Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 77

ตอนที่ 77

ตอนที่ 77 เมาหรือจงใจ?

เมื่อหลี่จื้อชูเห็นสภาพเมามายของหม่าเหลาเอ๋อจึงพูดขึ้นทันทีว่า “ไปกันเถอะ อย่าไปยุ่งกับพวกมันเลย”

“วันนี้ใครขึ้นแสดง?” หม่าเหลาเอ๋อหันไปถามลูกน้องที่ยืนข้างๆ

“เหยาจีครับ”

“คนที่มาจากประเทศไทยเหรอ?”

“ครับ” ลูกน้องพยักหน้ารับ

หม่าเหลาเอ๋อเรอก่อนหันไปยิ้มให้หลี่จื้อชูและพูดว่า “ไปดูกัน ครั้งที่แล้วมารอดูแต่เธอไม่ขึ้นแสดง”

“ดึกแล้ว กลับกันก่อนเถอะ” หลิวจื้อชูกล่าว “ไอ้หยงตงอยู่ในนั้น ถ้าเราเข้าไป…”

“มันก็อยู่ส่วนมัน ผมก็อยู่ส่วนผมแล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ?” หม่าเหลาเอ๋อพูดพร้อมมองกลุ่มของหยงตง “ถนนเถ้าธุลีใหญ่ขนาดนี่ พี่คงไม่หวังให้ผมหนีพวกมันทุกครั้งหรอกนะ”

หลิวจื้อชูพูดไม่ออก

“เข้าไปดูกัน!” หม่าเหลาเอ๋อพูดก่อนเดินเข้าผับ

ผับในยุคนี้ไม่ได้แตกต่างจากช่วงก่อนเกิดภัยพิบัติมากนัก ผับที่หม่าเหลาเอ๋อเดินเข้ามาเน้นการแสดงมากกว่าดนตรี ซึ่งบางครั้งเจ้าของร้านจะนำนักดนตรีที่มีทักษะเฉพาะตัวมาทำการแสดงด้วย

กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าวัยรุ่นที่ไม่มีเงินมากพอจะเข้าไปในสถานที่แบบนี้ได้ อีกทั้งยุคนี้ยังเป็นยุคข้าวยากหมากแพง ดังนั้นจึงมีน้อยคนที่สามารถละลายเงินไปกับสถานบันเทิง

บนเวทีของผับมีผู้หญิงรูปร่างสะโอดสะอง สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นกำลังแสดงการเต้นรำอันเย้ายวนที่มีเสน่ห์ดึงดูดแบบไทยโบราณ

หม่าเหลาเอ๋อเป็นคนหื่นกามที่ไม่สนใจเรื่องเพศของคู่นอน และเขายังหลงใหลในตัว ‘เหยาจี’ มานานแล้ว แต่เนื่องด้วยสถานการณ์บางอย่าง หม่าเหลาเอ๋อจึงไม่สามารถชวนเธอออกไปดื่มด้วยกันได้ แม้จะเอ่ยปากไปแล้วสองครั้งก็ตาม

นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมาตระกูลหม่าถูกตระกูลหยวนกระทำอย่างโหดร้ายทำให้เขารู้สึกว่ามีความแค้นที่ต้องชำระ ดังนั้นหลังจากได้ยินพิธีกรเปิดการประมูล ‘ค่ำคืนอันแสนหวานกับหยวนจี’ หม่าเหลาเอ๋อจึงก้าวไปด้านหน้าและตะโกนอย่างไม่ลังเล “ฉันให้หนึ่งพัน!”

ไฟสปอตไลท์ถูกฉายไปยังทางเข้าของผับทันที หม่าเหลาเอ๋อเดินไปนั่งที่โต๊ะว่างใกล้ๆ ก่อนโบกมือและยิ้มให้เหยาจี

“ลูกค้าที่นั่งตรงโต๊ะทางเข้าเสนอหนึ่งพันครับ!” พิธีกรตะโกน “ทุกท่านเหลือโอกาสไม่มากแล้วนะครับ เพราะสัปดาห์หน้าคุณเหยาจีจะเดินทางไปแสดงที่เฟิงเป่ย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกท่านจะชวนเธอออกเดท! ใช้เงินก้อนที่มีดื่มด่ำไปกับค่ำคืนแห่งความมหัศจรรย์เถอะ…เชื่อผมสิ! มีใครจะเสนอราคาอีกไหมครับ?”

พิธีกรของการประมูลประเภทนี้มักโน้มน้าวลูกค้าให้เข้าร่วมเพื่อความบันเทิง ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจมีความสัมพันธ์กับพวกนักแสดง แม้จะออกไปทานอาหารและดื่มด้วยกันบ่อยครั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะค้างคืนที่บ้านของเขาสักหน่อย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เหยาจีเป็นกะเทย

ลูกน้องของหยงตงต่างตะโกนเพื่อแย่งชิงกัน พวกเขามีปัญญาซื้อเครื่องดื่มเพียงสองสามขวด แต่ก็ยังอยากร่วมประมูลด้วย

ทว่าการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหม่าเหลาเอ๋อ ทำให้ทิศทางของการประมูลเปลี่ยนไป

หยงตงรับใช้หยวนหัวมาหลายปีแล้ว แม้ว่าจะไม่เคยพัวพันกับความขัดแย้งในโลกบนดิน แต่เขามีบริษัทขนส่งที่จดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายสองแห่ง และธุรกิจมากมายที่ร่วมมือกับตระกูลหยวน

เขาเป็นคนที่เจ้าวางแผนและนั่งต่อสู้ในสำนักงาน ดังนั้นจึงดูถูกตระกูลหม่าว่าเป็นชาวรากหญ้าจากชนชั้นล่าง

หยงตงที่สวมแว่นดำนังอยู่บนโซฟาหันไปถามลูกน้องที่อยู่ข้างๆ “ไอ้นั่นถูกจับแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ครับ ผมได้ข่าวว่าเฒ่าหลี่ประกันตัวเขาออกมา”

“แค่นี้ก็จะไม่รอดอยู่แล้ว ไม่เจียมกะลาหัว” หยงตงเย้ยหยันพลางยกมือขึ้นแล้วตะโกนว่า “น้องหกไปเล่นกับมันหน่อยสิ!”

ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามหยงตงยกมือขึ้นพร้อมตะโกนทันที “หนึ่งพันห้าร้อย!”

“สองพัน” หม่าเหลาเอ๋อจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา

“สองพันห้าร้อย”

“สามพัน”

ราคาในการประมูลเพิ่มสูงขึ้นถึงสามพันดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่วินาที ส่งผลให้บรรยากาศภายในร้าน ‘คุกรุ่น’ แขกทุกคนในผับรู้ดีว่าทั้งสองตระกูลกำลังเอาศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน มันจึงไม่ใช่แค่เกมที่เล่นสนุกอีกต่อไป

หลี่จื้อชูที่ยืนอยู่หน้าประตูเตือนว่า “ไม่เห็นต้องลงราคาสูงขนาดนั้น…สามพันเพื่อผู้หญิงคนเดียวมันคุ้มไหม?”

“มันไม่เกี่ยวกับเงินแล้ว” หม่าเหลาเอ๋อสั่นขาอย่างสบายใจขณะพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนมองหยงตงและตะโกนว่า “เฮ้ นายมีกระสุนไหม? ถ้าไม่…ฉันจะพาเธอมาดื่มด้วย!”

ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามหยงตงโน้มตัวเข้าไปถามเขาว่า “พี่ตง เรายังจะสู้อยู่ไหม?”

“อย่าเลย” หยงตงตอบด้วยไปหน้าเรียบเฉย “ปล่อยมันไป”

“มีใครอยากเสนอราคามากกว่าสามพันไหมครับ?” พิธีกรตะโกน

ทุกคนในห้องต่างเงียบกริบ

“เอาล่ะ! ขอเชิญคุณเหยาจีไปนั่งกับคุณท่านที่นั่งอยู่โต๊ะหน้าทางเข้าด้วยครับ!” พิธีกรประกาศ

หม่าเหลาเอ๋อมองหลิวจื้อชูพร้อมถาม “พี่มีเงินไหม?”

หลิวจื้อชูพูดไม่ออกเมื่อได้ยิน “ถ้าไม่พกเงินแล้วจะประมูลทำไมวะ?”

“มีหรือไม่มี?” หม่าเหลาเอ๋อถามอย่างร้อนรน

“มี” หลิวจื้อชูตอบ

หม่าเหลาเอ๋อลุกขึ้นยืนและชี้นิ้วไปที่หยงตงก่อนพูดว่า “คืนนี้ฉันเมาแล้ว ส่งผู้หญิงไปที่โต๊ะนั้นแทน พี่ชายคนนั้นตะโกนจนคอจะแตกมาสักพักหนึ่งแล้วน่าจะหิวน้ำนะ ฮ่าๆๆ”

คำพูดเหล่านั้นทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ แม้แต่พิธีกรที่มีทักษะในการจัดการปัญหาเฉพาะหน้ายังไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้

ใบหน้าของหยงตงบิดเบี้ยวขณะนั่งลงบนโซฟาอย่างเงียบๆ

“ไอ้สัตว์ โดนจับครั้งที่แล้วยังไม่เข็ดเหรอ มึงมาแหกปากที่นี่เพื่ออะไรวะ?!”

ชายร่างกำยำลุกขึ้นหยิบแก้วไวน์และโยนไปทางหม่าเหลาเอ๋อ

เพล้ง

เศษแก้วแตกกระจายอยู่บนพื้น ดูเหมือนว่าการต่อสู้จะเริ่มขึ้นแล้ว

ลูกน้องทั้งแปดคนของหยงตงวิ่งเข้าไปล้อมหม่าเหลาเอ๋อและลูกน้อง ขณะเดียวกันหยงตงลุกยืนขึ้นเพื่อสั่งให้คนของเขาหยุดแต่พวกนั้นทำเป็นหูทวนลม

ตรงทางเข้า

หม่าเหลาเอ๋อขี้เมาอาจเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว แต่โชคร้ายที่เขาเสียเปรียบเรื่องจำนวนคน และยังดูเหมือนว่าบริกรของผับจะอยู่ข้างหยงตงเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ตัวว่าตนเองเสียเปรียบ

ชายห้าคนรุมทำร้ายหม่าเหลาเอ๋อตรงหัวมุมอย่างไร้ความปรานี

ในขณะเดียวกัน หลิวจื้อชูกำลังรับมือกับชายสามคนด้วยพละกำลังและทักษะอันเหนือชั้น แต่ยังถูกขัดขวางไม่ให้ไปช่วยหม่าเหลาเอ๋ออยู่ดี

การตะลุมบอนนี้กินเวลาไปประมาณเจ็ดนาทีก่อนจบลงด้วยการที่หม่าเหลาเอ๋อถูกทุบตีอย่างโหดเหี้ยม

ผู้จัดการของผับรีบออกมาจากร้านและแยกทั้งสองฝั่งออกจากกัน ก่อนหันไปหาหม่าเหลาเอ๋อและพูดว่า “นายมาทำอะไรที่นี่? นายมาก่อกวนที่นี่เพื่อทำให้ฉันทำงานลำบากขึ้นเหรอ?”

หม่าเหลาเอ๋อเช็ดเลือดกำเดาก่อนตอบด้วยรอยยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน “เปล่า มันไม่เกี่ยวกับเธอ แม่งเอ๊ย! โดนตีแล้วสร่างเมาเลย”

“นายเอารถมาไหม? ฉันว่านายควรไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลนะ” ผู้จัดการกล่าว

“ไม่ต้องหรอก มันก็แค่แผลเล็กน้อย!” หม่าเหลาเอ๋อตอบพลางหัวเราะก่อนใช้เสื้อเช็ดเลือดที่เปื้อนใบหน้า แม้ว่าจะเมามาก แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะขอโทษผู้จัดการด้วยความจริงใจ “ขอโทษที่ก่อเรื่องนะ”

“ก็แค่โดนเจ้านายบ่นเท่านั้นแหละ ช่างมันเถอะ! นายรีบไปทำแผลเดี๋ยวนี้เลย!”

“ไม่เป็นไร ค่อยทำแผลทีหลังแล้วกัน ไปก่อนนะ!” หม่าเหลาเอ๋อโบกมือก่อนเดินออกจากผับ

บนรถยนต์ หลิวจื้อชูมองหม่าเหล่าเอ๋อพลางส่ายหัวด้วยความขุ่นเคือง “นายตั้งใจจะทำอะไร? ใช้เงินไปเปล่าๆ แล้วจบลงด้วยการถูกรุมทำร้ายงั้นเหรอ ถ้าลุงหม่ารู้เรื่อง นายโดนด่าแน่!”

“แม่ง! ฉันทำทั้งหมดนี้เพื่อจะโดนด่างั้นเหรอ? วันนี้ฉันเมาไปหน่อยน่ะ!” หม่าเหลาเอ๋อสบถพลางยัดกระดาษทิชชู่เข้าจมูก “พวกไปเราไปนอนกันเถอะ!”

“เฮ้อ เมื่อไรจะเลิกสร้างปัญหาสักที?” หลิ้วจื้อชูถอนหายใจ

ภายในผับ

หลังจากทำความสะอาดที่เกิดเหตุแล้ว ผู้จัดการร้านเดินไปที่โต๊ะของหยงตงก่อนนั่งลงบนโซฟาและพูดว่า “พี่หยุดดื่มเถอะ เชื่อฉันแล้วกลับบ้านนะ”

“เกิดอะไรขึ้น?” หยงตงเอียงศีรษะขณะเอ่ยถาม

………………………………….

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท