ตอนที่ 103 รอหรือบุก
ภายในร้านอาหาร
ฉินอวี่ขมวดคิ้วคุยโทรศัพท์ “อย่าเพิ่งเข้าไปนะ รอพวกฉันไปถึงก่อนค่อยเคลื่อนไหว”
“กว่าพวกนายจะมาถึงมันคงหนีไปไกลแล้ว!” หม่าเหลาเอ๋อร้อนรน “มีพนักงานของดูคคาร์นิวัลเห็นตอนฉันเข้าไปจับไอ้เหวินเทาอ่ะดิ ถ้ามันรู้จักไอ้เสี่ยวฉู่แผนเราต้องพังแน่! ที่แย่กว่าคือไอ้เสี่ยวฉู่โทรมาสองรอบแล้วแต่ไม่ได้รับสายเลย! ถ้ามันเอะใจแล้วหนีไปนะ คราวนี้เราตามตัวมันยากแน่!”
“ฉันรู้ว่านายเครียดแต่ความปลอดภัยต้องมาก่อนสิวะ จอดรถรออยู่แถวบ้านไอ้เหวินเทาแล้วจับตาดูสถานการณ์ไปก่อนอย่าเพิ่งเคลื่อนไหว” ฉินอวี่ออกคำสั่ง
“เพราะนายจะเพ่งไปที่ไอ้เสี่ยวฉู่คนเดียวไม่ได้ ตอนนี้บริษัทยากับไอ้หยงตงมันรู้แล้วว่าเรามาที่นี่ ฝั่งนู้นมีพรรคพวกเยอะกว่า…ถ้าพวกมันรู้ว่าไอ้เหวินเทาอยู่กับเรา บุกไปตอนนี้ก็ไม่ต่างจากฆ่าตัวตาย!”
“ฉินอวี่ นายไม่รู้หรอกว่าสถานการณ์ทางนี้เป็นยังไง!” หม่าเหลาเอ๋อขึ้นเสียงใส่
“ถ้าพวกศัตรูรู้ว่าเหวินเทาอยู่กับเราจริงคงรีบมาเอาตัวไอ้เสี่ยวฉู่ก่อนแล้ว พวกมันไม่มีทางปล่อยให้ไอ้เหวินเทากลับไปที่ดูคคาร์นิวัลแบบนั้นหรอก! อีกอย่างนายคิดเหรอว่าไอ้เสี่ยวฉู่มันจะอยู่เฟิงเป่ยนาน? เรามีเวลาแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมง…ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมฉันต้องรีบ! ไอ้เสี่ยวฉู่มันฉลาด ถ้ามันรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลมันจะรีบหนีทันที ไม่งัั้นเราคงจับมันได้ตั้งแต่ในซ่งเจียงแล้วสิ!”
“ยังไงฉันก็คิดว่า…”
“เอางี้…ฉันจะส่งที่อยู่ให้ แล้วนายรีบมาให้ไวที่สุด” หม่าเหลาเอ๋อพูดพลางก้มมองนาฬิกา “ฉันขอดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าควรเข้าไปไหม”
“เอางั้นก็ได้ ฉันจะบอกเฒ่าหม่าให้เอง”
“รีบมา”
ทั้งสองหลังวายสาย
ฉินอวี่บอกให้แมวเฒ่าจ่ายเงินค่าอาหารก่อนรีบออกจากร้านพร้อมกับติดต่อหาเฒ่าหม่า
“ว่าไง?”
“ลุงหม่า ทางนั้นเรียบร้อยดีไหม?”
“อ่า เรียบร้อยแล้ว”
“ฉันจะเล่าสถานการณ์ตอนนี้ให้ฟัง หม่าเหลาเอ๋อได้ตัวเหวินเทาแล้วและกำลังรอบุกจับตัวเสี่ยวฉู่ ซึ่งผมคิดว่าเราประมาทไม่ได้ เพราะเรื่องเมื่อวานทำให้รู้แล้วว่าหยงตงกับคนตระกูลสิงจับตามองเราอยู่ เราไม่มีเส้นสายในเมืองนี้มาก…ฉะนั้นจะเสี่ยงปะทะกับพวกมันไม่ได้ เข้าใจที่ฉันพูดไหม?” ฉินอวี่อธิบายเรื่องราวอย่างจริงจัง
“ลองคิดให้ดีสิ แค่พวกเราเข้ามาในเฟิงเป่ยพวกมันก็รู้ตัวแล้ว เด็กแจกไพ่ในดูคคาร์นิวัลคนเดียวจะหายากแค่ไหนกันเชียว?”
“เรื่องนี้ฉันเห็นด้วย” เฒ่าหม่าตอบกลับ
“เดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ให้ แล้วลุงไปก่อนเลย ไม่ต้องมารับฉันกับแมวเฒ่า” ฉินอวี่ออกคำสั่ง “พวกฉันจะรีบตามไป ระวังตัวด้วยล่ะ อย่าเพิ่งพรวดพราดเข้าไปหาไอ้เสี่ยวฉู่ หมอนั่นเป็นเป้าหมายใหญ่ทั้งฝั่งเรากับศัตรู ขืนเคลื่อนไหวไม่ระวังอาจซวยได้”
“เข้าใจล่ะ เจอกันที่นั่นแล้วกัน”
“โอเค มีอะไรก็ติดต่อมา”
“โอเค”
ฉินอวี่วางสายโทรศัพท์
…
สิบห้านาทีต่อมา
ภายในรถ
หม่าเหลาเอ๋อดึงผมเหวินเทาพร้อมถามว่า “ตกลงบ้านแกอยู่หลังไหนกันแน่?”
“ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าตรอก” เหวินเทาตอบตามจริง
“เสี่ยวหลิว เอารถไปจอดหลังตึกนั่นแล้วดับเครื่องซะ” หม่าเหลาเอ๋อสั่ง
“รับทราบ” เสี่ยวหลิวทำตามคำสั่ง
หม่าเหลาเอ๋อหันไปพูดกับเหวินเทาว่า “ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับแก แต่ถ้าแกยอมให้ความร่วมมือฉันจะปล่อยแกไปพร้อมจ่ายค่าทำขวัญให้ด้วย”
“ขะ-เข้าใจแล้ว” เหวินเทาพยักหน้ารับ
ท้ายที่สุดหม่าเหลาเอ๋อก็ยอมทำตามคำแนะนำของฉินอวี่ เขาไม่บุกเข้าไปในบ้านแต่กลับหันมาออกคำสั่งกับเหวินเทาแทน “ตั้งสติหายใจเข้าลึกๆ แล้วโทรหาเสี่ยวฉู่ บอกมันว่าแกบังเอิญเจอเพื่อนระหว่างทางและปิดเสียงโทรศัพท์ไว้เลยคุยกันเพลินจนไม่ได้รับโทรศัพท์ ตอนนี้กำลังกลับบ้าน”
“ไม่โทรน่าจะดีกว่า” เหวินเทาส่ายหัวก่อนแนะนำ
“หมายความว่าไง?” หม่าเหลาเอ๋อไม่เข้าใจ
“เสี่ยวฉู่เป็นคนขี้ระแวง ถ้าโทรไปอธิบายแบบนี้จะน่าสงสัยเอาเปล่าๆ” เหวินเทาตอบอย่างกังวล “คนที่เราเห็นที่ลานจอดรถไม่รู้จักเสี่ยวฉู่ อีกอย่างหมอนั่นไม่รู้จักใครในเฟิงเป่ยเพราะงั้นน่าจะยังอยู่ที่บ้านนั่นแหละ แกเข้าไปหามันเลยสิ…”
หม่าเหลาเอ๋อครุ่นคิดครู่หนึ่ง
“ถ้าแกอยากให้ฉันโทรฉันก็จะโทร แต่ถ้าหมอนั่นจับได้แล้วหนีไป…ฉันช่วยอะไรไม่ได้นะบอกไว้ก่อน” เหวินเทารีบพูดเสริม
หม่าเริ่มเอ๋อเริ่มคิดหนักก่อนหันไปถามเสี่ยวหลิวว่า “นายว่าไง? บุกหรือรอ?”
“จะรอทำไมล่ะ?” เสี่ยวหลิวตอบอย่างไม่ลังเล “ไอ้เสี่ยวฉู่มันไม่ได้โง่ เหวินเทาหายไปนานแถมไม่รับโทรศัพท์แค่นี้มันคงระแวงแล้ว อีกอย่างถ้ามันโทรไปถามที่ดูคคาร์นิวัลก็จะรู้ทันทีว่าเราอยู่ที่นี่”
แต่ไม่ทันไรหลิวจื้อชูก็พูดแย้ง “ฉันคิดว่าปลอดภัยกว่าถ้ารอลุงหม่ามาถึงก่อน”
หลิวจื้อชูหันขวับไปทางเหวินเทาก่อนพูดต่อ “ใครจะไปรู้ว่าคำพูดไอ้เด็กนี่เชื่อได้แค่ไหน?”
“สถานการณ์คอขาดบาดตายจนเกือบโดนต้อนใครมันจะกล้าโกหก!” เหวินเทาเถียงกลับ
“แม่งเอ๊ย!” หม่าเหลาเอ๋อสบถ เขามองดูเวลาก่อนต่อสายหาเฒ่าหม่า
“กริ๊ง!”
แต่ไม่ทันไรโทรศัพท์ของเหวินเทาก็ดังขึ้น
“ใครโทรมา?” หม่าเหลาเอ๋อถาม
“เสี่ยวฉู่โทรมา” เหวินเทาดูหน้าจอโทรศัพท์ก่อนตอบกลับ
“รับสายแล้วเปิดลำโพง ฉันจะฟังด้วย”
“ได้” เหวินเทาพยักหน้า ขณะกำลังยกโทรศัพท์หลิวจื้อชูยื่นมือมากดรับสาย
“ฮัลโหล?”
ปลายสายเงียบไม่ตอบรับ
“เสี่ยวฉู่ได้ยินไหม?” เหวินเทาถามซ้ำ
หลังเงียบไปครู่หนึ่งเสี่ยวฉู่จึงพูดแทรก “นายอยู่กับคนจากซ่งเจียงเหรอ?”
“พูดเรื่องอะไร? หมายความว่าไงคนจากซ่งเจียง?” เหวินเทาทำเป็นไม่รู้เรื่อง “เมื่อกี้ฉันเจอเพื่อนที่อยากลาออกจากงานเหมือนกันน่ะ เลยแวะคุยนานหน่อย”
“เหรอ…แล้วจะกลับเมื่อไหร่?” เสี่ยวฉู่ถาม
“อยู่บนรถแล้ว ไม่เกินสิบนาทีถึง”
“เออ กลับมาค่อยคุยกัน” เสี่ยวฉู่พูดก่อนวางสายไป
หม่าเหลาเอ๋อนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูด “ฉันว่ามันรู้ตัวแล้ว”
ทันใดนั้นพวกเขาก็สังเกตเห็นเงาดำของใครบางคนเดินออกจากตรอกตรงไปทางถนนหลักอย่างเร่งรีบ
หลิวจื้อชูเพ่งมองชายคนนั้นตามสัญชาตญาณก่อนโพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ “นั่นไอ้เสี่ยวฉู่! มันออกมาแล้ว!”
………………………………….