Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 86

ตอนที่ 86

ตอนที่ 86 การมาถึงของพายุ

เช้าวันถัดมา

แสงแดดสีทองสาดส่องผ่านรอยแยกของผ้าม่านภายในห้องของโรงแรมทำให้พื้นห้องสว่างไสว

หม่าเหลาเอ๋อนอนกอดหญิงสาวขณะที่กรนเสียงดัง เสื้อผ้าของพวกเขากระจัดกระจายทั่วห้องเช่นเดียวกับกระดาษทิชชู่และถุงยาง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

เสียงเคาะประตูอย่างกระวนกระวายดังขึ้นอย่างฉับพลันพร้อมกับเสียงตะโกน “พี่เหลาเอ๋ออยู่ไหม?”

หม่าเหลาเอ๋องัวเงียตื่นขึ้นพลางขยี้ตาก่อนตะโกน “ใคร?”

“ผมเสี่ยวหลิวเอง เปิดประตูเร็วเข้า!”

หม่าเหลาเอ๋อใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อรวบรวมสติ เขาคว้านาฬิกาที่อยู่ข้างเตียงมาดูก่อนสบถ “ไอ้เวร ดูเวล่ำเวลาหน่อยสิวะ ค่อยมาเวลาอื่นไม่ได้เหรอ?”

หม่าเหลาเอ๋อพูดขณะหยิบเสื้อผ้าบนพื้นขึ้นพาดบ่าก่อนเดินไปเปิดประตู

“พี่เหลาเอ๋อ มีเรื่องแล้ว!”

“อะไร? ลูกผู้บริหารสูงสุดตายเหรอ?” หม่าเหลาเอ๋อตอบก่อนอ้าปากหาว

“ผมไม่ได้พูดเล่น!” เสี่ยวหลิวอุทานอย่างร้อนใจ “เมื่อวานมีคนตายหลังจากกินยาของเรา แล้วตอนนี้มีผู้บริโภคห้าสิบรายกำลังล้อมโกดัง พี่จื้อชูโดนล้อมและถูกทุบตีตอนที่จะเข้าโกดัง”

หม่าเหลาเอ๋อตาสว่างทันทีที่ได้ยิน “ตายหลังจากกินยาของเรางั้นเหรอ? แล้วพวกเขารู้ได้ยังไงว่าโกดังของเราอยู่ที่ไหน?”

“ผมไม่รู้ครับ!” เสี่ยวหลิวส่ายศีรษะ “ผมพยายามโทรหาพี่แต่ติดต่อไม่ได้…ลุงหม่าโกรธมาก พี่ต้องโทรหาเขาเดี๋ยวนี้เลย”

หม่าเหลาเอ๋อกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวที่นอนอยู่ลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้านและถามว่า “ที่รักขา หงุดหงิดเรื่องอะไรเหรอคะ?”

หม่าเหลาเอ๋อเดินรอบห้องอย่างลนลานพร้อมพูดว่า “กางเกง ช่วยฉันหากางเกงเร็ว!”

“เอ่อ…ที่รักไม่ได้ใส่มันอยู่แล้วเหรอ?”

ฝั่งตรงข้ามโกดังของตระกูลหม่า เฒ่าหม่าสวมเสื้อคลุมทหารก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในโกดังที่ถูกฝูงชนล้อมรอบพร้อมกับลูกน้องทั้งสี่คน

“ลุงหม่าอย่าเข้าไป!”

ขณะนั้นเองหลิวจื้อชูและลูกน้องเดินไปคว้าแขนของเฒ่าหม่าเพื่อหยุดเขาในขณะที่มีเลือดไหลอาบแก้ม

“พวกนายสองคนอยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ?” เฒ่าหม่าตกตะลึง

“ตอนนี้มีลูกค้าเก่าของเรากว่าร้อยคนล้อมโกดังและคอยทุบตีคนที่จะเข้าไปในนั้น พวกเขาบ้าไปแล้ว…” หลิวจื้อชูกล่าวขณะจับบาดแผลบนศีรษะ “อย่าเพิ่งเข้าไปเลยครับ ตอนนี้พวกเขาไม่ฟังคำพูดของใครทั้งนั้น”

“บัดซบ! พวกเขาควรให้โอกาสเราอธิบายบ้างสิ” เฒ่าหม่าพูดอย่างเป็นกังวล “ฉันจะอธิบายให้ทุกคนฟังว่ายาของเราไม่มีปัญหา!”

“ไม่มีประโยชน์ครับ” หลิวจื้อชูจับแขนเฒ่าหม่าพร้อมส่ายศีรษะ “ผู้บริโภคยาของเราเสียชีวิตสองรายจริงๆ และตอนนี้พวกเขากังวลมากจนไม่ฟังเหตุผล อีกอย่างคนจากสำนักงานก็มาที่นี่ด้วย พวกเขาปิดโกดังไปแล้ว ถ้าเข้าไป ลุงจะออกมาไม่ได้!”

เฒ่าหม่าเหลือบมองหลิวจื้อชูด้วยความโมโหพร้อมคำราม “ทำไมนายไม่ย้ายสินค้าไปที่อื่นทันทีที่เกิดเรื่องวะ?”

“ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะจู่ๆ ก็มีคนเกือบห้าสิบคนมารวมตัวนอกโกดัง…และเข้ามาทุบตีพวกเรา” หลิวจื้อชูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าไม่ฝ่าวงล้อมออกมา ผมคงถูกรุมกระทืบจนช้ำในตาย!”

เฒ่าหม่าไม่พอใจอย่างมาก

“เชื่อผมแล้วกลับไปก่อน เราต้องหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะเคลื่อนไหว” หลิวจื้อชูกล่าวขณะลากเฒ่าหลี่ไปขึ้นรถ

ตรงทางเข้าประตูโกดังมีลูกค้าประจำของตระกูลหม่ากว่าหนึ่งร้อยคนตะโกนสาปแช่งด้วยความโมโห

“เฒ่าหม่า ไอ้คนไม่มีศีลธรรม! เราใช้เงินสนับสนุนแก แต่แกกลับขายของปลอมเพื่อทำร้ายเรา!

“ส่งตัวไอ้พวกคนขายยามาซะ ไม่งั้นเราจะบุกเข้าไปกระทืบพวกแกทุกคน!”

“ถ้าไม่ใช่เพราะแรงสนับสนุนของคนในถนนเถ้าธุลี พวกแกคงไม่มีโอกาสไปเทียบกับคนอื่นหรอก แกตอบแทนเราด้วยวิธีนี้เหรอ?!”

เสียงตะโกนสาปแช่งดังก้องอยู่หน้าโกดัง เมื่อเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้คนยากจนที่นำเงินเก็บไปซื้อยาราคาถูกจึงสงบสติอารมณ์ไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาเกลียดชังตระกูลหม่าสำหรับการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ แต่อีกด้านหนึ่งพวกเขากลัวว่าจะไม่สามารถดำรงชีวิตได้ถ้าปราศจากยาราคาถูก

อารมณ์ที่ถาโถมเข้ามาทำให้ฝูงชนขาดสติจนเริ่มทุบประตูโกดัง ไม่ว่าจะส่งตำรวจไปกี่นายก็ไม่สามารถระงับความโกรธของพวกเขา เหล่าเจ้าหน้าที่จึงทำได้เพียงซ่อนอยู่หลังประตูและขอกำลังเสริม

บนถนน หย่งตงที่นั่งอยู่บนรถหัวเราะและพึมพำว่า “ไปตายซะไอ้หม่าเหลาเอ๋อ มาดูกันว่ามึงยังจะกล้าชักปืนใส่กูอีกไหม!”

“พี่ตง เราจะจัดการพวกมันยังไงดีครับ?” เฒ่าสามเอ่ยถาม

“ฆ่ามัน” หย่งตงตอบโดยไม่ลังเล

เฒ่าสามตกตะลึง “จำเป็นต้องทำแบบนั้นด้วยเหรอ? ทุกอย่างจะเข้าที่เมื่อมันออกไปนี่”

“เราจะเสี่ยงกับความเห็นอกเห็นใจไม่ได้ สั่งคนมากำจัดมันซะ” หยงตงขมวดคิ้วพร้อมตอบ

เฒ่าสามรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากหลังจากได้ยิน แต่เขาไม่มีสิทธิพูดเพราะไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะขัดคำสั่งของหย่งตง

ใกล้เวลาเที่ยง

ผู้กำกับการหลี่กลับสำนักงานตำรวจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สิ่งแรกที่เขาพูดหลังจากกลับมาถึงสำนักงานคือ “ตามฉินอวี่มาหาฉันเดี๋ยวนี้”

ครู่ต่อมา ฉินอวี่เดินเข้าไปในห้องทำงานของผู้กำกับการหลี่ก่อนปิดประตูและพูด “ผู้กำกับการหลี่ครับ”

“นายจัดการงานประสาอะไรวะ?” ผู้จัดการหลี่นั่งบนเก้าอี้เผยสีหน้าไม่พอใจพร้อมขมวดคิ้วก่อนถาม “นายเอาสมองส่วนไหนคิดว่าสารหนูขายเป็นยาได้?”

ฉินอวี่ยืนนิ่ง

ผู้กำกับการหลี่ทุบโต๊ะด้วยความโมโหพร้อมตะโกนว่า “ตอบ! มันเกิดอะไรขึ้น?!”

“พูดตามตรงนะครับ ผมเองไม่รู้เหมือนกัน” ฉินอวี่ขมวดคิ้วพร้อมตอบ “ผมเพื่อรู้เรื่องนี้เมื่อครู่เองครับ”

“ก่อนหน้านี้ฉันได้รับโทรศัพท์จากกองบัญชาการว่าคดีนี้เกี่ยวกับผู้ต้องหาชื่อเฒ่าหม่า ดังนั้นนักสืบของกองบัญชาการตำรวจจะเป็นคนดูแลคดีนี้” ผู้กำกับหลี่พูดอย่างเคร่งเครียด “หืม ฉันสั่งให้ลูกน้องไปดูทันทีที่ได้รับแจ้ง? เขารายงานว่าโกดังของเฒ่าหม่าถูกตรวจค้นและสำนักงานตำรวจได้นำยากลับไปตรวจสอบที่ห้องปฏิบัติการด้วย”

ฉินอวี่ดูมึนงงเล็กน้อยราวกับว่ากำลังพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว

“นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?” ผู้กำกับการหลี่มองฉินอวี่

“เข้าใจแล้วครับ” ฉินอวี่ตอบกลับทันที “ตระกูลหยวนเป็นคนทำ”

“ฉันคิดว่าตระกูลหยวนพยายามทำให้ตระกูลหม่าเสียชื่อเสียง” ผู้กำกับหลี่กล่าวพลางลุกยืนขึ้น จากนั้นตะโกนเสียงดัง “แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตระกูลหม่าถึงให้ลูกน้องขายยาปลอม! ผีตัวไหนดลใจให้เฒ่าหม่าทำแบบนี้? เขาอยากตายเหรอ?”

ฉินอวี่ไม่เข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน เขาไม่เข้าใจว่าตระกูลหยวนจัดการกับยาของตระกูลหม่าได้ยังไง

“ศพของประชาชนสองคนที่ตายเพราะกินยาปลอมถูกส่งไปยังกองบัญชาการตำรวจ” ผู้กำกับการหลี่ชี้ฉินอวี่ “นายรู้ไหมว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง? ถ้าพบว่าสาเหตุการตายของพวกเขาเกี่ยวข้องกับยาจริง”

เหงื่อเย็นไหลท่วมแผ่นหลังของฉินอวี่ทันทีที่ได้ยิน

“มันหมายความว่าชื่อเสียงของตระกูลหม่าจะพังทลาย พวกเขาจะขายยาไม่ได้อีก” ผู้กำกับหลี่ชี้ให้เห็นปัญหาอย่างรวดเร็ว “มีคนมากมายรู้ว่าเราปกป้องตระกูลหม่าอยู่ ถ้าชื่อเสียงของพวกเขาย่อยยับ นายคิดว่าชะตากรรมของเราจะเป็นยังไง?”

ฉินอวี่พยักหน้าอย่างเคร่งเครียดก่อนพูดขึ้นว่า “ผมจะประสานงานกับตระกูลหม่าในเรื่องนี้ครับ”

“ระวังตัวให้ดีล่ะ อย่าให้ใครรู้ว่าเราติดต่อกับพวกเขา” ผู้กำกับหลี่สั่ง

“รับทราบครับ” ฉินอวี่ตอบก่อนเดินออกจากห้อง

สองนาทีต่อมา

เสียงเรียกเข้าดังขึ้นในห้องทำงานที่ฉินอวี่เพิ่งออกไป ผู้กำกับการหลี่รับสายทันที “สวัสดีครับ?”

“เรื่องนี้หนักหนากว่าที่ผมคิด เพราะอีกฝ่ายเตรียมตัวมาดี” ปลายสายพูดสั้นๆ “แมวเฒ่าหลานของท่านเพิ่งเดินอย่างใกล้ชิดกับหม่าเหลาเอ๋อเมื่อไม่กี่วันมานี้ ท่านต้องป้องกันการป้ายสีจากอีกฝ่ายด้วย”

ผู้กำกับหลี่ครุ่นคิดอยู่สองวินาทีก่อนตอบว่า “แมวเฒ่ามีเพื่อนเยอะ หมอนั่นจะคบหาใครก็ไม่ใช่ธุระของฉัน แล้วอีกอย่างฉันไม่เคยติดต่อกับตระกูลหม่ามาก่อน”

“ถ้าตระกูลหม่าใกล้ล้ม ท่านต้องแสดงจุดยืนและตัดทุกอย่างออกให้หมดเพื่อไม่ให้ตัวท่านมีส่วนเกี่ยวข้อง” ปลายสายสั่ง

“อืม ขอบใจมาก” ผู้กำกับหลี่ตอบ

………………………………….

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท