Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 100

ตอนที่ 100

ตอนที่ 100 พนักงานแจกไพ่ปรากฏตัว

ในอาคารสำนักงานค่ายทหาร

ขณะฝูงชนกำลังเตรียมออกจากพื้นที่ จู่ๆ เฒ่าหม่าก็ตะโกนขึ้น “เราออกไปแบบนั้นไม่ได้”

ฉินอวี่หันกลับไปมองเขา

“ตอนนี้ไอ้เด็กสิงที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้วมันคงไม่กล้าเข้าไปในค่ายทหารโดยตรงหรอก ฉันคิดว่ามันต้องให้คนจับตาดูแถวนั้นอย่างแน่นอน” ผู้เฒ่าหม่าอธิบายมุมมองของตน “เราต้องปกป้องเขา”

“อืม ใช่แล้ว” แมวเฒ่าพยักหน้าเห็นด้วย

บนรถ

สิงจื่อห่าวโทรหาปีเตอร์ด้วยใบหน้าซีดเผือด เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “คุณปีเตอร์ได้โปรดอย่าบอกเรื่องเมื่อวานกับป๊านะ”

“คุณน่าจะเข้าใจนะคุณห่าว บริษัทเภสัชกรรมหลงสิงเป็นของทุกคนไม่ใช่แค่ตระกูลของคุณ” ปีเตอร์ตอบอย่างไม่อ้อมค้อม “พระเจ้าอวยพรให้เราอุทิศกำลังคนและความพยายามในการพัฒนาบริษัท ไม่ใช่เพื่อไปทะเลาะกับใคร”

สิงจื่อห่าวกัดฟันตอบ “ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”

“เสียงคุณดูไม่ชัดเลยนะอย่างกับคนโดนชกปาก ไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อนไหม ยังไงก็ขอให้หายในเร็ววันละกัน” ปีเตอร์พูดก่อนวางสาย

สิงจื่อห่าวโยนโทรศัพท์ลงบนเบาะนั่งพร้อมกับสบถด่า “ไอ้พวกผิวขาวเวรตะไล! มันเป็นคนแนะนำให้ตาแก่สั่งพี่ของฉันดูแลการเปลี่ยนอุปกรณ์…สักวันฉันจะทำให้มันออกจากบริษัทโดยไม่เหลืออะไรเลย!”

หยงตงขมวดคิ้วมองสิงจื่อห่าว ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเตือนอย่างสุภาพ “นายน้อยสิงครับ ผมว่าไม่ควรให้คนของเราไปเฝ้าที่ค่ายตอนนี้ เป้าหมายอยู่ใกล้หลินเหนียนเล่ยพวกนั้นจึงสามารถหาทางหนีได้อย่างปลอดภัย เราควรเน้นไปที่การจับตาดูเหวินเทาและจับตัวเสี่ยวฉู่ หม่าล่าเอ๋อหายก็ไปสักพักแล้ว ไม่แน่ว่าเขาอาจ…”

“ผัวะ!”

สิงจื่อห่าวที่กำลังโกรธอยู่ ตบหน้าหยงตงเพื่อระบายอารมณ์ก่อนขึ้นเสียง “ฉันถูกพวกทหารเวรนั่นรุมกระทืบเพราะไอ้สวะอย่างแกนั่นแหละไปแส่ไม่เข้าเรื่อง! แกมันไร้ประโยชน์! บริษัทนี้ให้แกมีอิสระในการทำงานมากขนาดไหน? หางานที่ง่ายๆ แบบนี้ไม่มีที่ไหนแล้ว!”

หยงตงตะลึงอย่างยิ่งเมื่อถูกตบ เขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้าพลางกำหมัดแน่น

“มองทำไม?! ฉันพูดอะไรผิดหรือไง หา?!” สิงจื่อห่าวจ้องไปที่หยงตงด้วยความโกรธจัด

หยงตงพยายามข่มอารมณ์ของตนก่อนตอบ “นายน้อยสิงผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ…การเป็นหุ้นส่วนเกิดขึ้นจากข้อตกลงร่วมกัน เราคงไม่ได้รับโอกาสนี้หากมีตัวเลือกที่ดีกว่าในซ่งเจียง”

สิงจื่อห่าวตะลึงกับคำพูดของหยงตง

ด้านหนึ่งหยงตงมองหน้าสิงจื่อห่าวด้วยความโมโหจนอยากจะตบกลับ แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามข่มใจตัวเองด้วยเหตุและผล เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนเพื่อความรุ่งเรืองในอนาคต

หยงตงยอมทนได้ทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย จึงเป็นเหตุผลที่เขายอมคุกเข่าให้หม่าเหลาเอ๋อเอาปืนจ่อหัวในตอนนั้น เมื่อทุกอย่างจบลงเขาจะเอาคืนอย่างสาสมแน่นอน หลังสงบสติอารมณ์ได้จึงเปลี่ยนเรื่องคุย “นายน้อยสิง ผมหวังว่าคุณจะพิจารณาสิ่งที่ผมพูดไปนะครับ”

“ไปตายซะ!” สิงจื่อห่าวสบถด่าด้วยความโกรธก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออก

“สวัสดีครับ คุณชายสิง”

“ฉันให้แกไปสืบมาแต่กลับไม่ได้ข่าวอะไรเลย คำสั่งของฉันไม่มีความหมายใช่ไหม?” สิงจื่อห่าวถ่มน้ำลาย

“ผมเจอเบาะแสแล้วครับ แต่เมื่อคืนผมติดต่อคุณไม่ได้เลย” อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วน

“งั้นก็พูดมาสิ! แกได้ข้อมูลของเหวินเทาหรือยัง?” สิงจื่อห่าวถามต่อทันที

“ครับ…พบข้อมูลส่วนตัวของเขาแล้ว” อีกฝ่ายรีบเรียบเรียงคำพูดอย่างรวดเร็วก่อนจะรายงาน “เหวินเทาไม่มีญาติในเฟิงเป่ย ที่พักของเขาอยู่ห่างจากดูคคาร์นิวัลพอสมควร…”

ในอาคารอพาร์ตเมนต์ทรงกระบอกที่สร้างขึ้นโดยองค์กรการกุศล เหวินเทาสวมเสื้อตัวหนานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ เขามองเสียวฉู่และถามขณะทำคิ้วขมวด “เป็นอะไรไป? ไม่ใช่ว่านายนำตระกูลหม่าไปไกลแล้วเหรอ?”

เสี่ยวฉู่กินข้าวหนึ่งคำก่อนจะกระดกเหล้าลงคอ เขาตอบกลับ “นายรู้รึเปล่าว่าที่นั่นจำกัดปริมาณการขายยาแค่วันละห้ากล่องเท่านั้น ถึงจะจัดยาทั้งวันก็ได้แค่ร้อยเหรียญต่อวัน เฮ้อ…พอมีอะไรเกิดขึ้นชีวิตก็เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ถ้าตระกูลหม่าและตระกูลหยวนต้องปะทะกันอีก ฉันต้องถูกฆ่าตายข้างถนนแน่!”

เหวินเทาทำได้เพียงถอนหายใจยาว หลังได้ยินคำพูดของเสี่ยวฉู่

“เรายอมโดนจิกหัวใช้ขนาดนี้ก็ควรจะได้สิ่งตอบแทนที่คุ้มค่ากลับมาบ้าง” เสี่ยวฉู่พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ขืนอยู่ทำงานให้พวกตระกูลหม่าต่อไปอนาคตก็มีแต่จะลงเหวเท่านั้น ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเวลาว่าพวกมันจะถูกหยวนหัวกำจัดเมื่อไร แล้วฉันจะใช้โอกาสนั้นเข้ากอบโกยพวกมันให้หมดตัว”

“เออก็จริง แค่หากินทุกวันนี้ก็ยากพอแล้ว ใครจะสนเรื่องความภักดีกัน?” เหวินเทาพยักหน้าเห็นด้วย

“เพื่อนเทา…ถึงเราจะต่างนามสกุล แต่ก็เป็นเหมือนพี่น้องที่ผ่านช่วงเวลาทั้งทุกข์และสุขร่วมกัน” เสี่ยวฉู่พึมพำด้วยฤทธิ์สุรา “บอกตามตรงนะ ลาออกจากงานที่ดูคคาร์นิวัลและไปหาอย่างอื่นทำด้วยกันเถอะ ฉันพอมีเงินติดตัวมาบ้าง…ค่อยเอามาแบ่งกันก็ได้”

“ให้ฉันออกจากงานเนี่ยนะ? ตอนนี้ฉันกำลังไปได้สวยนะเว้ย!” เหวินเทาอุทานอย่างไม่เข้าใจ “ตราบใดที่ฉันขยันทำงาน ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีข้าวกิน”

เสี่ยวฉู่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ฉันอยากทำธุรกิจค้าปืนจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ และฉันไม่เชื่อใจใครนอกจากนาย มาทำด้วยกันเถอะฉันพอมีเครือข่ายบ้างจากที่ไปอยู่ในซ่งเจียง”

เหวินเทาคิดหนัก

“นี่นายยังต้องคิดอีกเหรอ?! ถ้ายังทำงานแจกไพ่นายกคงอยู่ได้เพราะความเมตตาจากคนอื่นเท่านั้น ถ้าอยากยกระดับชีวิตล่ะก็…นายต้องสร้างมันขึ้นมาเองสิ!” เสี่ยวฉู่พูดอย่างมีความหวัง “ออกจากงานของนายซะแล้วมารวยไปด้วยกัน”

เหวินเทาวางตะเกียบลงและถามว่า “นายมีเงินเท่าไหร่? พอรึเปล่า?”

“ตอนนี้ฉันมีเงินไม่มาก แต่ก็เพียงพอสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจของเรา”

“ได้! มาทำธุรกิจด้วยกัน” เหวินเทาตะโกนขณะที่เขาตบต้นขา “ถ้ามันไม่ได้ผลเรายังกลับไปทำงานเดิมได้ ฉันเป็นเพื่อนกับผู้จัดการที่ดูคคาร์นิวัลจะกลับไปทำเมื่อไหร่ก็ได้”

“เจ้าบ้า! ยังไม่ทันเริ่มเลยนายก็คิดถึงความล้มเหลวแล้วเหรอ?” ประโยคนั้นทำให้เสี่ยวฉู่แทบพูดไม่ออก “เชื่อฉันสิ เราทำได้แน่นอน!”

“ใช่ เราทำได้!” เหวินเทาตะโกนพร้อมยกแก้วไวน์ขึ้น “งั้นฉันจะแวะไปคุยเรื่องนี้กับผู้จัดการที่ดูคคาร์นิวัล”

เสี่ยวพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “ต้องถึงไปที่นั่นเลยเหรอ? แค่โทรไปไม่ได้รึไง?”

“ฉันต้องไปรับเงินทั้งเดือนของฉันทั้งหมดที่นั่นด้วย”

“…อย่าไปเลย” เสี่ยวฉู่กังวลเล็กน้อย “มีคนไม่น้อยในซ่งเจียงที่รู้ว่าเราเป็นเพื่อนกัน ฉันกลัวว่าพวกเขาจะส่งคนไปดักรอนาย”

“อย่าคิดมากน่า แค่ไปรับเงินที่นั่นไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ” เหวินเทาตอบอย่างสบายๆ “ เดี๋ยวฉันจะให้คนขับรถมารับส่ง คงไม่เป็นไรหรอก”

“ตอนนี้พวกตระกูลหม่าเริ่มตามล่าฉันแล้ว อย่าประมาทสินายต้องระวังตัวไว้”

“นายบ้าไปแล้วรึไง?! อย่าเพิ่งตื่นตูมไปก่อนสิพวกนั้นยังไม่โผล่มาเลย นี่เราอยู่ที่เฟิงเป่ยนะ! ถึงพวกมันมาจะทำอะไรกับฉันที่ดูคคาร์นิวัลได้?” เหวินเทาพูดขณะยกแก้วไวน์ขึ้น “เอ้า ชนแก้ว!”

ในตอนเย็นเพื่อนของเหวินเทามาส่งที่ดูคคาร์นิวัล เขาสวมหมวกแก๊ปปิดบังหน้าและเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง

ในโรงแรมข้ามกับดูคคาร์นิวัลหม่าเหลาเอ๋อกำลังจะติดต่อฉินอวี่ ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น

“ฮัลโหล?”

“ตอนนี้ฉันเล่นไพ่อยู่ข้างใน” หลิวจื้อชูพูดเสียวเบา “เหวินเทามันเข้ามาแล้ว”

……….……….……….……….

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท