ตอนที่ 96 การรวมตัวของทุกฝ่าย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
หยงตงพร้อมลูกน้องสี่คนเดินออกจากสถานีรถไฟ ไม่นานพวกเขาได้พบกับสิงจื่อฮ่าว นายน้อยคนที่สามของบริษัทเภสัชกรรมหลงสิง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณจื่อฮ่าว” หยงตงยื่นมือออกไป
สิงจื่อฮ่าวที่นั่งอยู่ในรถยื่นมือออกไปจับมือก่อนพูดว่า “ขึ้นมาสิ”
หยงตงกวักมือเรียกลูกน้องให้ขึ้นรถของพวกเขา ก่อนที่ตนจะขึ้นรถของสิงจื่อฮ่าว จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “ขอโทษที่ทำให้นายน้อยจื่อฮ่าวต้องหนักใจนะครับ”
“คู่แข่งของนายที่ซ่งเจียงเป็นแค่กุ๊ยข้างถนนไม่ใช่เหรอ?” สิงจื่อห้าวถามด้วยความไม่พอใจ “หยวนหัวอยู่ในสังเวียนนี้มานาน แต่รับมือกับคนพวกนั้นไม่ได้เหรอ?”
หยงตงรีบอธิบายว่า “ไอ้กุ๊ยพวกนั้นมีเส้นสายอยู่เบื้องหลัง ผู้กำกับการรัฐพื้นทมิฬหนุนหลังพวกมันอยู่ครับ”
“ผู้กำกับการตำรวจทำอะไรได้บ้าง?” สิงจื่อฮ่าวตอบอย่างไม่ใส่ใจ “หยวนหัวบอกว่าเขามีตำรวจยศสูงหนุนหลังอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมกำจัดคนของพวกมันซะ?”
แน่นอนว่าหยงตงไม่กล้าโต้เถียงนายน้อยผู้อวดดี และเขาก็ไม่อยากอธิบายเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นจึงตอบพร้อมรอยยิ้ม “เราประมาทและพลาดเองครับ”
สิงจื่อฮ่าวขมวดคิ้วพร้อมพูด “บริษัทของเราร่วมมือกับหยวนหัวเพื่อไม่ให้มีปัญหาในการค้ายา แต่ดูเหมือนว่าพวกคุณจะพึ่งพาไม่ได้อีกแล้ว”
“ขอโทษด้วยครับ พวกเราจะระวังตัวมากกว่านี้” หยงตงพยักหน้าพร้อมตอบ
สิงจื่อฮ่าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมถามว่า “ไอ้เด็กที่ทำงานอยู่ในดูคคาร์นิวัลชื่ออะไร?”
หยงตงกะพริบตาก่อนตอบด้วยรอยยิ้ม “เรายังหาเข้าไม่เจอครับ”
“หมายความว่ายังไง? นายไม่ได้มาที่นี่เพื่อจับมันเหรอ?” สิงจื่อฮ่าวงุนงง
“เอ่อ…คือผมคิดตอนอยู่บนรถไฟมาสักพักแล้วว่าในเมื่อเสี่ยวฉู่คือกุญแจของเรื่องนี้ พวกศัตรูคงออกตามหาเขาเช่นกัน ผมเลยให้คนไปหาตัว…” หยงตงเล่าแผนการให้สิงจื่อฮ่าวฟัง
…
ณ ร้านไออุ่น
ฉินอวี่สั่งน้ำมะนาวให้แมวเฒ่าและกวนฉีก่อนเหลือบมองนาฬิกา
“ใจเย็นน่า หม่าเหลาเอ๋อยังไม่ติดต่อมาใช่ไหม?” แมวเฒ่าพูด “กระวนกระวายไปก็ไม่ช่วยอะไร อดใจรอหน่อยเถอะ”
หลังจากแมวเฒ่าพูดจบ หญิงสาวพราวเสน่ห์เดินเข้ามาทางประตูหลักก่อนโบกมือให้ทั้งสามคนพร้อมยิ้มสดใส “ว่าไงหนุ่มๆ”
“มาถึงสักที!” แมวเฒ่าพูดพลางหัวเราะและกวักมือเรียกเธอให้ไปนั่งข้างๆ “มานั่งนี่สิจ๊ะ”
หลินเหนียนเล่ยวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามฉินอวี่พร้อมพูดล้อเลียน ”โอ้ ชายฉกรรจ์สามคนมาที่บาร์เพื่อดื่มน้ำมะนาวเนี่ยนะ? ไม่เลือกกินอะไรที่มันเหมาะสมกับอายุหน่อยเหรอ?”
“ฉันกังวลจะตายอยู่แล้ว ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างฉันอาจดื่มยาเบื่อหนูก็ได้ นับประสาอะไรกับน้ำมะนาวแก้วนี้” ฉินอวี่บ่นด้วยความหงุดหงิด
“เรื่องเพื่อนเหรอ? ทำไมนายต้องดื่มยาเบื่อหนูด้วย?” หลินเหนียนเล่ยถามด้วยความสงสัย
“เฮ้อ…เรื่องมันเป็นอย่างงี้…” แมวเฒ่าเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนให้หลินเหนียนเล่ยฟัง แต่เขาเลือกที่จะเลี่ยงรายละเอียดบางอย่างเช่น ความสัมพันธ์ของพวกเขากับตระกูลหม่า และเกมการเมืองในหมู่ตำรวจยศใหญ่
หลินเหนียนเล่ยเป็นคนที่มีความยุติธรรม คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันทันทีหลังได้ยินพร้อมพูดว่า “ตระกูลหยวนน่ารังเกียจขนาดนี้ได้ยังไง? ฉันตามถ่ายรูปที่พวกเขาขายยาเกินราคามาสักพักแล้ว แต่พวกเขากลับทุบกล้องฉันซะพังเลย…และตอนนี้ก็วางยาผู้บริสุทธิ์เพื่อแย่งชิงพื้นที่ในตลาดยา พวกเขาไม่เห็นค่าขอชีวิตเพื่อนมนุษย์เลยเหรอ?”
ชายหนุ่มทั้งสามนิ่งเงียบ
หลินเหนียนเล่ยกัดฟันพร้อมหันไปหาฉินอวี่และพูดว่า “ฉันช่วยได้ แต่ฉันไม่เคยไปที่ดูคคาร์นิวัล งั้นรอพี่ชายของฉันแป๊ปหนึ่ง เขาคุยธุระอยู่ที่ชั้นบนและฉันจะให้พี่ช่วยพวกนายตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะเขามีเส้นสายมากมายในเฟิงเป่ย”
“พี่ชาย? สายเลือดเดียวกันเหรอ?” ฉินอวี่ถามด้วยความสงสัย
“เปล่า ลูกพี่ลูกน้อง” หลินเหนียนเล่ยตอบ
“อืม งั้นรออยู่ที่นี่กันเถอะ” แมวเฒ่าตอบ “คุณจะดื่มอะไรดีครับ?”
“วันนี้ฉันว่างแล้ว งั้นดื่มกับพวกนายสักหน่อยแล้วกัน” หลินเหนียนเล่ยพูดพลางถอดเสื้อโค้ตออก “ฉันเอาอัลโคป๊อปส์”
ฉินอวี่กลอกตาเมื่อได้ยิน “แค่น้ำมะนาวก็พอ เธอรู้ไหมว่าแอลกอฮล์แพงขนาดไหน”
“เฮ้ นั่นคือสิ่งที่นายควรพูดตอนถามความคิดเห็นเหรอ? ฉันอยากดื่มแอลกอฮอล์แล้วมันทำไม?” หลินเหนียนเล่ยมองฉินอวี่ด้วยความไม่พอใจพร้อมโต้กลับ
“เขาขี้เหนียวน่ะ ผมจะเลี้ยงคุณเอง” แมวเฒ่าเผยนิสัยโอ้อวดออกมาอีกครั้ง “คุณอยากดื่มอะไรสั่งได้เลย วันนี้ผมยอมจ่ายแม้ว่าคุณจะอยากดื่มน้ำลายของเง็กเซียนฮ่องเต้ก็ตาม!”
“อี๋ ขนลุก” หลินเหนียนเล่ยทำสีหน้าขยะแขยงพร้อมก่นด่า
หนุ่มสาวทั้งสี่คนพูดคุยกันอยู่ครู่ใหญ่ระหว่างรอลูกพี่ลูกน้องของหลินเหนียนเล่ยมาถึง
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ในขณะที่ลูกค้าออกจากบาร์เกือบหมดแล้ว เสียงโทรศัพท์ของฉินอวี่ก็ดังขึ้น
“ว่าไงลุงหม่า?”
“ฉันอยู่หน้าทางเข้าร้านไออุ่นแล้ว” เสียงของเฒ่าหม่ามาจากปลายสาย
ฉินอวี่ลุกยืนขึ้นพร้อมตอบทันที “เดี๋ยวฉันจะไปรับตรงทางเข้า”
“อืม”
ทั้งสองวางสาย จากนั้นฉินอวี่หันไปพูดกับกลุ่มเพื่อนว่า “คุยกันต่อเลย ฉันไปรับเฒ่าหม่าก่อน”
…
ชั้นบน
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมเสื้อโค้ตขนสัตว์นั่งอ่านเอกสารอยู่บนโซฟา
แสงสว่างส่องกระทบใบหน้าของชายหนุ่มเผยให้เห็นรูปหน้าคมชัดและร่างกายกำยำ ดูเหมือนว่าเขาจะสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบสิงเซนติเมตร ผิวขาว เครื่องหน้างดงามนั้นทำให้เขาดูหล่อเหลา
หากเพ่งมองดีๆ จะพบว่าเขามีส่วนคล้ายหลินเหนียนเล่ยเล็กน้อย แต่ยากที่จะบอกว่าคล้ายกันในส่วนไหน
“นายคิดว่าทำแบบนี้ดีไหม? ถ้านายว่าดี ฉันจะได้ร่างสัญญาใหม่หลังจากกลับไปที่เขตพิเศษที่เจ็ด” ชายวัยกลางคนที่นั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามถามด้วยรอยยิ้ม
“ใจเย็นนะครับ ผมขอรวบรวมข้อมูลก่อน” ชายหนุ่มพูด “พรุ่งนี้ผมจะให้คำตอบคุณอีกที”
“นายกับพ่อต่างกันมากเลยนะ” ชายวัยกลางคนพูดพลางจิบไวน์ “แม้อายุยังน้อย แต่นายมีทั้งความมั่นคงและอนาคตที่สดใสรออยู่!”
“ประเมินผมสูงเกินไปแล้ว ผมแค่ไม่อยากพลาด” ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนยืนขึ้นและรินไวน์ใส่แก้วของชายวัยกลางคนพร้อมพูดว่า “ผมขอดื่มอวยพรให้ลุงนะครับ”
…
ภายในห้องรับแขกของร้านไออุ่น ฉินอวี่พูดคุยกับกลุ่มของเฒ่าหม่าก่อนเดินนำเข้าไปในร้าน
บนถนน
สิงจื่อฮ่าวออกคำสั่งอย่างหนักแน่นผ่านโทรศัพท์ว่า “มาที่นี่เดี๋ยวนี้ อืม ที่อยู่ที่ฉันส่งให้…ใช่ แค่นี้แหละ”
หยงตงขมวดคิ้วทันทีที่เห็นสิงจื่อฮ่าววางสาย “นายน้อยสิงเข้าใจผิดแล้ว คุณใช้เส้นสายจัดการพวกมันแทนก็ได้นะครับ เวลาเกิดปัญหาจะไม่มีใครสงสัยพวกเรา…”
หยงตงพูดไม่ทันจบ สิงเจาหลินก็โบกมืออย่างหมดความอดทนพลางพูดเย้ยหยัน “ฉันจำเป็นต้องใช้เส้นสายจัดการไอ้กุ๊ยข้างถนนพวกนี้ด้วยเหรอ? “รีบจัดการเรื่องนี้ให้มันจบๆ ไป”
“ผมว่ามันค่อนข้างเสี่ยงนะครับ เพราะการจัดการกับอีกฝ่ายไม่ได้ง่ายขนาดนั้น พวกมันผ่าน…” หยงตงพยายามเกลี้ยกล่อมสิงจื่อฮ่าว
สิงจื่อฮ่าวหัวไปตะโกนใส่หน้าของหยงตง “ถ้าขี้ขลาดขนาดนี้ เราจะวางใจให้พวกนายดูแลเส้นทางการค้าของเราได้ยังไง?”
หยงตงหุบปากทันที
สิบนาทีต่อมา สิงจื่อฮ่าวออกคำสั่งทันทีที่มีรถสองคันแล่นมาจอดริมถนน “บอกทุกคนให้ตามไอ้พวกนั้นไป”
…………………………………