเป็นไปได้สูงที่ธุรกิจทั้งหมดของพวกเขาในเขตพิเศษที่เก้าจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเข้าใจหรือยัง?”
“ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคืออย่าแตะต้องตระกูลหม่าและปล่อยให้ธุรกิจของพวกมันเติบโต ไม่นานบริษัทค้ายาจะรู้ตัวและอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป แล้วใช้อิทธิพลทางการเมืองกำจัดตระกูลหม่า โดยที่พวกเราทำเพียงแค่รอเวลาแทงข้างหลังพวกมันเท่านั้น และถ้าบริษัทยาประสบกับความวุ่นวายจริง พวกเขาอาจกำจัดเฒ่าหม่าไปด้วยก็ได้”
หยวนหัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “แต่ถ้าเราปล่อยบริษัทยากำจัดตระกูลหม่ากับตระกูลหลี่อยู่ฝ่ายเดียว พวกเขาอาจมองว่าเราไร้ความสามารถ และเลือกพันธมิตรรายอื่นมาทำงานแทนที่เรา ซึ่งนั่นจะทำให้เราเสียทั้งตลาดและเงินลงทุนที่เราจ่ายไปด้วย”
“เชื่อฉันเถอะ บริษัทยาคงเข้าใจจุดประสงค์ของเราแน่ และพวกเขาจะไม่เปลี่ยนหุ้นส่วน เพราะไม่มีใครสามารถเทียบอำนาจทางการเมืองในตลาดท้องถิ่นของเราได้ ดังนั้นวิธีเดียวที่พวกเขาจะได้ผลกำไรและเลี่ยงปัญหาคือร่วมงานกับเรา” หยวนเค่อยืนกราน
หยวนหัวส่ายศีรษะพร้อมกล่าว “ฉันไม่เห็นด้วยเพราะวิธีของนายเสี่ยงเกินไป เพราะเราอาจเสียตลาดและชื่อเสียง อีกทั้งยังทำให้เราอ่อนแอลงชั่วคราว นอกจากนี้ถ้าเราไม่เคลื่อนไหว ไอ้หัวหน้าพวกนั้นคงไม่พอใจและอาจวางแผนอะไรบางอย่าง เพราะพวกเขาเสียผลกำไรและนั่นก็มากพอที่จะกำจัดเรา”
“พี่ต้องมีทัศนคติที่แน่วแน่เหมือนที่ฉันบอก พวกใต้ดินเหล่านั้นอาจช่วยพี่สร้างอาณาจักรขึ้น แต่พวกเขาจะเป็นก้างชิ้นใหญ่ในอนาคตแน่ แม้ภายนอกจะดูเหมือนภักดีและเชื่อฟัง แต่นั่นสร้างขึ้นบนสมมติฐานที่ว่าความสัมพันธ์นี้สร้างผลกำไรให้กับพวกเขา…” หยวนเค่อพยายามโน้มน้าว
“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะทำตามที่หย่งตงแนะนำ” หยวนหัวพูดแทรก
“พี่ต้องเปิดใจ! จะดึงดันแบบนี้ไม่ได้!”
“หุบปาก! ฉันเหนื่อย ฉันไม่อยากเถียงกับนาย!” หยวนหัวปาแก้วลงพื้นพร้อมคำรามใส่หยวนหัว “ปล่อยให้ฉันนอนสักทีได้ไหมวะ?!”
หยวนเค่อมองพี่ชายอย่างเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ “เออ ฉันจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว พี่จะทำอะไรก็ทำไป”
หลังจากพูดจบ หยวนหัวก็เดินออกไปและกระชากประตูปิดอย่างแรงโดยไม่เปลี่ยนรองเท้าด้วยซ้ำ
หยวนหัวลงนั่งลงบนโซฟาและมองเพดานด้วยสายตาพร่ามัวขณะพึมพำออกมา “มีใครเข้าใจสิ่งที่ฉันต้องแบกรับบ้าง? แม้แต่ไอ้น้องชายตัวดียังไม่เข้าใจเลย…”
…
เช้าวันถัดมา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่หม่าเหลาเอ๋อหลับอยู่ เพื่อคนหนึ่งบอกว่าเฒ่าสาม*ต้องการพบเขาเพื่อปรับความเข้าใจและหารือเกี่ยวกับอนาคตของตลาดยาใต้ดินในซ่งเจียง
*หลังจากนี้จะเปลี่ยนคำว่า พี่สาม เป็น เฒ่าสาม
………………………………….