Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 110

ตอนที่ 110

ตอนที่ 110 แมวเฒ่าผู้อบอุ่นท่ามกลางทุ่งหิมะอันเหน็บหนาว

ด้านข้างรถ

เฒ่าหม่าเอาหิมะก้อนหนึ่งมาถูกับฝ่ามือขณะพูด “ฝากไปบอกผู้กำกับหลี่ด้วยว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ฉันจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง และบอกให้เขาช่วยเด็กสองคนนี้ด้วย ตระกูลเราพร้อมรับสิ่งที่จะตามมาทั้งหมด”

ฉินอวี่รู้ดีว่าคนหยิ่งยโสอย่างเฒ่าหม่ายากที่จะยอมลดศักดิ์ศรีของเขามาพูดขอร้องแบบนี้

“คนแก่อย่างฉันจะอายุสั้นลงอีกสักวันสองวันคงไม่เป็นไร” เฒ่าหม่าพูดพลางก้มหน้าลง “แต่ฉันจะยอมให้เชื้อสายตระกูลหม่าจบลงที่ฉันไม่ได้ ช่วยพูดกับเขาให้หน่อยฉินอวี่”

ฉินอวี่ส่ายหัวด้วยท่าทางลำบากใจ “คำพูดของผมตอนนี้คงยังไม่มีน้ำหนักอะไรมากหรอก ถึงผู้กำกับหลี่จะเดิมพันและสนับสนุนผมมาตลอด แต่คนที่หนุนหลังเขาคงไม่ยอมทำเรื่องแบบนี้ง่ายๆ คุณให้ค่าผมมากไปแล้วครับ”

ผู้เฒ่าหม่าเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาในที่สุด “งั้นก็ลืมมันไปเถอะ คงเป็นชะตากรรมที่เด็กสองคนนั้นต้องเผชิญ ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”

ภายในกระท่อมน้ำแข็ง

แมวเฒ่าตัวสั่นจากความเย็น ขณะโทรไปหาเฒ่าหลีด้วยตาที่เฉียบคม “เฒ่าหลี่ ผมขออะไรลุงหน่อยได้รึเปล่า หม่าเหลาเอ๋อใกล้จะตายแล้ว พอจะช่วยเขาได้ไหม?”

“นี่แกรู้รึเปล่าว่ากรรมการสองในห้าคนของบริษัทหลงสิงมีสิทธิ์ออกเสียงในสภานิติบัญญัติของเขตพิเศษด้วย? แล้วแกรู้รึเปล่าว่าผลของการลักพาตัวสิงจื่อห่าวมีผลยังไง?” ผู้กำกับหลี่แทบจะตะโกนผ่านโทรศัพท์ “แกอยากให้ฉันช่วยหม่าเหลาเอ๋ออีกเหรอ ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ? คิดว่าเขาออกมาเป็นอิสระจากเฟิงเป่ยเพียงแค่ฉันส่งเรื่องไปอย่างนั้นเหรอ?”

“ขอเพื่อนของลุงดูสิ ลุงมีเครือข่ายที่เฟิงเป่ยตั้งเยอะแยะไม่ใช่เหรอ?”

“แกยังพูดเลยนิว่าเครื่อข่ายพวกนั้นเป็นเพื่อนฉัน ไม่ใช่คนรับใช้!” ผู้กำกับหลี่ตะโกนผ่านโทรศัพท์อีกครั้ง “รู้ไหมจะเกิดอะไรขึ้นกับหน่วยพวกนายถ้าพวกหม่าเหลาเอ๋อออกไปได้?”

แมวเฒ่าเงียบไป

“ฉันก็มีอำนาจอยู่เท่านี้ แต่พวกแกสร้างปัญหามาให้กับฉันตลอด แกจะให้ฉันทำไงเอามีดมาจี้คอฉันเลยมั้ย?” ผู้กำกับหลี่พูดเสียงดัง “ฉันจะไม่ไปยุ่งกับเรื่องนี้และไม่ต้องหวังว่าใครจะช่วยได้ ตอนนี้แค่ทำตามฉันบอก แล้วรีบกลับมาที่นี่กับฉินอวี่”

คือผมมีอะไรจะบอกลุง “อันที่จริงผมเป็นคนยิงสิงจื่อห่าวตาย” แมวเฒ่ากล่าว “มันคือความจริงและผมยิงพลาดเอง”

ผู้กำกับหลี่ตกใจมากกับการบอกความจริงอย่างกะทันหันของแมวเฒ่า ทำให้เขาอึ้งไปนานก่อนจะระเบิดความโกรธออกมา “เจ้าโง่ แกมันไอ้ตัวซวยจริงๆ มีความสุขนักใช่ไหมที่ชอบมาล้อเล่นกับความเป็นความตายของฉัน?! นี่มันเรื่องใหญ่! อย่ามาพูดไร้สาระนะไอ้…”

“ถ้าไม่เชื่อผม ผมจะส่งรูปไปให้ดูก็ได้”

“เออ ฉันจะเอารูปของแก!” ผู้กำกับหลี่กระวนกระวายและโมโหมากจนดวงตาของเขาแดงก่ำไปหมดแล้ว เขาเดินไปรอบห้องพร้อมสบถด่าด้วยความโกรธ “เจ้าโง่เอ้ย ไอ้เด็กเวร! แกไม่ควรโกหกเรื่องสำคัญแบบนี้กับฉัน! รู้ไหม…”

“ไม่ได้โกหก มันตายไปแล้วจริงๆ ศพมันแข็งแล้วเนี่ย” แมวเฒ่าตะโกนตอบ

ผู้กำกับทรุดตัวลงบนเก้าอี้ทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของแมวเฒ่า เขาทั้งสับสนและงุนงงอยู่พักใหญ่

“ลุงหลี่ ผมหนีไปไหนไม่ได้แล้ว” แมวเฒ่าพูดเสียวเบา “แต่ตกลงกันแล้วเรื่องนี้เรายังคงมีทางออกอยู่”

“ทางออกไปนรกหน่ะสิ งานนี้ฉันได้ตกนรกแน่!” เฒ่าหลี่ตะโกนก่อนเงียบไปครู่หนึ่งและพูดอีกครั้ง “เดี๋ยวฉันจะคุยกับฉินอวี่หน่อย”

สองนาทีต่อมา ฉินอวี่รับโทรศัพท์ของผู้กำกับหลี่ในกระท่อมน้ำแข็ง “ครับผู้กำกับหลี่”

“คือ…เขาตายไปแล้วจริงเหรอ?” ผู้กำกับหลี่ถามอย่างวิตก

ฉินอวี่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับคำถามและเหลือบไปที่แมวเฒ่าด้านข้าง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบไปด้วยเสียงเคร่งขรึม “ใช่ครับ เขาตายแล้ว”

ผู้กำกับหลี่ถึงกับกุมขมับและหลับตาพร้อมพูดออกมาอย่างหมดหนทาง “ทำไมต้องฆ่าด้วย? อะดรีนาลีนมันพลุ่งพล่านรึไง? ฉันไม่เข้าใจความคิดพวกนายตอนนี้เลย”

“เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้แต่ต้น” ฉินอวี่ตอบ

ผู้กำกับหลี่ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะถาม “แมวเฒ่าไม่ได้เป็นคนฆ่าเขาใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

“แล้วมันอยู่ในเหตุการณ์รึเปล่า?” ดูเหมือนเฒ่าหลี่จะไม่แปลกใจกับคำตอบของฉินอวี่เท่าไหร่

“เขาอยู่ด้วยครับ”

“แล้วนายมีแผนที่จะจัดการกับเรื่องนี้ไหม?” ผู้กำกับหลี่ถามอย่างไม่สบายใจ

ฉินอวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “มีใครบางคนจะมารับโทษแทนเรา”

เฒ่าหลี่ครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนถามต่อ “แน่ใจนะว่าเขาจะยอมรับความผิดทุกอย่าง? ถ้ามันล้มเหลวพวกเราต้องลงเหวกันหมดแน่”

“ครับผมมั่นใจ” ฉินอวี่ลังเลครู่หนึ่งก่อนตอบ “ถ้าไม่มีใครทำผมจะทำเอง”

ผู้กำกับหลี่สูดควันบุหรี่ก่อนจะพูด “งั้นก็บอกแผนของนายมา”

ฉินอวี่เรียบเรียงคำพูดตัวเองขณะเดินรอบกระท่อมน้ำแข็งและเริ่มอธิบายแผน “เมื่อสามชั่วโมงที่แล้วผมได้คุยกับหยวนหัวและบอกเขาว่าจะแลกหยงตงกับสิงจื่อห่าว ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าสิงจื่อห่าวตาย ผมคิดว่าทางหยวนหัวก็ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะบริษัทหลงสิงเพิ่งสูญเสียนายน้อยไป ดังนั้นเขาต้องเจอความกดดันที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน ส่วนการติดตามผลผมคิดว่า…”

ผู้กำกับหลี่เข้าใจสิ่งที่ฉินอวี่พูดทุกอย่างก่อนจะขมวดคิ้วถาม “นายต้องรอบคอบนะ ถ้าพวกนั้นรู้ว่าสิงจื่อห่าวตายแล้ว คงไม่ยอมให้เรื่องนี้จบง่ายๆ แน่ แล้วการที่จะลุยงานนี้คนเดียว มันจะไม่…”

“ลุงหลี่” ฉินอวี่พูดแทรก “วันที่คุณไปตกลงร่วมกับพวกเขาคุณก็น่าจะรู้แล้วว่าคนที่อยู่เบื่องหลังหยวนหัวก็คือพวกบริษัทหลงสิง”

ผู้กำกับหลี่แปลกใจกับคำพูดเหล่านั้น

“เพราะที่คุณตัดสินใจจะต่อต้านหยวนหัวก็แปลว่าคุณรู้เบื้องลึกเบื้องหลังในระดับหนึ่งแล้วใช่รึเปล่าครับ?” ฉินอวี่พูดต่อ “เราจะมัวลังเลไม่ได้เพราะตอนนี้ก็น่าจะชัดเจนมากพอ ลุงหลี่ได้เวลาเปิดไพ่ทั้งหมดที่อยู่ในมือคุณแล้ว”

ผู้กำกับหลี่ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะตอบ “บ้าเอ้ย! ก็จริงที่ฉันรู้ว่าหยวนหัวมีพวกบริษัทหลงสิงหนุนหลัง แต่ก็คาดไม่ถึงว่าพวกแกจะฆ่าสิงจื่อห่าว ฉันสาบานกับพระเจ้าเลยหากรู้ว่าพวกแกประมาทฉันจะไม่กระโดดเข้าไปยุ่งเลย”

“ลุงหลี่งานนี้ผมจะไม่ทำอะไรให้คุณต้องอยู่ในจุดที่เดือดร้อนหรอก” ฉินอวี่กล่าว “ผมจะทำให้ดีที่สุด คุณแค่จัดการเรื่องที่ทางให้เรา ถ้าพลาดขึ้นมาผมจะยอมรับเองว่าเป็นตำรวจทุจริต เป็นคนฆ่าสิงจื่อห่าวและคือผู้ที่จัดการทุกอย่างเอง คุณและหลี่ฟู่กุยจะยังคงเป็นวีรบุรุษของเขตพิเศษที่เก้า”

ผู้กำกับหลี่เงียบไปและถอนหายใจเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่ที่โทรคุยกัน “งั้นแค่นี้นะ”

ไม่กี่นาทีต่อมา

ผู้เฒ่าหม่าเรียกทั้งคู่ไปข้างเขาก่อนกล่าวว่า “เฮ้อ…นี่ไม่ใช่นิสัยฉันเลย ที่ต้องเป็นหนี้ใคร เอาล่ะพวกนายพักผ่อนเถอะ”

แมวเฒ่าสูดลมหายใจก่อนพูด “เมื่ออากาศหนาวเราก็ควรจะแบ่งปันผ้าห่มให้กันมีอะไรพอช่วยได้ก็ช่วย นี่ก็คงเป็นทั้งหมดที่ผมสามารถทำได้เพื่อลุงแล้วล่ะ ผมก็ไม่สนหรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเองถ้ามันผิดพลาดขึ้นมา แต่ลุงหลี่ต้องไม่เป็นอะไร”

ผู้เฒ่าหม่าเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เขาเอามือไปลูบหัวแมวเฒ่าพร้อมพูดว่า “นายยอดเยี่ยมกว่าเหลาเอ๋อของเรามาก”

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่หยวนหัวกลับมาที่พักของบริษัทหลงสิง เขาหันไปสั่งกับหยวนเค่อ “ไปเรียกหยงตงมา”

……….……….……….……….

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท