ตอนที่ 97 จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง
ภายในร้านไออุ่น
พวกเขานั่งล้อมรอบโต๊ะหลังจากฉินอวี่แนะนำเฒ่าหม่าและคนอื่นๆ ให้หลินเหนียนเล่ยรู้จัก
“มันจะได้ผลไหม?” เฒ่าหม่ากระซิบถามฉินอวี่
“ไม่แน่ใจ พวกเราจะขอความช่วยเหลือจากพี่ชายของเหนียนเล่ยหลังจากที่เขาทำธุระเสร็จ” ฉินอวี่โน้มตัวเข้าไปตอบ
“ฝากขอบคุณเพื่อนนายด้วย” เฒ่าหม่ากล่าว ในช่วงสองสามวันมานี้เขาผ่านเรื่องราวมามากมายจึงดูอ่อนแอเป็นพิเศษ
หลินเหนียนเล่ยมองเฒ่าหม่าและคนอื่นๆ จากด้านข้างก่อนหันไปพูดกับฉินอวี่ “ถ้าพี่ชายฉันลงมาแล้ว นายไม่ต้องพูดอะไรมากนะแค่บอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของฉันและอยากพบเหวินเทาก็พอ”
“เขาไม่สะดวกเหรอ?” ฉินอวี่ถาม
หลินเหนียนเล่ยยิ้มเหยเกพร้อมตอบว่า “พี่ชายของฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมายน่ะ”
“อ๋อ เข้าใจแล้ว” ฉินอวี่พยักหน้ารับ
แมวเฒ่าแอบมองเฒ่าหม่าอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้น “ถ้าพี่ของคุณยังสติดี คงไม่มีทางเห็นเฒ่าหม่าและลูกน้องเป็นเพื่อนร่วมงานของคุณแน่”
เฒ่าหม่าลุกยืนขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่แมวเฒ่าพูด “คุยกันต่อเถอะ พวกฉันจะไปนั่งโต๊ะอื่น”
“นายรีบไปสั่งน้ำมะนาวให้ลุงหม่าและพี่ๆ สิ น้ำมะนาวช่วยบรรเทาอาการปวดกระเพาะปัสสาวะนะ” แมวเฒ่าหันไปพูดกับกวนฉี
กวนฉีกลอกตาพลางเดินไปที่โต๊ะของเฒ่าหม่า
ไม่นานหลังจากคุยเรื่องแผนการเสร็จ โทรศัพท์ของหลินเหนียนเล่ยดังขึ้น
“เหนียนเหนียนพูดอยู่ค่ะ? เอ่อ…ไม่ค่ะพี่ คุยธุระเสร็จแล้วเหรอคะ? หนูอยู่ที่บาร์ดนตรี…อ๋อ เจอกันค่ะ”
สิบนาทีต่อมา ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมเสื้อขนสัตว์และผู้ติดตามเดินเข้าไปในบาร์ดนตรี
“ทางนี้ค่ะพี่!” หลินเหนียนเล่ยยกมือขึ้นพร้อมตะโกน
“โอ้ มีเพื่อนมาด้วยเหรอ?” ชายหนุ่มเดินเข้าไปพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม
ในขณะเดียวกัน ผู้ติดตามของเขานั่งหลังตรงอยู่บนโซฟาหน้าทางเข้า และมองรอบๆ ร้านอย่างระมัดระวัง
หลินเหนียนเล่ยลุกยืนขึ้นกอดแขนชายหนุ่มพร้อมพูดว่า “นี่คือพี่ชายของฉันชื่อหลินเซียว ส่วนสองคนนี้คือฉินอวี่และแมวเฒ่าเป็นเพื่อนที่ทำงานของหนูค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หลินเซียวพูดพร้อมยื่นมือไปข้างหน้า
“ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ฉินอวี่ลุกยืนขึ้นจับมือของหลินเซียว
แมวเฒ่าลุกยืนขึ้นและพูดประจบ “ครอบครัวของคุณมียีนที่ยอดเยี่ยมมากครับ พวกคุณหน้าตาดีไม่ต่างจากซูเปอร์สตาร์เลย”
“พ่อหนุ่มคนนี้พูดได้ดี!” หลินเหนียนเล่ยหัวเราะคิกคักพลางดึงพี่ชายให้นั่งลงข้างเธอ “อันที่จริงหนูมีเรื่องจะขอให้พี่ช่วยค่ะ”
“มีอะไรเหรอ?”
“อย่างที่พี่เห็นคือพวกเรากำลังทำข่าวของคดีหนึ่งอยู่และจำเป็นต้องสัมภาษณ์พยานในคดีนี้ แต่เราหาที่อยู่ของเขาไม่เจอ” หลินเหนียนเล่ยโกหกหน้าตาย “ถ้าอ้างอิงจากข้อมูลที่หนูรวบรวมได้ดูเหมือนว่าพยานคนนั้นจะทำงานเป็นคนแจกไพ่ที่ดูคคาร์นิวัล พี่ช่วยหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับให้หนูหน่อยได้ไหมคะ?”
หลินเซียวยิ้มให้หลินเหนียนเล่ยพร้อมถามว่า “เธอทำข่าวอะไรอยู่เหรอถึงอยากให้พี่ช่วยหาข้อมูลของคนแจกไพ่?”
“บอกไปพี่คงไม่รู้หรอก เพราะพี่ไม่เคยเรียนเกี่ยวกับสื่อมาก่อน” หลินเหนียนเล่ยตอบอย่างประหม่า “ที่นี่มีคนนอกอยู่ด้วย ดังนั้นเห็นแก่หนูแล้วตอบตกลงด้วยโอเคไหม? ขอร้องนะคะ”
“พี่บอกเธอเป็นล้านครั้งแล้วว่าถ้าเธอไปซ่งเจียง…”
“โอ๊ย ทำไมการขอความช่วยเหลือจากพี่ถึงยากเย็นขนาดนี้?” หลินเหนียนเล่ยพูดแทรกพร้อมทำหน้าบึ้ง “ถ้าพี่ไม่ช่วย หนูจะกลับเดี๋ยวนี้แหละแล้วก็อย่าติดต่อกันอีก!”
“ก็ได้ๆ พี่จะช่วยเอง” หลินเซียวตอบอย่างช่วยไม่ได้พลางหยิบโทรศัพท์แบบมีปุ่มกดสีเขียวขี้ม้าออกมา “พี่จะถามให้โอเคไหม? คนที่เธอตามหาอยู่ชื่ออะไรล่ะ?”
“เหวินเทาค่ะ” หลินเหนียนเล่ยตอบอย่างร่าเริง
หลินเซียวเลื่อนดูรายชื่อผู้ติดต่อแต่ในขณะที่กำลังจะกดโทรออก เขาก็เห็นคนนับสิบคนเดินเข้ามาในบาร์ดนตรี
ภายใต้แสงสลัว สิงจื่อฮ่าวมองไปรอบๆ ก่อนเอ่ยถาม “บอกฉันว่าเราต้องไปคุยกับใคร”
เฒ่าหม่าและลูกน้องที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทางเข้าสังเกตเห็นหยงตงตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบาร์ พวกเขาจึงลุกยืนขึ้นอย่างไม่รู้ตัวพร้อมพึมพำออกมาขณะที่ใบหน้าซีดเผือด “ทำไมหยงตงถึงอยู่ที่นี่?”
หยงตงเดินไปหยุดอยู่ข้างสิงจื่อฮ่าวและพูดว่า “เด็กหนุ่มสองคนทางซ้ายมือและทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะด้านขวา”
สิงจื่อฮ่าวแค่นเสียงอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนเดินไปหาฉินอวี่ก่อนถาม “นายกล้าก่อเรื่องที่เฟิงเป่ยเหรอ?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังของอีกฝ่าย ฉินอวี่จึงลุกยืนขึ้นและถามว่า “คุณคือใคร?”
“เปลี่ยนที่คุยกันเถอะ แล้วฉันจะบอกนายว่าฉันเป็นใคร” สิงจื่อฮ่าวพูดพร้อมโบกมือ “จับพวกมันให้หมด!”
ลูกน้องนับสิบคนที่มากับสิงจื่อฮ่าวก้าวออกไปจับตัวฉินอวี่และคนอื่นๆ ทันที
ผัวะ
แมวเฒ่าไม่คาดคิดว่าศัตรูของพวกเขาจะไล่ตามมาถึงเฟิงเป่ย แมวเฒ่าปล่อยหมัดออกไปทันทีหลังจากหายตกใจพร้อมตะโกนว่า “แกจะทำอะไร? ฉันเป็นตำรวจจากซ่งเจียงนะโว๊ย!”
“เป็นแค่ตำรวจจากซ่งเจียง แกคิดว่าตัวเองมีค่าในเฟิงเป่ยเหรอ?” สิงจื่อฮ่าวหัวเราะเยาะ “พวกแกคงไม่เคยมาเมืองหลวงล่ะสิ พาตัวพวกมันออกไป!”
เฒ่าหม่าและลูกน้องต้องผ่านด่านของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระหว่างซ่งเจียงและเฟิงเป่ย ดังนั้นจึงไม่มีทางที่พวกเขาจะนำอาวุธเข้ามาแต่อีกฝ่ายกลับมีอาวุธครบมือ ดังนั้นพวกเขาจึงตกที่นั่งลำบาก
ชายฉกรรจ์สี่คนวิ่งไปล้อมฉินอวี่และแมวเฒ่า ก่อนชักปืนออกมาเพื่อข่มขู่ทั้งสองคนไม่ให้คิดหลบหนี
“อย่าขยับ ไม่งั้นฉันยิงแกแน่!”
“ก้มหัวลง กูบอกให้ก้มหัวลง!”
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังก้องบาร์ดนตรี เฒ่าหม่าก้าวถอยหลัง ส่วนชายสองคนที่อยู่ข้างเขาคว้าขวดเบียร์บนโต๊ะและพุ่งออกไปโดยไม่ลังเล
สิงจื่อฮ่าวล้วงกล่องบุหรี่ออกมาพร้อมตะโกนว่า “ต่างด้าวอย่างแกกล้าสู้กลับเหรอ? ถ้าใครขัดขืนก็กระทืบมันจนตายไป! ฉันจะกำจัดพวกปรสิตอย่างพวกแกให้หมด!”
ทางเข้าร้าน
ความตกใจและความสับสนในแววตาของหลินเซียวค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เขาเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงก่อนหันไปตำหนิหลินเหนียนเล่น “เธอกำลังเล่นกับไฟ!”
“พี่กำลังทำอะไร? กฎหมายไม่มีความหมายกับพี่เลยเหรอ?!” หลินเหนียนเล่ยคำรามพร้อมผลักชายที่จับตัวฉินอวี่ออก “ปล่อยเพื่อนฉันนะ!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลินเซียวจึงคว้าแขนซ้ายของหลินเหนียนเล่ยพร้อมตะโกนว่า “กลับบ้าน!”
“พวกเขากำลังจะจับตัวเพื่อนของหนูไป!” หลินเหนียนเล่ยตะโกนกลับว่า “เขาช่วยชีวิตหนูตอนอยู่ที่ซ่งเจียง!”
“ฉันบอกให้กลับบ้านเดี๋ยวนี้!” หลินเซียวพูดย้ำด้วยความโมโห
“นังบ้า แกจะทำอะไร?!” ชายที่ใช้ปืนข่มขู่ฉินอวี่จ้องหลินเหนียนเล่ยด้วยสีหน้าชั่วร้าย
สิงจื่อฮ่าวหันไปถามหยงตงหลังจากสังเกตเห็นหลินเหนียนเล่ย “นังนั่นทำอะไร?”
“เธอเป็นนักข่าวจากซ่งเจียง” หยงตงตอบ “เธอเป็นคนที่เจ้านายของผมต้องการ…”
หยงตงพูดไม่ทันจบ สิงจื่อฮ่าวยกขาขึ้นถีบหลินเหนียนเล่ยอย่างไร้ความปรานีโดยไม่สนใจว่าเธอเป็นผู้หญิง “ไอ้พวกสวะ นี่แกถึงขั้นเรียกสื่อมาปลุกปั่นเลยเหรอ? ดูเหมือนว่าพวกแกอยากได้บทเรียนสินะ!”
ตึง
การถูกถีบอย่างกะทันหันทำให้หลินเหนียนเล่ยล้มลงกับพื้น
หลินเซียวตกตะลึงก่อนยื่นมือออกไปดึงหลินเหนียนเล่ยให้ลุกขึ้นก่อนพุ่งเข้าหาสิงจื่อฮ่าว “อยากตายเหรอ! แกคิดว่ากำลังหาเรื่องใครอยู่วะ?!
ขณะเดียวกันผู้ติดตามของหลินเซียวที่นั่งอยู่ตรงทางเข้าได้พุ่งผ่านฝูงชนเพื่อไปหาเจ้านาย
………………………………….