ตอนที่ 104 เหยื่อล่อ
ทุกคนบนรถหันไปมองเสี่ยวฉู่ที่กำลังเดินออกจากตรอกเป็นตาเดียวกัน
“ซวยล่ะ ไอ้เสี่ยวฉู่รู้ตัวแล้ว!” เสี่ยวหลิวสบถ “มันกำลังจะหนี!”
ใกล้กับตรอก เสี่ยวฉู่สวมเสื้อผ้าหนาหลายชั้นพลางล้วงมือในกระเป๋าเสื้อพร้อมสะพายถุง เขาเร่งฝีเท้าเดินอย่างรวดเร็วพลางหันมองรถข้างถนน
“เอาไงดี?” หลิวจื้อชูหันมาถามหม่าเหลาเอ๋อ “ตามไปจับมันเลยไหม?
หม่าเหลาเอ๋อล้วงปืนพกออกมาก่อนลังเลและคิดถึงคำพูดของฉินอวี่ที่เคยบอกไว้
“มันอยู่ตรงหน้าเราแล้วนะ อย่ามัวแต่ลังเลรีบตัดสินใจเถอะครับ!” เสี่ยวหลิวตะโกนบอกด้วยความร้อนรน “ถ้าคุณไม่ทำ…ผมทำเอง!”
“รอเดี๋ยว!” หลิวจื้อชูรั้งแขนเสี่ยวหลิวไว้ “ใช้รถสะกดรอยตามมันไปก็ได้”
ระหว่างที่กำลังถกเถียงกันอยู่ เสี่ยวฉู่ก็เร่งฝีเท้าเดินออกจากตรอกไปตามทางเท้าฝั่งซ้ายของถนน
เขาเดินไปตามทางเรื่อยๆ กระทั่งหยุดอยู่ตรงขอบถนนและมองซ้ายขวาราวกับกำลังจะโบกรถโดยสาร
หม่าเหลาเอ๋อกระชับปืนในมือแน่นพลางตะโกนลั่น “สตาร์ตรถเร็ว! มันกำลังจะโบกรถหนี!”
“ครับ แล้วให้ผมทำไงต่อครับ?” เสี่ยวหลิวขมวดคิ้วถามพร้อมสตาร์ตเครื่องยนต์
“ตามมันไปก่อน” หม่าเหลาเอ๋อสั่ง “พี่จื้อชูโทรหาฉินอวี่กับตาเฒ่าหม่าที…เรากำลังออกจากจุดนัดพบ”
“โอเค!” หลิวจื้อชูตอบขณะควานหาโทรศัพท์
ทว่าระหว่างที่เสี่ยวหลิวกำลังจะเคลื่อนรถ เสี่ยวฉู่กลับเดินข้ามถนนตรงไปยังตรอกฝั่งตรงข้ามแทน
ทุกคนต่างงุนงงกับสิ่งที่ชายเบื้องหน้าทำ
“ผมบอกแล้ว! กว่าจะหาตัวมันเจอไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พวกคุณกลับมัวแต่สะกดรอยแทนที่จะเข้าไปจับมัน ถ้าทำตามที่ผมบอกแต่แรกป่านนี้ทุกอย่างจบไปนานแล้ว!” เสี่ยวหลิวเริ่มหมดความอดทน
“ยังไงต่อล่ะทีนี้ ให้ผมขับรถตามมันเข้าไปในซอยเลยไหม?”
“โอ้ย! ที่ทำกันอยู่เนี่ย ขนาดคนบ้ายังรู้เลยว่าโดนสะกดรอยตาม แล้วนับประสาอะไรกับคนเจ้าเล่ห์อย่างหมอนั่น! ผมอยากรู้จริงๆ ว่าพวกคุณคิดอะไรกันอยู่!”
“เลิกแหกปากสักที!” หม่าเหลาเอ๋อจ้องหน้าเสี่ยวหลิวอย่างเอาเรื่อง
เสี่ยวหลิวรีบหุบปากด้วยความหวั่นเกรงทันที
หม่าเหลาเอ๋อมองไปที่ถนนเห็นว่าเสี่ยเสี่ยวฉู่ใกล้จะถึงตรอกแล้ว เขาจึงครุ่นคิดก่อนตัดสินใจอย่างเด็ดขาดพร้อมออกคำสั่ง “ขับรถไปจับมัน!”
“สั่งแต่แรกก็จบแล้ว!”
เสี่ยวฉู่ดึงคลัทช์และเหยียบคันเร่งรถยนต์พุ่งไปบนถนนอย่างเต็มกำลัง
เสียงเครื่องยนต์คำรามลั่นพร้อมกับยานพาหนะที่ทะยานไปยังตรอกฝั่งตรงข้ามราวกับลูกธนูถูกยิง
เสี่ยวฉู่หันมองทันทีที่ได้ยินเสียง ม่านตาเขาแสบไปชั่วขณะหลังโดนไฟหน้ารถสาดเข้าใส่ ถึงกระนั้นด้วยการตอบสนองอันรวดเร็วเขากระโดดหลบรถที่พุ่งมา
“เอี๊ยด!”
เสียงเบรกดังก้องไปทั่วท้องถนน รถยนต์ไถลไปห้าเมตรกว่าจะจอดสนิท
หม่าเหลาเอ๋อกระโดดลงจากรถพร้อมปืนในมือ
“เสี่ยวหลิวจับตาดูสองคนนั้นไว้” หลิวจื้อชูสั่งก่อนลงจากรถพร้อมกับเพื่อนอีกคนที่ชื่อเหมาจื่อ
ชายสามคนถือปืนวิ่งเข้าตรอกด้วยความรวดเร็ว เสี่ยวฉู่เมื่อเห็นดังนั้นจึงเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นราวกับโดนสุนัขไล่กวด ซึ่งทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันเพียงสิบห้าเมตร
หลิวจื้อชูปลดระบบนิรภัยปืนก่อนเหนี่ยวไกยิง
“ปัง!”
เสียงปืนลั่นสนั่นไปทั่วตรอกยามค่ำคืน ประกายไฟจากปลายกระบอกสว่างวาบ ลูกกระสุนพุ่งเจาะกำแพงข้างทาง
“วิ่งอีกสิ เร็วเข้า! อยากจะรู้เหมือนกันว่าขาของแกกับลูกปืนของฉันอะไรจะเร็วกว่ากัน!” หลิวจื้อชูตะโกน
ภายในตรอกสลัวพื้นชื้นแฉะ เสี่ยวฉู่ชะลอฝีเท้าก่อนหยุดและหันหลังให้คนที่วิ่งตาม
“ยกมือขึ้นเหนือหัว!” หลิวจื้อชูตะโกนสั่ง
เสี่ยวหลิวค่อยๆ หันใบหน้าซีดกลับมามอง
เขาตะคอกใส่คนตรงหน้าด้วยท่าทีข่มขู่ “ไหนๆ พวกแกก็ไม่ยอมปล่อยฉันอยู่แล้ว ถ้างั้นตายไปด้วยกันหมดนี่แหละ!”
หม่าเหลาเอ๋อชะงักทันทีที่ได้ยิน เขามองเสี่ยวฉู่ที่มีท่าทางเหมือนคนเสียสติก่อนพูดพึมพำ “มันเป็นบ้าอะไรของมัน”
หลังพูดจบก็มีเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังไปทั่ว ต้นเสียงเป็นรถจี๊ปสี่คันที่ขับมาเทียบข้างถนนทางเข้าตรอก
ชายสี่คนเดินเรียงแถวเข้ามาจากด้านหลังเสี่ยวฉู่พร้อมอาวุธครบมือ
“ซวยล่ะ พวกมันได้ตัวไอ้เสี่ยวฉู่ก่อนเรา!”
หม่าเหลาเอ๋อเหงื่อตกเมื่อรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนบุกเข้าไปอย่างอุกอาจ “ถอยไม่ได้แล้ว ยังไงก็ต้องได้ตัวไอ้เสี่ยวฉู่”
…
บนถนนใหญ่
เมื่อเห็นว่ามีรถจี๊ปสี่คันกำลังตรงไปที่ตรอก เสี่ยวหลิวจึงรีบไหวตัวสับเกียร์ถอยและเหยียบคันเร่งจนสุด
“บรืน!”
ทันทีที่ล้อหลังถอยชนขอบถนน เสี่ยวหลิวเหยียบคันเร่งบังคับรถไปยังฝั่งตรงข้ามกับตรอกจนควันโขมง
ทันใดนั้นรถจี๊ปทั้งสี่คันก็ขับมาจอดขวางทางพร้อมกับคนอีกสิบกว่าคนลงมาจากรถ โดยผู้นำกลุ่มคือสิงจื่อห่าว
“อย่าคิดหนี ดับรถซะ!”
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
เหล่าอันธพาลวิ่งเข้าล้อมขณะตะโกนสั่ง
สิงจื่อห่าวคว้าปืนไรเฟิลอัตโนมัติยาวครึ่งเมตรจากลูกน้อง ก่อนเล็งไปที่ฝ่ายตรงข้ามพร้อมแค่นเสียงถาม “คนของตระกูลหม่าจากซ่งเจียงใช่รึเปล่า? ทำไมช่วงนี้ถึงเจอแต่พวกน่ารำคาญกันนะ!”
“ปัง ปัง ปัง!”
หลังเล็งอยู่สักพักสิงจื่อห่าวจึงเหนี่ยวไกยิงใส่รถทันที
ด้วยความแรงของปืนไรเฟิลอัตโนมัติทำให้รถหนาถูกเจาะเป็นรูในทันใด เสี่ยวหลิวที่อยู่ในรถไม่มีที่ไหนให้หลบ เขาทำได้เพียงก้มหัวมุดลงกับเบาะเท่านั้น แต่ก็ไม่เพียงพอให้หนีกระสุนพ้น…ลูกเหล็กเจาะทะลวงแก้มกับหน้าอกเขาจนเป็นรูพรุน เลือดสดๆไหลอาบทั่วร่าง
หลังจัดการเสี่ยวหลิวแล้ว สิงจื่อห่าวจึงหันไปทางตรอกก่อนตะโกนด้วยนัยน์ตาแดงก่ำว่า “ไอ้หม่าเหลาเอ๋อ คุกเข่ายอมแพ้ซะ…แล้วฉันจะให้โอกาสแกโทรสั่งเสียกับครอบครัว!”
…
บริเวณทางแยกถนนใหญ่ใกล้ตรอก
หยงตงกำลังคุยกับหยวนหัวอยู่บนรถขณะที่เสียงปืนดังขึ้น เขารีบชะโงกหน้าออกไปมองพลางพึมพำด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงขั้นต้องยิงปืนกันเลยเหรอ?”
ลูกน้องหยงตงที่มาเฟิงเป่ยวิ่งกระหืดกระหอบกลับมารายงานว่า “พี่ตง พวกนั้นเริ่มปะทะกันแล้วครับ”
“ปะทะเหรอ?” หยงตงชะงัก “พวกนั้นเปิดทางหนีหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่” ลูกน้องส่ายหัว “พอเห็นหม่าเหลาเอ๋อ สิงจื่อห่าวก็พาคนเข้าไปล้อมทันทีเลยครับ”
“เฒ่าหม่ากับฉินอวี่ล่ะ?” หยงตงถาม
“เหมือนจะไม่อยู่ที่นี่ครับ”
“บ้าอะไรเนี่ย…สิงจื่อห่าวเสียสติไปแล้วรึไง?” หยงตงสบถทันทีที่ได้ยินคำตอบ “ได้ตัวไอ้เสี่ยวฉู่แล้วจะทำแบบนั้นอีกทำไม? คนที่ควรจัดการคือเฒ่าหม่าโว๊ย! แค่นี้มันเข้าใจยากนักรึไงวะ!”
ลูกน้องตอบกลับ “เขาอาจกลัวว่าหม่าเหลาเอ๋อจะได้ตัวเสี่ยวฉู่ไป”
“อยากได้นักก็ให้มันไปสิ! คิดว่าพวกมันได้ตัวไอ้เสี่ยวฉู่แล้วเรื่องจะจบหรือไง?” หยงตงตะคอก “ถึงยังไงมันก็ต้องพาไอ้เสี่ยวฉู่กลับไปหาเฒ่าหม่าก่อนกลับซ่งเจียงอยู่แล้ว รอให้พวกมันเจอกันแล้วเข้ารวบทีเดียวก็จบ!”
“สิงจื่อห่าวตัดสินใจแล้วใครจะกล้าขัด…” ลูกน้องตอบเสียงแผ่ว
“ทำไมถึงโง่กันแบบนี้วะ!” หยงตงเลือดขึ้นหน้า เขาหันไปคุยกับหยวนหัวในโทรศัพท์ต่อ “พี่หยวน ผมขอตัวไปดูสถานการณ์ก่อน ถ้าจัดการเรื่องไอ้เสี่ยวฉู่เสร็จ เราอาจจะล่อตาแก่หม่าออกมาได้”
“ไปจัดการให้เรียบร้อย” หยวนหัวตอบกลับ
………………………………….